เหรียญ ร.5 หลวงพ่อคูณ วัดบ้านไร่ นครราชสีมา ปราบฮ่อ ปี 2538 กะหลั่ยทอง

เหรียญ ร.5 หลวงพ่อคูณ วัดบ้านไร่ นครราชสีมา ปราบฮ่อ ปี 2538 กะหลั่ยทอง
เหรียญ ร.5 หลวงพ่อคูณ วัดบ้านไร่ นครราชสีมา ปราบฮ่อ ปี 2538 กะหลั่ยทองเหรียญ ร.5 หลวงพ่อคูณ วัดบ้านไร่ นครราชสีมา ปราบฮ่อ ปี 2538 กะหลั่ยทอง
รหัสสินค้า 05REWBRY3801
หมวดหมู่ วัตถุมงคล-พระราชพิธี ร.5-ร.9 และ พระมหากษัตริย์ บุคคลสำคัญ
ราคา 950.00 บาท
สถานะสินค้า พร้อมส่ง
ลงสินค้า 7 มี.ค. 2558
อัพเดทล่าสุด 8 ธ.ค. 2568
จำนวน
เหรียญ
บัตรประชาชน
บุ๊คแบ๊งค์
คุ้มครองโดย LnwPay
สงครามปราบฮ่อ เป็นการต่อสู้กับกลุ่มผู้ลี้ภัยกึ่งทหารชาวจีนที่บุกรุกพื้นที่ตังเกี๋ยและสยามระหว่างปี 2408–2433

สาเหตุของการปราบฮ่อ
พ.ศ. 2394 ฮ่อ หรือกองกำลังชาวจีน ที่ต่อต้านราชวงศ์แมนจู ได้ก่อการกบฏโดยเรียกกลุ่มตัวเองว่า กบฏไท่ผิงเทียนกั๋ว เพื่อปลดปล่อยตนเองออกจากการปกครองของราชวงศ์แมนจูที่เป็นใหญ่ยึดครองประเทศจีนอยู่ในขณะนั้น จนเกิดการรบพุ่งกันเป็นการใหญ่ เมื่อปี พ.ศ. 2405 พวกไท้ผิงพ่ายแพ้ต้องหลบหนีไปซุ่มซ่อนตัวตามป่าเขาในมณฑลต่าง ๆ ของจีน ทั้งในมณฑลยูนนาน ฝูเจี้ยน กวางไส กวางตุ้ง เสฉวน และส่วนหนึ่งหลบหนีมายังตังเกี๋ย ทางตังเกี๋ยจึงดำเนินการปราบปรามทำให้พวกฮ่อต้องหนีมาอยู่ที่เมืองซันเทียน

พ.ศ. 2408 ในสมัยรัชกาลที่ 4 ขณะนั้นพวกฮ่อภายใต้การนำของ "ปวงนันชี" ซึ่งใช้ธงสีเหลืองเป็นสัญลักษณ์ ได้ซ่องสุมกำลังที่ทุ่งไหหิน และได้ประพฤติตนเป็นโจรเที่ยวปล้นบ้านเมืองในดินแดนสิบสองจุไทและเมืองพวน ซึ่งขณะนั้นถือเป็นอาณาเขตของฝ่ายไทย

การปราบปราม
ครั้งแรก
ในสมัยรัชกาลที่ 5 พวกฮ่อภายใต้การนำของ "ปวงนันชี" ซ่องสุมกำลังที่หลวงพระบาง ทุ่งไหหินอยู่ในเมืองโพนสะหวัน แขวงเชียงขวาง ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของลาว เป็นกลุ่มโจรปล้นบ้านเมืองในดินแดนสิบสองจุไทและเมืองพวน ซึ่งขณะนั้นถือเป็นอาณาเขตของฝ่ายไทย

