ประวัติส่วนพระองค์
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ลำดับที่ 5 แห่งราชวงศ์จักรี พระองค์ทรงพระนามเดิมว่า “สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าจุฬาลงกรณ์” เป็นพระราชโอรสพระองค์ที่ 4 ใน พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 4) และ สมเด็จพระเทพศิรินทราบรมราชินี ประสูติเมื่อวันที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2396 ณ พระบรมมหาราชวัง กรุงเทพมหานคร
ในรัชสมัยของพระราชบิดา พระองค์ทรงได้รับการศึกษาตามแบบอย่างกษัตริย์ไทยในสมัยนั้น ทั้งในด้านพระพุทธศาสนาและวิชาการสมัยใหม่ อีกทั้งยังทรงศึกษาภาษาต่างประเทศ และมีพระปรีชาสามารถโดดเด่นด้านการบริหารราชการแผ่นดินตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์
เมื่อพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จสวรรคตในปี พ.ศ. 2411 พระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าจุฬาลงกรณ์ ทรงได้รับการสถาปนาเป็นพระมหากษัตริย์ในพระปรมาภิไธย “พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว” ขณะมีพระชนมายุเพียง 15 พรรษา ด้วยเหตุที่ทรงพระเยาว์ จึงโปรดเกล้าฯ ให้ สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง บุนนาค) ดำรงตำแหน่งผู้สำเร็จราชการแผ่นดินว่าราชการแทนพระองค์ในระยะต้นรัชกาล
ต่อมาเมื่อพระชนมายุครบ 20 พรรษา ในปี พุทธศักราช 2416 พระองค์จึงเสด็จออกว่าราชการแผ่นดินโดยสมบูรณ์ และทรงเริ่มปฏิรูปประเทศอย่างเป็นระบบ ทั้งด้านการบริหารราชการ การศึกษา เศรษฐกิจ และการทหาร เพื่อนำสยามประเทศให้ทันต่อกระแสโลกาภิวัตน์และการคุกคามจากลัทธิล่าอาณานิคมของชาติตะวันตกในยุคนั้น
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระมเหสีและเจ้าจอมหลายพระองค์ มีพระราชโอรสและพระราชธิดาจำนวนมาก พระราชโอรสพระองค์สำคัญ คือ สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้ามหาวชิราวุธ ซึ่งต่อมาเสด็จขึ้นครองราชย์เป็น พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 6)
ตลอดระยะเวลาที่ทรงครองราชสมบัติยาวนานถึง 42 ปี พระองค์ได้ทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจอันสำคัญนานัปการที่ก่อให้เกิดความเจริญแก่ประเทศชาติ ทั้งในด้านการเลิกทาส การวางรากฐานระบบราชการสมัยใหม่ การสร้างสาธารณูปโภค ตลอดจนการดำเนินพระราชไมตรีกับนานาอารยประเทศ
พระองค์เสด็จสวรรคตเมื่อวันที่ 23 ตุลาคม พุทธศักราช 2453 ด้วยพระโรคพระวักกะ (ไตวาย) ขณะมีพระชนมายุ 57 พรรษา พระองค์ได้รับการถวายพระราชสมัญญานามในภายหลังว่า “สมเด็จพระปิยมหาราช” อันมีความหมายว่า “พระมหากษัตริย์ผู้เป็นที่รักยิ่งของปวงชน”