เหรียญ พระครูประศาสนสุตคุณ (จันทร์ กลฺยาโณ) วัดสระบัว จ.ศรีสะเกษ ที่ระลึกในงานอายุครบ 6 รอบของหลวงพ่อ ปี 2529

เหรียญ พระครูประศาสนสุตคุณ (จันทร์ กลฺยาโณ) วัดสระบัว จ.ศรีสะเกษ ที่ระลึกในงานอายุครบ 6 รอบของหลวงพ่อ ปี 2529
เหรียญ พระครูประศาสนสุตคุณ (จันทร์ กลฺยาโณ) วัดสระบัว จ.ศรีสะเกษ ที่ระลึกในงานอายุครบ 6 รอบของหลวงพ่อ ปี 2529เหรียญ พระครูประศาสนสุตคุณ (จันทร์ กลฺยาโณ) วัดสระบัว จ.ศรีสะเกษ ที่ระลึกในงานอายุครบ 6 รอบของหลวงพ่อ ปี 2529
รหัสสินค้า SB2901
หมวดหมู่ 59.พระเครื่อง จังหวัด ศรีสะเกษ
ราคา 1,950.00 บาท
สถานะสินค้า พร้อมส่ง
ลงสินค้า 19 ก.ค. 2561
อัพเดทล่าสุด 24 ก.ย. 2568
จำนวน
เหรียญ
หยิบลงตะกร้า
บัตรประชาชน
บุ๊คแบ๊งค์
คุ้มครองโดย LnwPay
ประวัติพระครูประศาสน์สุตคุณ (จันทร์ กัลยาโณ) 
อดีตเจ้าอาวาสวัดสระบัว (บ้านกอก) ต.หนองแก้ว อ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ
ชาติภูมิ นามเดิม จันทร์ นามสกุล เครือบุตร เกิดเมื่อวันที่ 7 เดือนกันยายน พ.ศ.2457 ตรงกับวันแรม 3 ค่ำ เดือน 10 ที่บ้านกอก ต.หนองแก้ว อ.เขื่องใน จ.อุบลราชธานี ซึ่งในสมัยนั้นอำเภอกันทรารมย์ฝั่งซ้ายยังขึ้นอยู่กับจังหวัดอุบลราชธานี หลวงปู่เป็นบุตรคนที่ 4 ในจำนวน 5 คน ของคุณพ่อพุ้ย คุณแม่จูม เครือบุตร
การศึกษา ในวัยเด็กหลวงปู่ได้เข้าเรียนหนังสือที่โรงเรียนบ้านหนองแก้วจนจบชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ซึ่งเป็นชั้นสูงสุดในสมัยนั้น หลังจากจบชั้นประถมปีที่ 4 แล้วก็ออกมาช่วยคุณพ่อคุณแม่ทำไร่ทำนาอยู่หลายปี จนอายุได้ 21 ปี หลังจากเกณฑ์ทหารแล้วจึงได้เข้าบรรพชาอุปสมบทที่พัทธสีมาวัดสระบัว เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ.2478 โดยมี
  เจ้าอธิการบัวพา อุตตโม วัดหนองแวง เป็นพระอุปัชฌายะ
  พระอธิการเภา อุตตโม วัดหนามแท่ง เป็นพระกรรมวาจาจารย์
  พระอธิการผัน วัดสระบัว เป็นพระอนุสาวนาจารย์
หลังจากอุปสมบทแล้ว ได้เดินทางไปศึกษาวิชาความรู้อยู่หลายแห่ง สำนักเรียนที่ไปศึกษาอาทิเช่น
  วัดหนองไข่นก
  วัดทุ่งศรีเมือง จังหวัดอุบลราชธานี
ส่วนมากจะเป็นตำราแพทย์แผนโบราณ และวิชาไสยศาสตร์สามารถอ่านออกเขียนได้ ตัวอักษรธรรม อักษรขอม และเรียนจบนักธรรมชั้นเอก
 ตำแหน่งและสมณศักดิ์
  เป็นเจ้าอาวาสวัดสระบัว เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม พ.ศ.2493 จนถึง พ.ศ.2537
  เป็นพระปลัดฐานานุกรมของพระราชจินดามุณี เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ.2510
  ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์พระครูสัญญาบัตรเจ้าอาวาสชั้นตรี เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ.2515
  ได้รับแต่งตั้งเป็นพระอุปัชฌายะ เมื่อวันที่ 27 มกราคม พ.ศ.2515
  เลื่อนสมณศักดิ์พระครูสัญญาบัตรเจ้าอาวาสชั้นโท เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ.2529
  ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าคณะตำบลเมื่อวันที่ 15 สิงหาคม พ.ศ.2533
  เลื่อนสมณศักดิ์พระครูสัญญาบัตรเจ้าคณะตำบลชั้นโท เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ.2533
การก่อสร้าง
  พ.ศ.2504 สร้างศาลาการเปรียญขึ้นหนึ่งหลังเป็นศาลาทรงไทยครึ่งอิฐครึ่งไม้ ยาว 18 เมตร กว้าง 12 เมตร สร้างเสร็จเมื่อ พ.ศ.2505 ใช้งบประมาณ 400,000 บาทเศษ ซึ่งได้รับการอนุเคราะห์จากหลวงปู่พระครูอนุกูลคณารักษ์ (เงิน เรวโต) อดีตเจ้าคณะอำเภอองครักษ์
  พ.ศ.2512 ก่อสร้างกุฎิขึ้นอีก 1 หลัง เป็นกุฎิครึ่งอิฐครึ่งไม้ ยาว 18 เมตร กว้าง 16 เมตร สิ้นงบประมาณ 300,000 บาทเศษ
  พ.ศ.2521 ได้รื้ออุโบสถหลังเก่า ซึ่งอยู่ในสภาพทรุดโทรมมาก จึงได้กราบทูลอาราธนาเจ้าประคุณสมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปรินายก (วาสนะเถระ) เสด็จมาเป็นองค์ประธานวางพระศิลาฤกษ์ เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2521 และได้ดำเนินการก่อสร้างเป็นลำดับมาจนสำเร็จเป็นอุโบสถหลังใหม่ยาว 19 เมตร กว้าง 8.5 เมตร สิ้นงบประมาณ 4,500,000 บาทเศษ และได้ประกอบพิธี ยกช่อฟ้า ผูกสีมา ตัดลูกนิมิตในวันที่ 11-12 กุมภาพันธ์  พ.ศ.2540
  พ.ศ.2533 ได้ก่อสร้างกุฎิประศาสน์สุตคุณขึ้นหนึ่งหลัง เป็นกุฏิตึกทรงไทยสองชั้น ยาว 18.5 เมตร กว้าง 12 เมตร สำเร็จเมื่อปี พ.ศ.2535 สิ้นงบประมาณ 1,400,000 บาทเศษ
  พ.ศ.2535 ได้ก่อสร้างฌาปนสถาน การก่อสร้างได้ดำเนินโดยลำดับ จนกลางปี 2537 หลวงปู่ได้เริ่มอาพาธเนื่องจากร่างกายขาดการพักผ่อน วันๆต้องนั่งรับแขกที่ไปมาหาสู่ตลอดทั้งวัน แต่การก่อสร้างก็ไม่ได้หยุดชะงัก ศิษยานุศิษย์และญาติโยมได้ช่วยกันดำเนินการก่อสร้างต่อมา จนสำเร็จใช้การได้สิ้นงบประมาณ 1,560,000 บาทเศษ
งานศาสนสงเคราะห์
  พ.ศ.2516 ขอย้ายโรงเรียนหลังเก่าซึ่งติดกับเขตของวัด ออกไปตั้งและทำการก่อสร้างใหม่ เนื่องจากโรงเรียนหลังเก่ามีสนามคับแคบ ไม่สะดวกในการจัดกิจกรรมต่างๆ ทางกระทรวงได้อนุมัติให้ย้ายไปรวมกับโรงเรียนบ้านหัวนา ให้ชื่อว่าโรงเรียนบ้านกอก-หัวนา หลวงปู่ได้จัดหาสถานที่สร้างโรงเรียนจนบรรลุความสำเร็จทุกอย่าง
  พ.ศ.2524 ได้ของบประมาณจัดสร้างสถานีอนามัยขึ้น หลวงปู่ได้ให้ความอุปถัมป์ในด้านกระแสไฟฟ้าในตัวอาคารอนามัย ตลอดทั้งบ้านพักของเจ้าหน้าที่ทั้งหมด
  โดยอุปนิสัยส่วนตัวของหลวงปู่ ท่านเป็นคนโอบอ้อมอารีย์ มีเมตตาธรรมสูง หลวงปู่เลี้ยงศิษยานุศิษย์เหมือนลูกโดยการส่งเสียค่าเล่าเรียนทุกอย่างเท่าที่หลวงปู่จะทำได้ โดยไม่ให้พ่อแม่เดือดร้อน ผู้ที่มาบวชเรียนกับหลวงปู่ ได้ดิบได้ดีมีงานทำ มีหน้ามีตาในวงสังคมเกือบทุกวงการ เป็นครู เป็นข้าราชการทหาร ตำรวจ อาจารย์สอนอยู่ตามมหาวิทยาลัยก็มี นอกจากนี้หลวงปู่ยังเป็นที่พึ่งของชาวบ้านหลายอย่าง โดยเฉพาะยาแผนโบราณเพราะในสมัยก่อนการแพทย์ยังไม่ทันสมัย ชาวบ้านต้องพึ่งยาสมุนไพร เช่นยาหม้อ ยาฝน ยาทา แม้แต่โรคประหลาดๆ ซึ่งวิทยาศาสตร์การแพทย์แผนใหม่รักษาไม่หาย เช่นใส้เดือนกัด บุ้งกือกัด หลวงปู่ก็รักษาให้หายได้ แต่น่าเสียดายไม่ปรากฏว่ามีใครได้ตำรายาเหล่านี้เลย แม้แต่โรคลมบ้าหมู หลวงปู่ก็รักษาให้หายขาดได้
