สมณศักดิ์
พ.ศ. 2496 - เป็นพระครูปลัดฐานานุกรมของสมเด็จพระวันรัต (ปลด กิตฺติโสภโณ) ที่ พระครูปลัดสัมพิพัฒนสุตาจารย์ ญาณโกศล วิมลศีลาจาร มหาคณาธิการ สังฆนายก ปิฎกธรรมรักขิต
5 ธันวาคม พ.ศ. 2499 - เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญที่ พระกิตติสารโศภน
5 ธันวาคม พ.ศ. 2503 - เป็นพระราชาคณะปลัดขวา ในสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช (ปลด กิตฺติโสภโณ) ที่ พระทักษิณคณาธิกร สุนทรธรรมนายก พุทธปาพจนดิลกมหาเถรกิจการี คณาธิบดีศรีรัตนคมกาจารย์
5 ธันวาคม พ.ศ. 2507 - เป็นพระราชาคณะชั้นราชที่ พระราชกิตติเมธี ศีลาจารวัตรวิมล กิตติโสภณวราทร ยติคณิสสร บวรสังฆาราม คามวาสี
5 ธันวาคม พ.ศ. 2539 - เป็นพระราชาคณะชั้นเทพที่ พระเทพกิตติมุนี ศรีวิสุทธิวราลังการ ไพศาลกิจจานุกิจ มหาคณิสสร บวรสังฆาราม คามวาสี
5 ธันวาคม พ.ศ. 2544 - เป็นพระราชาคณะชั้นธรรมที่ พระธรรมกิตติเวที ศีลาจารโสภณ วิมลกิจจาทร บวรธรรมานุสิฐ มหาคณิสสร บวรสังฆาราม คามวาสี
5 ธันวาคม พ.ศ. 2550 - เป็นพระราชาคณะเจ้าคณะรอง ชั้นหิรัญบัฎที่ พระพุทธวรญาณ ศาสนภารธุราทร ปสาทกรธรรมโสภณ วิมลศีลาจารนิวิฐ วิสิฐธรรมาลงกรณ์ มหาคณิสสร บวรสังฆาราม คามวาสี
พระธรรมกิตติเวที (ทอง สุวณฺณสาโร) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม พระอุปัชฌาย์ของเหล่าธรรมทายาท คือ หนึ่งในสังฆบดีคู่แผ่นดิน แห่งพระมหาธรรมราชาผู้ประเสริฐ และดำรงฐานะเป็นเนื้อนาบุญอันเลิศแก่เหล่าพุทธศาสนิกชนทุกหมู่เหล่า
ชาติภูมิ พระธรรมกิตติเวที (ทอง สุวณฺณสาโร) มีนามเดิมว่า ทอง นาคประเสริฐ เป็นชาวจังหวัดฉะเชิงเทราโดยกำเนิด เกิด ณ ตำบลบางพระ อำเภอเมือง จังหวัดฉะเชิงเทรา เมื่อวันศุกร์ขึ้น ๑๒ ค่ำ เดือนยี่ ปีมะแม ตรงกับวันที่ ๒ มกราคม พ.ศ.๒๔๖๒
โยมบิดาชื่อ ห้อย และโยมมารดาชื่อ เสงี่ยม ในสกุล “ นาคประเสริฐ ”
บรรพชา พ.ศ.๒๔๗๙ บรรพชาเป็นสามเณร ณ เบญจมบพิตรดุสิตวนาราม โดยสมเด็จพระสังฆราช กิตติโสภณมหาเถระ (ครั้งดำรงสมณศักดิ์ที่ พระธรรมโกศาจารย์) เป็นพระอุปัชฌาย์
ได้จำพรรษาอยู่ที่วัดเบญจมบพิตรดุสิตนารามตลอดมา สามเณรทองมีความขยันหมั่นเพียรในการศึกษาพระธรรมวินัยเป็นอย่างมาก ด้วยอุปนิสัยอ่อนน้อมถ่อมตน ขวนขวายในกิจที่ชอบของหมู่คณะ จึงได้รับความไว้วางใจของพระเถรานุเถระให้ดูแลรับผิดชอบงานบุญต่างๆ อยู่เสมอ
อุปสมบท วันที่ ๒๗ พฤษภาคม ปี ๒๔๘๓ อุปสมบทเป็นพระภิกษุ ณ พระอุโบสถ วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร เป็นการอุปสมบทในพระบรมราชูปถัมป์ โดยมี สมเด็จพระสังฆราช กิตติโสภณมหาเถระ (ครั้งดำรงสมณศักดิ์ที่ พระพรหมมุนี) เป็นพระอุปัชฌาย์
พระมงคลวัตรกวี (ครั้งดำรงสมณศักดิ์ที่ พระสรภาณกวี) เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระราชเวที เป็นพระอนุสาวนาจารย์
ต่อมาเจ้าพระเดชพระคุณพระธรรมกิตติเวที ได้รับสมณศักดิ์และหน้าที่ในตำแหน่งงานพระศาสนามากมายหลายหน้าที่ จนได้รับพระราชทานเป็นพระราชาคณะที่ พระกิตติสารโศภน เมื่อปี พ.ศ.๒๔๙๙ และได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์ตามลำดับ จนกระทั่งปี พ.ศ.๒๕๔๔ ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ เป็นพระราชาคณะชั้นธรรมที่ พระธรรมกิตติเวที ศีลาจารโสภณ วิมลกิจจาทร บวรธรรมานุสิฐ มหาคณิสสร บวรสังฆาราม คามวาสี
