พระกริ่ง หลวงพ่อนาค วัดโพธิ์ชัยศรี จ.อุดรธานี ปี 2537 เนื้อทองผสม

พระกริ่ง หลวงพ่อนาค วัดโพธิ์ชัยศรี จ.อุดรธานี ปี 2537 เนื้อทองผสม
พระกริ่ง หลวงพ่อนาค วัดโพธิ์ชัยศรี จ.อุดรธานี ปี 2537 เนื้อทองผสมพระกริ่ง หลวงพ่อนาค วัดโพธิ์ชัยศรี จ.อุดรธานี ปี 2537 เนื้อทองผสมพระกริ่ง หลวงพ่อนาค วัดโพธิ์ชัยศรี จ.อุดรธานี ปี 2537 เนื้อทองผสม
รหัสสินค้า PCHSK3701
หมวดหมู่ 62. พระเครื่อง จังหวัด อุดรธานี
ราคา 1,850.00 บาท
สถานะสินค้า พร้อมส่ง
ลงสินค้า 26 ส.ค. 2560
อัพเดทล่าสุด 16 ก.ค. 2568
จำนวน
องค์
หยิบลงตะกร้า
บัตรประชาชน
บุ๊คแบ๊งค์
คุ้มครองโดย LnwPay
ประวัติหลวงพ่อนาค (พระพุทธรูปปางนาคปรกทองสัมฤทธิ์) วัดโพธิ์ชัยศรี อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี

พระพุทธรูปปางนาคปรก ซึ่งลักษณะมี นาค 7 หัว ชูคออยู่เหนือเศียรองค์พระแล้วขมวดหางเป็นวง ขดเข้าหากันทําเป็นแท่นประทับขององค์พระมีขนาดต่างๆกันใหญ่บ้างเล็กบ้าง และวงขดก็ต่างกันมี 3 ชั้นบ้าง 5 ชั้นบ้าง 7 ชั้นบ้าง แล้วแต่ความนิยมของผู้สร้างในสมัยนั้นๆ หลวงพ่อนาคนี้เป็นพระเก่าแก่องค์หนึ่ง ซึ่งผู้สร้างได้จารึกอักษรไว้ตรงแท่นพระเป็นอักษรตัวธรรม (ไทยน้อย) โบราณแต่ผู้รู้อักษรธรรมโบราณมีสองท่านได้อ่านไว้แล้วบอกกันต่อๆมา (ขณะนี้ท่านทั้งสองได้ถึงแก่กรรมไปแล้ว) มีความว่าสร้างเมื่อปี จ.ศ. 170 แห่งพุทธกาล ปีจอ เดือน 3 ขึ้น 13 ค่ำ ยามกลองแลง หัวครูคําวงษาเป็นผู้สร้างท่านผู้สร้างคงเป็นพระที่มีอภิญญาญาณแน่นอน

เมื่อ พ.ศ. 2530 พระราชปรีชาญาณมุนี เจ้าคณะจังหวัดหนองคาย (วัดโพธิ์ชัย) ได้อ่านไว้ว่าสร้าง จ.ศ. 170 (พ.ศ. 1351) เดือน 5 ขึ้น 13 คํา ยามกลองแลง (ฤกษ์เททอง) เวลา 17.00 น. ถึง 17.30 น.) ปีจอ หัวครูคําวงษาเป็นผู้สร้าง