การอาพาธ
  หลวงปู่เริ่มอาพาธเมื่อกลางปี พ.ศ. 2537 ต้องเข้าโรงพยาบาลหลายครั้ง อยู่วัดก็ไม่มีเวลาพักผ่อน พอไปอยู่โรงพยาบาลคิดว่าจะมีเวลาพักผ่อนบ้าง แต่พอเวลาไปอยู่จริงๆ กลับไม่มีเวลาพักผ่อน เพราะจะต้องพูดคุยกับญาติโยมที่ให้ความเคารพศรัทธาในตัวหลวงปู่ตลอดทั้งวันท่านอายุมากแล้วยังต้องมาทรมานนั่งหลังขดหลังแข็งต้อนรับแขกทั้งวี่ทั้งวัน ร่างกายก็ยิ่งแย่ลงไปอีกแม้แต่เวลากลับมาอยู่วัด คนก็ตามเอารถให้หลวงปู่เจิมจนเดินได้ไม่สะดวกก็เข้าปีกพยุงเดินลงบันไดไปเจิม หลวงปู่ป่วยด้วยโรคลำคออักเสบ กลืนอาหารไม่ลง แม้แต่จำพวกอาหารอ่อนๆ เช่นข้าวต้มหรือโจ๊กก็กลืนไม่ลง จึงทำให้ร่างกายของหลวงปู่อ่อนแอลงตามลำดับ ถึงกระนั้นท่านก็ยังมีกำลังใจดีมาก
  ตอนเย็นๆของวันที่ 8 ตุลาคม พ.ศ.2537 ก่อนจะเดินลงจากศาลาการเปรียญ ท่านยังได้พูดคุยกับสามเณรที่คอยเฝ้าอุปัฏฐากว่าท่านจะเดินไปดูข้างอุโบสถทางด้านทิศเหนือว่าพระเณรทำความสะอาดเสร็จรึยัง เพราะอีกสี่ห้าวันจะมีงานถวายสังฆทานประจำปี พอดูเสร็จหลวงปู่ก็เดินกลับกุฏิที่พัก พอถึงกุฏิท่านก็นั่งลงเอนกายกับหมอนพิง แล้วร้องบอกสามเณรที่ติดตามว่าขอน้ำหน่อยจะฉันยาแล้วก็เงียบเสียงไป พอสามเณรนำน้ำเข้าไปถวายเห็นอาการของหลวงปู่ผิดปกติ คือมีอาการคล้ายคนสะอึก จึงรีบวิ่งไปบอกพระที่กุฏิข้างเคียงแล้วรีบวิ่งมาดู ก็พบว่าหลวงปู่นอนพิงหมอน เหยียดขาทั้งสองข้าง คอพับไปทางทิศตะวันตก ในมือยังกำเม็ดยา พอเอามือแตะที่รูจมูกก็ปรากฏว่าไม่มีลมหายใจ เข้าใจว่าหลวงปู่คงสิ้นใจแล้ว ขณะนั้นเป็นเวลาประมาณ 18 นาฬิกาเศษๆ ในที่สุดหลวงปู่ก็ได้จากศิษยานุศิษย์ ลูกหลาน ญาติโยมไปอย่างไม่มีวันกลับ
  นับว่าเป็นการสูญเสียบุคคลผู้ที่เป็นที่พึ่งของทายกทายิกาครั้งสำคัญอีกครั้งหนึ่ง แม้ว่าหลวงปู่จะได้จากลูกหลาน ญาติโยมไปแล้วก็ตามแต่คุณงามความดีของหลวงปู่ก็ยังปรากฏให้ลูกหลานได้เห็น และจดจำนำไปประพฤติปฏิบัติ เพื่อให้เกิดเป็นศิริมงคลในชีวิตตลอดไป สิริรวมอายุของหลวงปู่ได้ 80 ปี 1 เดือน 1 วัน
พระครูประศาสน์สุตคุณ หรือหลวงปู่จันทร์ กัลยาโณ วัดสระบัว(บ้านกอก)อ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ 
ท่านเป็นศิษย์เอกของหลวงปู่รอด วัดทุ่งศรีเมือง จ.อุบล เหรียญรุ่นแรก สร้างเมื่อปี 2520 
จัดสร้างโดยง่วนอังอุบลที่เคยสร้างพระผงหลวงพ่อชา รุ่น งจส มาแล้ว เหรียญรุ่นนี้คนพื้นที่หวงกันมากครับ เพราะมีประสบการณ์สูง

วิธีการชำระเงิน

ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) สาขาปตท.ถนนกาญจนาภิเษก 2 ออมทรัพย์

JEWELRY-ANTIQUE-AMULET

ระบบสมาชิก

สถิติร้านค้า

หน้าที่เข้าชม4,556,256 ครั้ง
ผู้ชมทั้งหมด3,492,554 ครั้ง
เปิดร้าน4 ก.พ. 2558
ร้านค้าอัพเดท22 ต.ค. 2568

ติดต่อเรา

ติดตามสินค้า

พูดคุย-สอบถาม