หลวงปู่นาค วัดระฆัง ได้ขึ้นชื่อว่า เป็นพระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ เคร่งครัดในพระธรรมวินัย และได้เป็นผู้สร้าง พระผงพิมพ์ต่างๆ ที่ได้ขึ้นชื่อว่า เป็นหน่อเนื้อเชื้อไข จากพระสมเด็จวัดระฆัง สมเด็จโตพรหมรังสี โดยตรง ทั้งในด้านของชนวนมวลสาร และวิธีการสร้างจากตำราของ สมเด็จพุฒาจารย์โตพรหมรังษี อีกด้วย
หลวงปู่นาค มีชื่อเดิมว่านาค นามสกุล มะเริงสิทธิ์ กำเนิดที่บ้านปราสาทตำบลจันอัด อำเภอโนนสูงจังหวัดนครราชสีมา เมื่อวันศุกร์ที่ 1 สิงหาคมปี 2427 ตรงกับขึ้น 10 ค่ำเดือน 9 ปีวอก เวลา 19:00 น. ปู่ของท่าน ชื่อขุนประสิทธิ์ (อยู่) เป็นนายอากรเมืองโคราช ย่าชื่อฉิม มะเริงสิทธิ์ บิดาชื่อนายป้อม มารดาชื่อนางสงวน นามสกุลมะเริงสิทธิ์ มีพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน 4 คน
มรณภาพ
เมื่อวันที่ 15 มกราคมปี 2514 เวลา 04.40 น. หลวงปู่นาคมรณภาพด้วยโรคชรา ที่โรงพยาบาลศิริราช สิริรวมอายุได้ 87 ปี 75 พรรษา
วัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหาร เป็นวัดพุทธในประเทศไทย ตั้งอยู่ในแขวงศิริราช เขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร เป็นพระอารามหลวงชั้นโท ชนิดวรมหาวิหาร อยู่ในเขตการปกครองคณะสงฆ์มหานิกาย ภาค 1 วัดแห่งนี้เป็นวัดเก่าที่สร้างขึ้นในสมัยกรุงศรีอยุธยา เดิมชื่อว่า "วัดบางหว้าใหญ่" ต่อมาในสมัยกรุงธนบุรี สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีทรงสถาปนาพระราชวังใกล้เคียงกับวัดดังกล่าว และโปรดเกล้าฯ ให้ยกวัดนี้ขึ้นเป็นพระอารามหลวง โดยใช้เป็นที่ประทับของสมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก
ในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช วัดบางหว้าใหญ่อยู่ภายใต้พระอุปถัมภ์ของสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากรมพระเทพสุดาวดี พระเชษฐภคินีของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช และเป็นพระชนนีของกรมพระราชวังบวรสถานพิมุข พระองค์ทรงมีตำหนักที่ประทับอยู่ติดกับวัด และทรงบูรณปฏิสังขรณ์วัดร่วมกับพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ระหว่างการบูรณปฏิสังขรณ์ได้ขุดพบระฆังสัมฤทธิ์ใบหนึ่ง ซึ่งพระองค์ทรงโปรดให้นำไปไว้ที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้ว) และทรงพระกรุณาให้สร้างระฆังขึ้นใหม่จำนวน 5 ใบมาทดแทน พร้อมพระราชทานนามวัดใหม่ว่า "วัดระฆังโฆสิตาราม" เพื่อรำลึกถึงเหตุการณ์นั้น และฟื้นฟูตามแบบแผนในสมัยกรุงศรีอยุธยา ที่เคยมีวัดชื่อเดียวกัน ในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการให้เปลี่ยนชื่อเป็น "วัดราชคัณฑิยาราม" (คำว่า "คัณฑิ" แปลว่า ระฆัง) แต่เนื่องจากประชาชนไม่นิยมเรียกชื่อนี้ จึงยังคงใช้ชื่อว่า "วัดระฆังโฆสิตาราม" จนถึงปัจจุบัน
วัดระฆังโฆสิตารามมีหอพระไตรปิฎกซึ่งถือเป็นสถาปัตยกรรมที่วิจิตรสวยงาม เดิมทีเป็นพระตำหนักและหอประทับนั่งของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ขณะยังทรงรับราชการในสมัยกรุงธนบุรี และเมื่อเสด็จขึ้นครองราชสมบัติแล้ว ได้โปรดเกล้าฯ ให้นำอาคารดังกล่าวมาถวายวัด พร้อมทรงมีพระราชประสงค์ให้บูรณปฏิสังขรณ์ให้วิจิตรงดงาม เพื่อใช้เป็นหอพระไตรปิฎกประจำพระอารามแห่งนี้
วัดระฆังโฆสิตาราม วรมหาวิหาร ตั้งแต่สมัยกรุงธนบุรีมาจนถึงยุคปัจจุบันนี้ มีอธิบดีสงฆ์ปกครองวัดมาแล้ว 12 รูปด้วยกัน ดังนี้
ลำดับ เจ้าอาวาส วาระ (พ.ศ.)
1. สมเด็จพระสังฆราช (ศรี) 2312 — 2337
2. พระพนรัตน (นาค) 2337 — ?
3. พระพุฒาจารย์ (อยู่) ? — ?
4. สมเด็จพระพนรัตน (ทองดี) ? — ?
5 สมเด็จพระพนรัตน (ฤกษ์) ? — ?
6. สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พฺรหฺมรํสี) 2395 — 2415
7. หม่อมเจ้าพระสมเด็จพระพุฒาจารย์ (ทัด) 2415 — 2437
8. สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (หม่อมราชวงศ์เจริญ ญาณฉนฺโท) 2437 — 2470
9. พระเทพสิทธินายก (นาค โสภโณ) 2470 — 2514
10. พระเทพญาณเวที (ละมูล สุตาคโม) 2515 — 2530
11. พระเทพประสิทธิคุณ (ผัน ติสฺสโร)[8] 2532 — 2550
12. พระธรรมธีรราชมหามุนี (เที่ยง อคฺคธมฺโม) 2550 — 2564
13. พระเทพประสิทธิคุณ (ประจวบ ขนฺติธโร) 19 กุมภาพันธ์ 2565 - ปัจจุบัน
วิกิพีเดีย