รูปลักษณะของหลวงพ่อนาคองค์นี้สวยงามน่าเสื่อมใสมาก โดยเฉพาะพระพักตร์ (ใบหน้า) ดูเหมือนว่าองค์ท่านยิ้มนิดๆ อารมณ์ดีอยู่ตลอดเวลา และในองค์ของหลวงพ่อนาคนั้นมีผู้เล่าต่อๆ กันมาว่าตรงหัวใจขององค์ท่านเป็นทองคําแท้อยู่ภายในและมีอัฐิธาตุ (กระดูก) ของพระอรหันต์บรรจุอยู่ในภายในนั้นด้วย จึงทําให้องค์ท่านบางครั้งมีรัศมีเปล่งออกมามีผู้พบเห็นเล่ากันต่อๆมา และมีความศักดิ์สิทธิ์มากเหลือที่เราปุถุชนคนธรรมดาจะคิดให้รู้หมดความสงสัยได้ ถ้าพูดตามภาษาธรรมะเรียกว่าเป็นอจินไตย แปลว่า ใครๆไม่ควรคิดถ้าใครขึ้นคิดผู้นั้นจะถึงความเป็นบ้าเพราะคิดไม่ออกนั่นเอง เพราะมิใช่วิสัยของปุถุชนคนธรรมดาอย่างเราๆท่าน ๆ จะคิดได้แต่เป็นวิสัยของผู้ที่มีอภิญญาญาณอันแก่กล้าแล้วเท่านั้นจะรู้ได้โดยไม่ต้องสงสัย

หลวงพ่อนาค อยู่วัดอะไร


ก่อนที่ท่านผู้อ่านจะได้รู้จักความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อนาค ขอนําท่านผู้อ่านให้มารู้จัก วัดโพธิ์ชัยศรี ซึ่งเป็นวัดหลวงพ่อนาค ประดิษฐานอยู่มาแต่ครั้งโบราณกาล ข้าพเจ้าได้เขียนตามคําบอก เล่าของคุณโยมพ่อตุ๊ (นายทูล คําน้อย) บ้านแวงซึ่งเป็นผู้รู้เรื่องราวของวัดโพธิ์ศรีชัยและประวัติของหลวงพ่อนาคได้ดีพอสมควร ซึ่งได้รับการถ่ายทอดบอกเล่ากันต่อๆ มาจากคนรุ่นเก่าๆ และจากอักษรที่จารึกไว้ตรงแท่นหลวงพ่อนาค

ดังได้สดับมา วัดโพธิ์ชัยศรี เป็นวัดที่เก่าแก่ตั้งแต่โบราณกาล ตั้งอยู่หมู่ที่ 10 บ้านแวง ตําบลบ้านผือ อําเภอบ้านผือ จังหวัดอุดรธานี ห่างจากอําเภอบ้านผือไปทางทิศตะวันตกถนนสาย อําเภอน้ำโสมประมาณ 4 กิโลเมตร มีเนื้อที่กว้างประมาณ 1 ไร่เศษ ยาวประมาณ 2 ไร่เศษ เพราะมีซากปรักหักพังของมุมกําแพง ปรากฏแต่แรกและมีต้นโพธิ์ไทรใหญ่อยู่ต้นหนึ่งชาวบ้านจึงเรียกกันว่า วัดโพธิ์ชัยศรี ซึ่งเป็นที่หลวงพ่อนาคประดิษฐานอยู่มาจนทุกวันนี้

บ่อน้ำวัดโพธิ์ชัยศรีมีสิ่งมหัศจรรย์

วัดแห่งนี้มีบ่อน้ำบ่อหนึ่ง มีน้ำใสสะอาดดีใช้ดื่มก็ได้ มีความลึกประมาณ 8-9 เมตร มีรูน้ำไหลออกอยู่ตลอดเวลา แต่ก็แปลกใจอยู่ว่าน้ำในบ่อแห่งนี้ ถ้าในฤดูหนาวน้ำในบ่อจะอุ่นมากกว่า ในบ่อทั่วๆ ไป พอฤดูร้อนน้ำในบ่อแห่งนี้จะเย็นจนหนาว ซึ่งเย็นผิดปกติกว่าบ่อน้ำทั่วไป