แม้ในวันที่ ๒ มกราคม ปีนี้ พระเดชพระคุณท่านจะมีอายุถึง ๙๕ ปีแล้ว แต่ด้วยหัวใจของขุนพลกล้าแห่งกองทัพธรรม ท่านยังคงทุ่มเทแรงกาย แรงใจ ความคิด สติปัญญา เพื่องานพระศาสนาอย่างไม่เห็นแก่ความเหน็ดเหนื่อย ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ท่านมีศาสนกิจมากมาย อาทิ
งานการปกครอง ท่านดูแลคณะสงฆ์ในเขตปกครองจนพระภิกษุสามเณรมีระเบียบวินัย เป็นที่ตั้งแห่งความเลื่อมใสศรัทธา
ด้านการศึกษา ท่านเคยเป็นกรรมการสนามหลวง ทั้งในแผนกธรรมและแผนกบาลี
ด้านงานเผยแผ่ ท่านเทศนาสั่งสอนอบรมพระภิกษุ สามเณร อุบาสก อุบาสิกาอยู่เนืองนิจ และได้รับอาราธนาให้เป็นองค์แสดงพระธรรมเทศนาในพระราชพิธีบำเพ็ญพระราชกุศลอยู่เนืองๆ
ในด้านสาธารณูปการ ท่านบูรณะปฏิสังขรณ์วัดวาอาราม ทั้งในและต่างประเทศ และสนับสนุนโครงการสังคมสงเคราะห์ต่างๆ กว่า ๒๐ โครงการ
ไม่เพียงเท่านี้ พระเดชพระคุณท่านยังเห็นประโยชน์ และให้ความสำคัญกับการอบรมเยาวชนผู้เป็นอนาคตของชาติ ให้เป็นคนดีที่สมบูรณ์ทั้งความรู้ วิชาการ เทคโนโลยีต่างๆ และคุณธรรมอันจะเป็นหลักใจในการดำเนินชีวิต สมดังคำขวัญที่ว่า “ บัณฑิต คือผู้มีความรู้คู่คุณธรรม ” เพื่อให้เขาเหล่านั้นเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศชาติให้เจริญรุ่งเรืองในทุกๆ ด้าน
โดยในการนี้ ท่านได้เมตตารับเป็นพระอุปัชฌาย์ในโครงการอบรมธรรมทายาทบรรพชา และอุปสมบทหมู่ตั้งแต่ปีพุทธศักราช ๒๕๓๒ เป็นต้นมา ซึ่งโครงการดังกล่าวได้รับความเมตตาจากท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระพุทธชินวงศ์ อดีตเจ้าอาวาสวัดเบญจมบพิตรฯ และพระเดชพระคุณพระพรหมจริยาจารย์ เจ้าอาวาสวัดเบญจมบพิตรฯ ให้การอุปถัมป์ จนมีผู้สนใจเข้าร่วมโครงการจำนวนมาก
นับจากวันนั้นเป็นเวลา ๑๐ กว่าปีแล้ว ที่พระเดชพระคุณท่านได้เมตตาให้การสนับสนุนโครงการอบรมธรรมทายาท บรรพชาและอุปสมบทหมู่ แม้ท่านจะมีภารกิจมาก หรือมีอายุมากขึ้นก็ตาม แต่ด้วยมุ่งถึงประโยชน์แห่งพระพุทธศาสนาเป็นสำคัญ ท่านจึงได้เสียสละ และได้ทุ่มเทให้กับเหล่าธรรมทายาท จวบจนปัจจุบันพระเดชพระคุณท่านมีสิทธิวิหาริกกว่า ๕,๐๐๐ รูป จาก ๒๔ โครงการ
ทุกครั้งที่ท่านได้เมตตามาเป็นพระอุปัชฌาย์ ท่านจะตอกย้ำกับสัทธิวิหาริกของท่านให้ตระหนักซาบซึ้ง เลื่อมใสศรัทธาในพระคุณแห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระธรรม และพระสงฆ์ผู้เป็นเนื้อนาบุญของโลกให้ยิ่งๆ ขึ้นไป อันเป็นหลักสำคัญในการดำเนินชีวิต ซึ่งจะว่างเว้นเสียมิได้
นอกจากนี้พระเดชพระคุณท่านยังสอนให้สัทธิวิหาริก รู้ถึงความเป็นผู้มีบุญลาภของการได้บรรพชาอุปสมบทในบวรพุทธศาสนา และให้มีความกตัญญูกตเวที รู้คุณและตอบแทนคุณของพระศาสนาเท่าที่สามารถ โอวาทอันทรงคุณค่าที่พระเดชพระคุณท่านมอบให้เหล่าพระธรรมทายาทนั้น มีคุณเอนกประการ ทำให้เหล่าธรรมทายาทรู้สึกซาบซึ้งในพระคุณของพระเดชพระคุณท่านอย่างยิ่ง