กริ่งพิชัยสงคราม วัดคูหาภิมุข (หน้าถ้ำ) จังหวัดยะลา ปี ๒๔๙๕-๒๔๙๖ ประวัติเดิมเป็นกริ่งรุ่นที่ 3(พระกริ่งหน้าตั๊กแตน) สร้างโดยเจ้าคุณประหยัดวัดสุทัศน์ กทม. สันนิฐานว่าวัดถ้ำยะลาได้รับแจกมาจากวัดสุทัศน์ เพราะวัดถ้ำยะลามีสายสัมพันธุ์อันดี

กริ่งพิชัยสงคราม วัดคูหาภิมุข (หน้าถ้ำ) จังหวัดยะลา ปี ๒๔๙๕-๒๔๙๖ ประวัติเดิมเป็นกริ่งรุ่นที่ 3(พระกริ่งหน้าตั๊กแตน) สร้างโดยเจ้าคุณประหยัดวัดสุทัศน์ กทม. สันนิฐานว่าวัดถ้ำยะลาได้รับแจกมาจากวัดสุทัศน์ เพราะวัดถ้ำยะลามีสายสัมพันธุ์อันดี
กริ่งพิชัยสงคราม วัดคูหาภิมุข (หน้าถ้ำ) จังหวัดยะลา ปี ๒๔๙๕-๒๔๙๖ ประวัติเดิมเป็นกริ่งรุ่นที่ 3(พระกริ่งหน้าตั๊กแตน) สร้างโดยเจ้าคุณประหยัดวัดสุทัศน์ กทม. สันนิฐานว่าวัดถ้ำยะลาได้รับแจกมาจากวัดสุทัศน์ เพราะวัดถ้ำยะลามีสายสัมพันธุ์อันดีกริ่งพิชัยสงคราม วัดคูหาภิมุข (หน้าถ้ำ) จังหวัดยะลา ปี ๒๔๙๕-๒๔๙๖ ประวัติเดิมเป็นกริ่งรุ่นที่ 3(พระกริ่งหน้าตั๊กแตน) สร้างโดยเจ้าคุณประหยัดวัดสุทัศน์ กทม. สันนิฐานว่าวัดถ้ำยะลาได้รับแจกมาจากวัดสุทัศน์ เพราะวัดถ้ำยะลามีสายสัมพันธุ์อันดีกริ่งพิชัยสงคราม วัดคูหาภิมุข (หน้าถ้ำ) จังหวัดยะลา ปี ๒๔๙๕-๒๔๙๖ ประวัติเดิมเป็นกริ่งรุ่นที่ 3(พระกริ่งหน้าตั๊กแตน) สร้างโดยเจ้าคุณประหยัดวัดสุทัศน์ กทม. สันนิฐานว่าวัดถ้ำยะลาได้รับแจกมาจากวัดสุทัศน์ เพราะวัดถ้ำยะลามีสายสัมพันธุ์อันดี
รหัสสินค้า TYLG9601
หมวดหมู่ 77. พระเครื่อง จังหวัด ยะลา
ราคา 13,500.00 บาท
สถานะสินค้า พร้อมส่ง
ลงสินค้า 6 ต.ค. 2568
อัพเดทล่าสุด 8 ต.ค. 2568
จำนวน
องค์
หยิบลงตะกร้า
บัตรประชาชน
บุ๊คแบ๊งค์
คุ้มครองโดย LnwPay
วัดหน้าถ้ำ หรือ วัดคูหาภิมุข  ตั้งอยู่ที่ ตำบลหน้าถ้ำ อำเภอเมืองยะลา เป็นวัดที่สำคัญและเก่าแก่วัดหนึ่งของจังหวัดยะลา  เดิมวัดนี้ชื่อ วัดหน้าถ้ำ ได้เปลี่ยนชื่อเป็น วัดคูหาภิมุข ในสมัยจอมพลแปลก พิบูลสงคราม เป็นนายกรัฐมนตรี ภายในวัดมีถ้ำใหญ่ ประดิษฐานพระพุทธไสยาสน์ขนาดใหญ่ พระพุทธรูปเก่าแก่หลายองค์ นอกจากนี้ยังมีหินงอกหินย้อยสวยงาม และน้ำใสสะอาดไหลรินจากโขดหิน  มีพิพิธภัณฑ์ศรีวิชัย เก็บวัตถุโบราณที่ได้มาจาก วัดถ้ำ ภูเขากำปั่น พระพิมพ์ดินดิบ สถูปเม็ดพระศก อิฐฐานพระพุทธรูป