ภายใต้พื้นของบ่อน้ำแห่งนี้ จะมีถ้ำและรูใหญ่ขนาดตัวคนคลานเข้าไปได้ ทราบว่าเป็นรูจากก้นบ่อยาวไปทะลุลําห้วยอีกแห่งหนึ่งจากบ่อน้ำนี้ไปทางทิศตะวันออกประมาณ 1 กิโลเมตรจะพอ สังเกตได้ว่าเมื่อเวลาคุ (กระแป๋งที่สานด้วยไม้ไผ่ใช้ขี้ชันน้ํามันยาง ผสมกันทาตากให้แห้งแล้วใช้ตักน้ำของภาคอิสาน) หรือกระแป๋งกระ ถังตักน้ำตกลงไปในบ่อเจ้าของใช้ไม้ขอหยั่งลงไปก้นบ่อคุ้ยหาก็ไม่พบ ต่อมามีคนไปทอดแหหาปลาที่ลําห้วยนั้นไปเจอะกระแป๋งคนนั้นเข้า จึงสันนิษฐานว่ารูก้นบ่อน้ำต้องยาวไปถึงลําห้วยแน่ กระแป๋งของคนนั้นจึงมาอยู่ที่ลําห้วยได้ ในบ่อน้ำแห่งนี้ มีสิ่งมหัศจรรย์อีกอย่างหนึ่ง ข้าพเจ้าได้ฟังมาว่าใครไปตักน้ำแห่งนี้อาบแล้วโดยเฉพาะเป็นผู้หญิง ถ้าใครเอาผ้าซิ่น (ผ้าถุง) ไปวางไว้ที่ปากบ่อน้ำแห่งนี้ แล้วพอรุ่งเช้า วันใหม่น้ําในบ่อนี้จะแห้งหมดทันที ชาวบ้านก็ไม่มีน้ําใช้น้ำดื่มต่อไป

ผู้เล่าให้ฟังบอกข้าพเจ้าว่า ในชีวิตนี้เป็นหลายครั้งแล้ว และปัจจุบันก็ยังศักดิ์สิทธิ์อยู่ตามเดิม แต่ก็มีพิธีแก้ให้น้ำมีปกติได้โดย ชาวบ้านตีกลองรวมกัน แล้วมีดอกไม้ธูปเทียน มือถือขันเปล่าคนละใบแห่ไปตักเอาน้ำที่ลําห้วยดังกล่าวแล้วมาคนละขัน ผู้เป็นหัวหน้าก็ จะกล่าวขอขมาลาโทษต่อเจ้าที่เจ้าทางแทนคนทั้งหมด แล้วตักน้ำมาคนละขันนํามาเทลงบ่อน้ำนี้ พอรุ่งเช้าวันใหมู่น้ำก็จะเต็มขึ้นมาถึง ระดับปกติอย่างแต่ก่อน ข้าพเจ้าคิดว่าคงจะมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์อยู่ในสถาน ที่นั้นแต่เราไม่สามารถมองเห็นด้วยตาเนื้อธรรมดาได้ จึงฝากท่านผู้อ่านได้พิจารณาด้วยปัญญาของตนเองเถิด


ใครพบวัดร้างแห่งนี้เป็นครั้งแรก

เดิมวัดโพธิ์ชัยศรีแห่งนี้ คงไม่รู้จักกันว่าเป็นวัดมาก่อนเลย เพราะสถานที่แห่งนี้เป็นป่าดงรกชัฏ เต็มไปด้วยต้นไม้ใหญ่น้อยนานาชนิด หนาทึบเต็มไปหมด

ต่อมาประมาณ พ.ศ.2100 ได้มีนายสีและนายแสนกับ คณะอีก 5 คน เดิมคนทั้งหมดนี้ตั้งถิ่นฐานอยู่ตรงบ้านเมืองพาน ซึ่งตั้งอยู่เชิงเขาภูพานพระพุทธบาทบัวบก อําเภอบ้านผือในปัจจุบันนี้ ห่างจากบ้านแวงประมาณ 7-8 กิโลเมตร ได้เดินทางเข้าป่าเพื่อหาอาหารล่าสัตว์ป่าเป็นต้นตามแบบสมัยโบราณ

เมื่อเดินทางมาถึงสถานที่วัดร้างแห่งนี้ ซึ่งเป็นป่าใหญ่ หนาทึบมีต้นไม้ปกคลุมไปหมดได้เห็นต้นโพธิ์ไทรใหญ่ต้นหนึ่ง และต้นมะขามหวานอีกหลายต้น ซึ่งมีสัตว์ป่าต่างๆ และนกทั้งหลายพา กันจิกกินลูกโพธิ์ไทรต้นนั้นอยู่ ได้ส่งเสียงเจียวจาวลั่นไปทั้งป่า นายพรานทั้งหลายจึงพากันเดินเข้าไปใกล้ๆ ต้นโพธิ์ไทรนั้น ได้เห็นสิ่งปรักหักพัง อันแสดงให้รู้ว่าเป็นวัดเก่า