ครั้งที่ 2
ในปี พ.ศ. 2417 กองกำลังฮ่อได้เตรียมกำลังออกเป็น 2 ทัพ ทัพที่ 1 จะเดินทัพลงมาที่เมืองเวียงจันทน์แล้วจะเข้าตีเมืองหนองค่าย(ชื่อเดิมของหนองคาย) ส่วนทัพที่ 2 จะเดินทัพไปทางหัวเมืองพันห้าทั้งหก จะเข้าตีเมืองหลวงพระบาง พ.ศ. 2418 เมื่อพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงทราบข่าวศึกฮ่อ จึงโปรดเกล้าฯ ให้เจ้าพระยามหาอำมาตย์ (ชื่น กัลยาณมิตร) จัดส่งกองทัพจากกรุงเทพฯ ไปปราบฮ่อที่ได้ยกกำลังล่วงล้ำเข้ามาจนถึงเมืองเวียงจันทน์

ครั้งที่ 3
ในปี พ.ศ. 2426 ได้พบบันทึก การสร้างพระกริ่งปวเรศ รุ่น 1 ครั้งที่ 5 ในปี พ.ศ. 2426 เรียกกริ่งปราบฮ่อ ร.5 สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์ ไม่ได้เป็นผู้ออกแบบ ในครั้งนี้ช่างสิบหมู่และโหรหลวงเป็นผู้ออกแบบ ลักษณะอักษร "ปราบฮ่อ" อยู่บนฐานชั้น 2 ติดกับพระโสณี (ตะโพก) ด้านหลัง "ร5" ตัว "ร" หล่อติดระหว่างกลางฐาน 1 และ 2 ด้านซ้ายของกรีบบัวหลัง เลข "5" หล่อติดแนวเดียวกันทางด้านขวาของกรีบบัวหลัง จำนวนการสร้างไม่ได้กล่าวไว้

ในปี 2426 กองกำลังทหารของไทยได้รับมอบพระกริ่งปวเรศ รุ่น 1 พ.ศ. 2426 เพื่อความสวัสดี มีชัยปราศจากโรคภัยและกำจัดปัดเป่าอัปมงคล อันตราย ภัยพิบัติต่างๆให้กับกองทหารไทยที่ไปทำศึกสงครามปราบฮ่อ พ.ศ. 2426

พวกฮ่อยกมารุกรานเมืองหลวงพระบางอีก โปรดให้พระยาพิชัย (มิ่ง) พระยาสุโขทัย (ครุธ) คุมกำลังไปช่วยก่อน แล้วให้พระยาราชวรานุกูล (เอก บุญยรัตนพันธุ์) เป็นแม่ทัพยกตามไป ฮ่อได้ข่าวก็ถอยหนีไปปักหลักสู้ที่ค่ายทุ่งเชียงคำ ซึ่งมีแนวกอไผ่แน่นหนาเป็นป้อมปราการ ฝ่ายไทยตามไปถึง ก็ยิงปืนใหญ่เข้าใส่ แต่กระสุนติดกอไผ่ ทำอะไรพวกฮ่อไม่ได้ พระยาราชวรานุกูล ขัดใจยกกำลังบุกเข้าไปถูกฮ่อยิงด้วยปืนใหญ่เข้าที่ขาบาดเจ็บสาหัส รุกคืบหน้าไม่ได้ ก็ได้แต่ล้อมค่ายเอาไว้สองเดือน ฮ่อเริ่มอดอาหารบาดเจ็บล้มตาย แต่ยังไม่ยอมแพ้ การปราบปรามฮ่อของไทยดำเนินการอยู่จนถึงปี พ.ศ. 2428 จึงได้ถอนกำลังจากทุ่งเชียงคำ กลับมายังเมืองหนองคาย เนื่องจากขาดเสบียงอาหาร และแม่ทัพคือพระยาราชวรากูลถูกฮ่อยิงบาดเจ็บ

ครั้งที่ 4
ในปี พ.ศ. 2428 ร.5 จึงโปรดเกล้าฯ ให้กรมทหารที่ได้รับการฝึกหัดตามแบบยุโรปขึ้นไปปราบฮ่อ โดยจัดเป็นสองกองทัพคือกองทัพฝ่ายใต้และกองทัพฝ่ายเหนือ