บริเวณทางเข้าถ้ำบรรยากาศความร่มรื่น มีสระน้ำขนาดใหญ่ และสะพานข้ามแม่น้ำ พร้อมป้ายชื่อวัดถ้ำสีสันสดใส

วัดหน้าถ้ำ เป็นสถานที่สำคัญทางโบราณดีและประวัติศาสตร์ที่ควรแก่การศึกษาค้นคว้ายิ่ง และเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของจังหวัดยะลาอีกด้วย

เจ้าคุณศรี(ประหยัด)เกจิที่เก่งตั้งแต่เป็นเณร
ในบรรดาเกจิเมืองไทย ที่มีชื่อเสียงโด่งดัง กำลังเป็นที่ศรัทธาของมหาชน แต่อนิจจังถูกกรรมเก่ามาเบียดเบียน มรณะภาพด้วยอุบัติเหตุ ทำให้คนที่ไม่ได้ศึกษาธรรมมะอย่างถ่องแท้ เกิดความรู้สึกเสียขวัญ และเกิดอคติกับท่าน ว่าแม้ตัวเองยังคุ้มไม่ได้ จะไปคุ้มครองคนอื่นได้อย่างไร ความคิดอันนี้ เป็นความคิดที่ผิด เพราะไม่ว่าเก่งแค่ไหน ถ้ากรรมเก่ามาถึง ก็ต้องชดใช้เขา
เกจิอาจารย์ที่มรณะภาพด้วยอุบัติเหตุ มีมากมายหลายองค์ เช่น หลวงพ่อแดง วัดแหลมสอ หลวงพ่ออบ วัดถ้ำแก้ว หลวงพ่อสวน วัดบางกระดาน หลวงพ่อจำปา วัดประดู่ หรือสายพระอาจารย์มั่น เช่นพระอาจารย์วัน พระอาจารย์จวน โดยเฉพาะสายอาจารย์มั่น เมื่อพระราชเพลิงศพแล้ว อัฐิท่านกลายเป็นพระธาตุ เป็นเครื่องยืนยันว่า แม้ท่านมรณะภาพด้วยอุบัติเหตุ คุณธรรมและความศักดิ์สิทธิ์ของท่าน ไม่ได้เสื่อมไปเลย
เช่นเดียวกัน เจ้าคุณศรี(ประหยัด) การมรณะภาพของท่าน แต่วัตถุมงคลที่ท่านปลุกเสกไว้ ก็ยังเกิดอิทธิคุณประสบการณ์เป็นเนืองนิจ แก่ผู้ศรัทธาและผู้บูชา