เมื่อมองเข้าไปบริเวณนั้นก็ได้พบพระพุทธรูปใหญ่องค์หนึ่งตั้งอยู่บริเวณนั้น หน้าตักกว้างประมาณ 4 ศอก สูงประมาณ 6 ศอก เนื้อพระพุทธรูปใหญ่องค์นี้ สังเกตดูแล้วสันนิษฐานว่าคงทําด้วย เกษรดอกไม้และว่านต่างๆ ขณะนี้ประดิษฐานอยู่ที่ศาลาการเปรียญวัดโพธิ์ชัยศรี

ขอแทรกเรื่องนิดหน่อยพระพุทธรูปใหญ่องค์นี้ปางสดุ้งมาร ชาวบ้านเรียกกันว่า หลวงพ่อตื้อ เรื่องเกี่ยวกับหลวงพ่อตื้อองค์นี้ ข้าพเจ้าได้ยินสามเณรบุญชู จันทร์สว่าง เล่าให้ฟังว่าตอนที่เป็นสามเณรเล็กๆ อยู่วัดแห่งนี้ประมาณ พ.ศ. 2518-2519 นี้แหละ มีครั้งหนึ่งขณะที่เข้าไปกราบพระพุทธรูปหลวงพ่อซื้อองค์นี้พอกราบลง 3 ครั้ง แล้วเงยหน้าขึ้นมององค์พระพุทธรูปอยู่ครู่หนึ่ง ก็เห็นตัวเลขสีแดงใหญ่สองตัวเรียงกันอยู่ที่ผ้าอังสะหรือผ้าสไบที่ห่มพระพุทธรูปอยู่นั้น สามเณรยังจําได้จนกระทั่งเดี๋ยวนี้ คือ เลข 51 แล้วสามเณรก็เล่าให้ คนอื่นฟังเพราะเป็นของแปลกใจซึ่งตามปกติผ้าอังสะหรือผ้าสไบหลวงพ่อมื้อนี้ไม่มีรอยเขียนอะไรเลยเป็นผ้าเหลืองธรรมดาเท่านั้นเอง

เมื่อเกิดความแปลกใจเช่นนี้ จึงนําไปเล่าให้คนอื่นฟัง คนอื่นฟังแล้วก็เฉยๆ บางคนบอกว่าตาลายไปกระมัง มีสองท่านเมื่อฟังแล้ว เอามาคิดเป็นเลขหวยจึงไปซื้อหวยลองดู พอถึงวันหวยออก ปรากฏว่าหวยออกตัวที่สามเณรเห็นจริงๆ ทั้งหมด ท่านที่ฟังแล้วคิด เป็นเลขหวยไป ซื้อลองดูท่านหนึ่งถูกได้หนึ่งพันบาท อีกท่านหนึ่งถูกหนึ่งร้อยบาท อันนี้เป็นเรื่องแปลก ๆ จึงนํามาเล่าสู่กันฟัง


พบหลวงพ่อนาคครั้งแรก

ขอวกเข้าเรื่องเก่าต่อไป เมื่อนายสีพร้อมทั้งคณะเดินออกไป จากพระพุทธรูปใหญ่นี้แล้ว ก็ได้เดินไปรอบๆ บริเวณนั้น ได้พบเห็นใบสีมาซึ่งทําด้วยหินทั้งแท่ง คล้ายกับเอาหินศิลาดาดมาสกัดเป็นใบสีมา มองดูไปรอบๆ ภายในเขตใบสีมานั้นก็ได้เห็นพระพุทธรูป นาคปรก 2 องค์ องค์หนึ่งทําด้วยหินศิลาคือเอาศิลาก้อนใหญ่ๆ มา สกัดเป็นรูปพระนาคปรก อีกองค์หนึ่งทําด้วยทองสัมฤทธิ์ พระนาคปรก 2 องค์นี้หน้าตักกว้าง 12 นิ้ว สูง 12 นิ้วเท่ากัน เข้าใจว่าพระนาคปรก ศิลานี้สร้างขึ้นเพื่อเป็นองค์อําพรางของพระนาคปรกองค์จริง