กองทัพฝ่ายใต้มีนายพันเอก พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นประจักษ์ศิลปาคมเป็นแม่ทัพยกไปปราบฮ่อในแคว้นเมืองพวน และได้ตั้งกองบัญชาการกองทัพอยู่ที่เมืองหนองคาย แล้วให้พระอมรวิไสยสรเดช (โต บุนนาค) ยกทัพหน้าไปตีค่ายฮ่อที่ทุ่งเชียงคำ พวกฮ่อได้หนีไปในเขตญวน กองทัพไทยจึงรื้อค่ายฮ่อที่ทุ่งเชียงคำเสีย

กองทัพฝ่ายเหนือมีนายพันเอก เจ้าหมื่นไวยวรนาถ (เจิม แสง-ชูโต) เป็นแม่ทัพยกไปปราบฮ่อในแคว้นหัวพันห้าทั้งหก ยกกำลังออกจากกรุงเทพฯ พร้อมอาวุธแบบใหม่นอกจากช้าง ม้า โค ลาต่างและฬ่อ ก็ยังมีลูกแตกหรือลูกระเบิดและปืนกลที่สะดวกแก่การขนย้ายมากกว่าปืนใหญ่ โดยไปชุมนุมทัพที่เมืองพิชัยแล้วเดินทัพต่อไปยังเมืองน่าน แล้วยกกำลังไปถึงเมืองหลวงพระบาง จากนั้นได้เคลื่อนกำลังเข้าสู่แคว้นหัวพันห้าทั้งหก เมื่อปราบฮ่อในแคว้นนี้ได้แล้วจึงได้ยกกำลังไปปราบฮ่อในแคว้นสิบสองจุไท

พ.ศ. 2429 สามารถปราบฮ่อได้ราบคาบแล้วจึงยกกำลังกลับถึงกรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2430

พระเทพวิทยาคม (คูณ ปริสุทฺโธ)
พระเทพวิทยาคม (เกิด คูณ ฉัตร์พลกรัง; 4 ตุลาคม พ.ศ. 2466 – 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2558) หรือที่รู้จักในนาม หลวงพ่อคูณ เป็นพระเกจิอาจารย์ อดีตที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค 11 และอดีตเจ้าอาวาสวัดบ้านไร่ ตำบลกุดพิมาน อำเภอด่านขุนทด จังหวัดนครราชสีมา พระมหาเถระผู้บริจาคเงินเป็นทานทุนทรัพย์ สร้างอาคารโรงเรียน อาคารวิทยาลัย อาคารมหาวิทยาลัย อาคารและเครื่องมือแพทย์ให้แก่โรงพยาบาลที่ขัดสนเงินงบประมาณจากรัฐบาลที่เงินงบประมาณภาครัฐบาลเข้าไม่ถึง ทุนการศึกษาของเด็กเยาวชน กุฏิ อุโบสถ ศาลา เสนาสนะสงฆ์ของวัดที่รับอุปถัมภ์การก่อสร้าง ผู้สร้างคุณูปการด้านงานสาธารณูปการสงเคราะห์ที่ยิ่งใหญ่ให้แก่สังคมไทย

มรณภาพ
คณะแพทย์ประกาศแจ้งว่า พระเทพวิทยาคม (หลวงพ่อคูณ ปริสุทฺโธ) มีอาการโดยรวมทรุดลง จนกระทั่งถึงแก่มรณภาพลงขณะทำการรักษา ภายในห้องอายุรกรรมผู้ป่วยหนัก โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา สิริอายุ 91 ปี พรรษา 71

วิธีการชำระเงิน

ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) สาขาปตท.ถนนกาญจนาภิเษก 2 ออมทรัพย์

JEWELRY-ANTIQUE-AMULET

ระบบสมาชิก

สถิติร้านค้า

หน้าที่เข้าชม4,686,267 ครั้ง
ผู้ชมทั้งหมด3,622,565 ครั้ง
เปิดร้าน4 ก.พ. 2558
ร้านค้าอัพเดท14 ธ.ค. 2568

ติดต่อเรา

ติดตามสินค้า

พูดคุย-สอบถาม