พระครูสังวรสมาธิวัตร (ประเดิม โกมโล)
เกิด ๔ มกราคม พ.ศ. ๒๔๖๘
อายุ ๖๑ ปี
อุปสมบท ๑๔ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๙๑
มรณภาพ ๑๗ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๒๙
วัด วัดเพลงวิปัสสนา
ท้องที่ กรุงเทพมหานคร
สังกัด มหานิกาย
สถานะเดิม
พระครูสังวรสมาธิวัตร มีนามเดิมว่า ประเดิม เหล่ารินทร์ เกิดเมื่อวันจันทร์ที่ ๔ มกราคม พ.ศ. ๒๔๖๘ ตรงกับแรม ๖ ค่ำ เดือน ๒ ปีฉลู เวลาประมาณ ๐๒.๐๐ น. ณ บ้านโขยง หมู่ที่ ๔ ตำบลสวี อำเภอสวี จังหวัดชุมพร เกิดในตระกูลเหล่ารินทร์ (ขุนรินทร์เป็นต้นตระกูล) บิดาชื่อ นายเตี้ยน มารดาชื่อ นางเขม เหล่ารินทร์ มีพี่น้องร่วมบิดาเดียวกัน ๖ คน พระครูสังวรสมาธิวัตร เป็นบุตรคนแรกบิดาจึงตั้งชื่อ ประเดิม มีอาชีพกสิกรรม
การศึกษา
พ.ศ. ๒๔๖๙ ได้ย้ายตามบิดาไปอยู่ที่บ้านพะงุ้น หมู่ที่ ๓ ตำบลสวี อำเภอสวี จังหวัดชุมพร ตั้งแต่ยังเป็นเด็กเล็ก เมื่อเจริญเติบโตจนกระทั่งอายุ ๗ ปี จึงได้เข้าเรียนหนังสือ ณ โรงเรียนวัดพะงุ้น ในปี พ.ศ. ๒๔๗๕
ครั้งถึงปี พ.ศ. ๒๔๗๗ ได้ย้ายไปเรียนชั้นประถมปีที่ ๒ ณ โรงเรียนวัดแหลมปอ ตำบลสวี อำเภอสวี เป็นเวลา ๑ ปี แล้วจึงกลับมาเรียนชั้นประถม ณ โรงเรียนวัดพะงุ้นอีกจนจบชั้นประถมปีที่ ๔ เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๘๐
ในปี พ.ศ. ๒๔๘๑ ได้เข้าเรียนชั้นมัธยม ณ โรงเรียนบุณยสมบัติวิทยา ตลาดสวี ตำบลนาโพธิ์ อำเภอสวี จังหวัดชุมพร ได้ศึกษาเล่าเรียนจนจบชั้นมัธยมปีที่ ๕ ในปี พ.ศ. ๒๔๘๖
ประกอบอาชีพ
พ.ศ. ๒๔๘๘ ได้ไปเป็นครู ณ โรงเรียนมัธยมนพคุณ ตำบลกำเนิดนพคุณ อำเภอบางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นเวลา ๒ ปีเศษ
บรรพชาอุปสมบท
พ.ศ. ๒๔๙๑ มีอายุได้ ๒๓ ปี ได้ลาออกจากการเป็นครู ไปบรรพชาอุปสมบทเป็นพระภิกษุ เมื่อวันที่ ๑๔ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๙๑ ณ พัทธสีมาวัดแหลมปอ ตำบลสวี อำเภอสวี จังหวัดชุมพร โดยมี พระครูสุวีราสยคุณ (แม้น) เป็นพระอุปัชฌาย์ พระครูสุนทรกรณีย์ เป็นกรรมวาจาจารย์ แล้วอยู่จำพรรษา ณ วัดดอนสะท้อน ตำบลปากแพรก อำเภอสวี จังหวัดชุมพร ๑ พรรษา
การศึกษาพระปริยัติธรรม
ปี พ.ศ. ๒๔๙๒ เรียนปริยัติธรรม ณ วัดเชิงคีรี ตำบลปากแพรก อำเภอสวี จังหวัดชุมพร โดยมี พระสุทธิพงศ์คณาสัย (หีด) เป็นพระอาจารย์สอน สอบได้นักธรรมชั้นตรี ในปีเดียวกันได้เดินทางไปศึกษาประปริยัติธรรมต่อ ณ วัดเขาโบสถ์ ตำบลกำเนิดนพคุณ อำเภอบางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ๑ พรรษา ปี พ.ศ. ๒๔๙๓ ได้เดินทางไปเรียนพระปริยัติธรรมต่อ แผนกนักธรรม บาลี ณ วัดสามพระยา แขวงบางขุนพรหม เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร
วิปัสสนาธุระ
พ.ศ. ๒๔๙๔ ได้ไปปฏิบัติธรรมฝ่ายวิปัสสนาธุระ กับท่านเจ้าคุณพระภาวนาภิรามเถระ (สุข ปวโร) ณ สำนักวิปัสสนากัมมัฏฐาน วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร เป็นเวลา ๒ พรรษา (ปฏิบัติวิปัสสนาเป็นเวลา ๑๘ เดือน) ออกจากปฏิบัติธรรมแล้ว ได้ไปศึกษาพระอภิธรรมปิฎกกับพระอาจารย์สัทธัมมะโชติกะ ธัมมาจริยะ และพระอาจารย์เตชินทะ ธัมมาจริยะ ณ วัดระฆังโฆสิตาราม ธนบุรี