เริ่มอพยพครอบครัวมาตั้งบ้านแวง

นายสีและนายแสน พร้อมทั้งคณะเมื่อมาพบสถานที่ บริเวณใกล้วัดแห่งนี้ เห็นมีบ่อน้ำดื่มใช้อุดมสมบูรณ์ดี จึงได้ปรึกษากันกับคณะว่าพวกเราควรจะอพยพมาตั้งถิ่นฐานบ้านช่องอยู่ตามแถวนี้ เพราะสถานที่บริเวณแห่งนี้ เป็นที่ราบสม่ำเสมอดีไม่เหมือนกับหมู่บ้านที่ตั้งอยู่แต่ก่อนที่เชิงภู เมื่อตกลงกันแล้ว ก็ได้ชักชวนที่เหลืออพยพมาด้วยกัน ชั่วระยะเวลาเล็กน้อยก็มีบ้านเกิดขึ้นมาถึง 100 กว่าหลังคาเรือน


เมื่อประมาณ พ.ศ. 2129 ชาวบ้านทั้งหมดก็ปรึกษาหารือกัน ร่วมใจบูรณะอุโบสถสร้างขึ้นใหม่ โดยชาวบ้านได้พากันตัดไม้มาถากเป็นเสาบ้าง เลื่อยเป็นเครื่องสัมภาระของอุโบสถบ้าง ใช้หญ้าคามุงหลังคาอุโบสถพอกันแดดกันฝนได้

ในระยะนี้ ยังไม่มีพระภิกษุสงฆ์อยู่เลยในวัดร้างแห่งนี้ คงมีแต่พระพุทธรูป คือหลวงพ่อตื้อกับหลวงพ่อนาคอีก 2 องค์เท่านั้น ประจําอยู่วัดแห่งนี้ตลอดมา ในสมัยนั้นแม้จะมีแต่พระพุทธปฏิมา เฝ้าวัดอยู่ ไม่มีพระสงฆ์อยู่เลย ก็ยังมีจิตศรัทธาร่วมใจกันบูรณะรักษาวัดแห่งนี้ไว้

เมื่อถึงวันสําคัญทางพระพุทธศาสนา ชาวบ้านก็จะร่วมใจกันไปกราบนมัสการหลวงพ่อนาค และหลวงพ่อถือเป็นประจํา โดยมีหลวงพ่อพระพุทธทั้งสององค์เป็นจุดศูนย์รวมน้ำใจของชาวบ้านทั้งหมด พอถึงวันสงกรานต์ชาวบ้านก็จะมีน้ำหอม (น้ำหอมสมัยนั้นใช้ขมิ้นน้ำหอม ดอกไม้มาทําผสมเป็นน้ำหอม) มาสรงน้ำหลวงพ่อนาคและหลวงพ่อตื้อเป็นประจําทุกปี

ประมาณ พ.ศ. 2134 จึงได้มีพระสงฆ์มาอยู่จําพรรษา ติดต่อกันตลอดมาพระสงฆ์ร่วมกับชาวบ้านได้ร่วมใจกันสร้างกุฏิขึ้น มาหลังหนึ่งเพื่อเป็นที่อยู่อาศัยของพระสงฆ์


ในระยะนี้หลวงพ่อนาคองค์ที่หล่อด้วยทองสัมฤทธิ์นั้น พระสงฆ์และชาวบ้านเข้าใจว่าเป็นพระพุทธรูปทองธรรมดาเหมือนพระพุทธรูปทั่วไปเท่านั้น ทุกคนก็ไม่รู้ว่ามีความศักดิ์สิทธิ์อะไรเลย เพียงแต่นึกว่าเป็นพระปฏิมาสร้างแทนองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพื่อเป็นการกราบไหว้สักการะบูชาเป็นพระพุทธานุสติเท่านั้น จึงไม่ได้เอาใจใส่ในการรักษาเท่าไรนัก

หลวงพ่อนาคถูกขโมยครั้งแรก

ประมาณ พ.ศ. 2395 หลวงพ่อพ่อนาคได้หายไปจากวัดโพธิ์ชัยศรีเป็นครั้งแรกชาวบ้านพร้อมทั้งพระสงฆ์ เมื่อรู้ว่าหลวงพ่อนาคหายไป ต่างคนก็เพียงแต่คิดและพูดกันว่าคงมีคนมาขโมยเอาไป แต่ไม่ทราบว่าใครมาขโมยไปทางไหน ทุกคนก็ไม่สนใจจะติดตามหาเลยหายแล้วก็แล้วกันไป เพราะทุกคนเข้าใจว่าเป็นพระทองเหลืองธรรมดา และไม่มีความศักดิ์สิทธิ์อะไรจึงไม่ได้สนใจติดตามหาจึง ปล่อยไปตามยถากรรม ประมาณ พ.ศ. 2399 นายตุ้ยผู้ปกครอง อําเภอบ้านผือ (นายอําเภอ) ในสมัยนั้นได้ถึงแก่กรรมลง นายอวนศักดดีผู้ใหญ่บ้านแวงในสมัยนั้น ได้ไปช่วยงานศพท่านนายอําเภอ ขณะที่ทํางานช่วยงานศพอยู่นั้นก็เดินเข้าเดินออก เดินขึ้นเดินลงภายในบ้านท่านนายอําเภอนั่นเอง ตาก็มองดูสิ่งของต่างๆ บริเวณบ้านบ้าง ภายในบ้านบ้าง ขณะที่กําลังมองดูภายในบ้านอยู่นั้นได้เหลือบไปเห็นพระนาคปรกองค์หนึ่ง ตั้งตระหง่านอยู่บนโต๊ะทางหิ้งบูชา (โต๊ะหมู่บูชา) ภายในบ้านนายอําเภอนั้นแหละพยายามเข้าไปดูใกล้ๆ สังเกตอย่างถี่ถ้วน เมื่อดูแล้วเพียงแต่คิดในใจว่าพระนาคปรกองค์นี้ เป็นหลวงพ่อนาคอยู่ที่วัดบ้านแวงของเรา เมื่อช่วยงานศพนายอําเภอเสร็จแล้วก็กลับบ้าน ได้เรียกลูกบ้านมาประชุม ได้เล่าเรื่องต่างๆ ที่ตนได้พบเห็นหลวงพ่อนาคให้ชาวบ้านฟัง


ในที่สุดผู้ใหญ่บ้านและลูกบ้านได้พร้อมใจกันไปขอหลวงพ่อนาคกลับคืนทางครอบครัวอดีตนายอําเภอเมื่อทราบเรื่องราวต่างๆ ว่าหลวงพ่อนาคองค์นี้ได้มีผู้ขโมยมาขายให้นายอําเภอ จึงยินยอมคืนหลวงพ่อนาคให้ชาวบ้านแวงแต่โดยดี ทั้งผู้ใหญ่และลูกบ้านจึงได้ อาราธนาหลวงพ่อนาคกลับมาประดิษฐาน ณ วัดบ้านแวงตามเดิม (วัดโพธิ์ชัยศรี) รวมเวลาที่หลวงพ่อนาคที่หายไปครั้งนี้ 4 ปี
ข้อมูล108prageji

วิธีการชำระเงิน

ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) สาขาปตท.ถนนกาญจนาภิเษก 2 ออมทรัพย์

JEWELRY-ANTIQUE-AMULET

ระบบสมาชิก

สถิติร้านค้า

หน้าที่เข้าชม4,444,762 ครั้ง
ผู้ชมทั้งหมด3,381,060 ครั้ง
เปิดร้าน4 ก.พ. 2558
ร้านค้าอัพเดท5 ก.ย. 2568

ติดต่อเรา

ติดตามสินค้า

พูดคุย-สอบถาม