สอนวิปัสสนากัมมัฏฐาน
พ.ศ.๒๔๙๖ ท่านเจ้าคุณพระอาจารย์ (พระภาวนาภิรามเถระ) ได้อาพาธและมรณภาพลง ทางวัดสามพระยาจึงได้มอบภาระให้พระประเดิมทำการอบรมสั่งสอนสมถวิปัสสนาที่วัดสามพระยาสืบแทนท่านเจ้าคุณพระภาวนาภิรามเถระสืบมา
ครั้งต่อมา พระครูภาวนานุกูล เจ้าอาวาสวัดสร้อยทอง ได้นิมนต์พระอาจารย์ประเดิมให้ไปเปิดสำนักวิปัสสนาขึ้นที่วัดสร้อยทอง พระอาจารย์ประเดิม จึงได้ไปเปิดสำนักวิปัสสนาขึ้นที่วัดนี้เมื่อวันที่ ๒ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๙๖ พระครูสังวรสมาธิวัตรได้สอนวิปัสสนากัมมัฏฐาน ณ สำนักวิปัสสนากัมมัฏฐาน วัดสร้อยทอง แขวงบางซื่อ เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร เป็นเวลา ๙ ปี นับเป็นเวลานานพอสมควร มีศิษยานุศิษย์ทั้งที่เป็นพระภิกษุสามเณร ชี อุบาสก อุบาสิกา มาปฏิบัติวิปัสสนากัมมัฏฐานกันเป็นจำนวนมาก
ตำแหน่ง
ฝ่ายปกครอง
พ.ศ. ๒๕๐๕ - ๒๕๑๐ เป็น เจ้าอาวาสวัดสันติธรรมาราม
พ.ศ. ๒๕๑๐ เป็น ผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดเพลงวิปัสสนา
พ.ศ. ๒๕๑๐ - ๒๕๒๙ เป็น เจ้าอาวาสวัดเพลงวิปัสสนา
มรณกาล
พระครูสังวรสมาธิวัตร (ประเดิม โกมโล) มรณภาพลงด้วยโรคหัวใจล้มเหลว เมื่อวันที่ ๑๗ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๒๙ เวลา ๐๓.๐๐ น. อายุ ๖๑ ปี ๑๐ เดือน ๑๗ วัน
วัดเพลงวิปัสสนา เป็นวัดราษฎร์สังกัดคณะสงฆ์ฝ่ายมหานิกาย ตั้งอยู่ในแขวงบางขุนศรี เขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร
ประวัติ
วัดเพลงวิปัสสนาสร้างขึ้นเมื่อประมาณ พ.ศ. ๒๓๗๕ โดยกรมหลวงรักษ์รณเรศ โปรดให้เจ้ากรมปลัดขำ สร้างวัดฝ่ายวิปัสสนาธุระขึ้นในบริเวณที่ดินที่ชาวจีนทำสวนผัก และได้สร้างศาลเจ้าจีนไว้ด้วย ที่มาของชื่อวัดสันนิษฐานว่าน่าจะเป็นสถานที่ที่สมเด็จพระเจ้าตากสินเคยเสด็จและประชาชนได้ร้องเพลงถวายพระพรเป็นการสรรเสริญพระบารมี และได้ต่อคำว่า วิปัสสนา มาด้วยเนื่องจากมีพุทธบริษัททั้งคฤหัสถ์และบรรพชิต ปฏิบัติกรรมฐานติดต่อกันมาโดยไม่ขาดสาย
ราวปี พ.ศ. ๒๔๘๐ ได้บูรณปฏิสังขรณ์สร้างวิหารเล็ก (เก๋งจีน) ขึ้นแทนวิหารที่พังทลาย สร้างศาลาการเปรียญขึ้นใหม่ซ่อมแซมอุโบสถ ต่อระเบียงโบสถ์ขึ้นและปฏิสังขรณ์กุฏิ
อาคารเสนาสนะและปูชนียวัตถุ
พระอุโบสถกว้าง ๑๓ เมตร ยาว ๒๗ เมตร สร้างด้วยคอนกรีตเสริมเหล็ก พระอุโบสถปฏิสังขรณ์ใหม่ตั้งขนานกับวิหารซึ่งเคยเป็นอุโบสถเก่า วัดมีศาลาการเปรียญ หอสวดมนต์ วิหาร ศาลาท่าน้ำ กุฏิสงฆ์มี ๖๕ หลัง ส่วนมากเป็นกุฏิกัมมัฏฐาน ก่อสร้างด้วยไม้ ๓๐ หลัง ครึ่งตึกครึ่งไม้ ๑๑ หลัง และเป็นตึก ๒๔ หลัง นอกจากนี้ยังมีหอระฆัง
ปูชนียวัตถุสำคัญของวัด ได้แก่ พระพุทธรูป ๒ องค์ ที่สร้างขึ้นในสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ประดิษฐานไว้ภายในเก๋งจีน
ข้อมูลวิกิพีเดีย