พระศรีสัจจญาณเถร (ประหยัด) ท่านมีนามเดิมว่า “ปราณี” มาเปลี่ยนเป็น “ประหยัด” ต่อภายหลัง โยมบิดาชื่อ หนุ่ย โยมมารดาชื่อ ชื่น เกิดเมื่อวันที่ 6 มีนาคม พ.ศ.2464 ณ บ้านตำบลสามย่าน อำเภอปทุมวัน กทม. เมื่อเยาว์ได้เรียนหนังสือจบชั้นมัธยม 3 และไม่ได้เรียนต่อ โยมยายของท่านได้พาท่านมาถวายไว้กับ สมเด็จพระสังฆราช (แพ) วัดสุทัศน์ ซึ่งตอนนั้นสมเด็จพระสังฆราชท่านดำรงสมณศักดิ์ที่สมเด็จพระวันรัต และได้บรรพชาเป็นสามเณรเมื่ออายุได้ 16 ปี ใน วันที่ 1 เมษายน พ.ศ.2479 โดยมีสมเด็จพระสังฆราช (แพ) เป็นพระอุปัชฌาย์ พำนักอยู่ที่คณะ 6 ได้ศึกษาพระธรรมวินัยจนสอบไล่ได้นักธรรมชั้นตรี และได้ศึกษาทางด้านวิปัสสนาธุระ ท่านได้เห็นสมเด็จพระสังฆราชตอนดำรงสมณศักดิ์เป็นสมเด็จพระวันรัต ทรงสร้าง พระกริ่งพระชัยวัฒน์ หลายครั้งก็เกิดสนใจ ในที่สุดก็ขอเล่าเรียนวิชาเหล่านั้น
ต่อมาท่านก็ได้ออกธุดงค์และได้ศึกษา วิทยาคมจากพระเกจิอาจารย์หลายองค์ เช่น หลวงปู่ชื่น จังหวัดนครนายก หลวงปู่อินทร์ หลวงปู่จันทร์ จังหวัดลพบุรี หลวงปู่บัว หลวงปู่ชุ่ม หลวงปู่เขียน ท่านได้ศึกษาวิทยาคม อยู่ 6 ปี จึงได้กลับมาที่วัดสุทัศน์และเข้าไปสักการะพระศรีศากยมุนี พระตรีโลกเชษฐ์ และพระเศรษฐมุนี แล้วเข้าเฝ้าสมเด็จพระสังฆราช สมเด็จฯท่านทรงดีพระทัยที่เห็นท่านกลับมา ได้ทรงถามเรื่องราวต่างๆ แล้วให้ท่าน อยู่จำพรรษาที่คณะ 6 ตามเดิม ตอนที่ท่านกลับมานั้นก็อายุได้ 22 ปี ท่านจึงอุปสมบท ณ พระอุโบสถวัดสุทัศน์ เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ.2486 โดยมี สมเด็จพระสังฆราช (แพ) ทรงเป็นพระอุปัชฌาย์ พระเทพปริยัติ (ดำ) วัดปทุมคงคา (สมัยที่ท่านยังอยู่ที่วัดสุทัศน์) เป็นพระกรรมวาจาจารย์ ท่านเจ้าคุณศรี (สนธิ์) ขณะนั้นดำรงสมณศักดิ์ที่พระมงคลราชมุนี เป็นพระอนุสาวนาจารย์ได้รับฉายาว่า “ปัญญาธโร”
ในวันที่ท่านอุปสมบทนั้นเอง จึงได้เป็นที่รู้กันว่าท่านได้สร้างพระขึ้นตั้งแต่ยังเป็นเณร และเป็นพระที่ดีด้วย คือหลังจากที่ท่านได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุเรียบร้อยแล้ว สมเด็จพระสังฆราชฯ ได้มีรับสั่งถามต่อหน้าพระสงฆ์ที่อยู่ในอุโบสถว่า “พระที่อยู่ในบาตรเป็นพระอะไร เป็นพระที่มีพุทธานุภาพสูงมาก” ท่านจึงเปิดบาตร และนำพระพิมพ์สามเหลี่ยมออกมาให้สมเด็จพระสังฆราชฯ ทอดพระเนตร และทูลว่า ท่านได้สร้างไว้เมื่อปีพ.ศ.2485 สมเด็จพระสังฆราชฯ ได้มีรับสั่งว่า “เจ้าสร้างพระได้ดีมาก” พระสามเหลี่ยมที่ว่านี้ก็คือพระขาวของท่านเจ้าคุณศรี (ประหยัด) นั่นเอง
ต่อมาในปลายปีที่ท่านอุปสมบทนั่นเอง ท่านก็ได้รับแต่งตั้งให้เป็นฐานานุกรม ในสมเด็จพระสังฆราชฯ ที่พระครูใบฎีกา และได้รับเลื่อนสมณศักดิ์ขึ้นตามลำดับ ปี พ.ศ.2500 ได้รับแต่งตั้งเป็นพระครูภาวนาภิรัติ พ.ศ.2510 ได้เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญที่ พระศรีสัจจามุนี พ.ศ.2517 เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญฝ่ายวิปัสสนา ที่พระศรีสัจจญาณเถร
ท่านเจ้าคุณศรี (ประหยัด) ท่านได้สร้างพระกริ่งไว้อยู่หลายครั้งเช่นกันคือ พระกริ่งรุ่นปี พ.ศ.2486 ที่รู้จักกันดีที่เป็นพระกริ่งฐานบัว 3 ชั้น พระกริ่งรุ่นปี พ.ศ.2496 พระกริ่งรุ่นปี พ.ศ.2511 และพระกริ่ง พ.ศ.2517 เป็นต้น
ท่านเจ้าคุณศรี (ประหยัด) ท่านมรณ ภาพด้วยอุปัทวเหตุทางเครื่องบิน เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม พ.ศ.2520 การมรณภาพของท่านดูจะเป็นที่วิจารณ์กันพอสมควร แต่มีข้อความที่น่าสนใจอยู่เรื่องหนึ่ง ที่ หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี ท่านได้เล่าให้ลูกศิษย์ฟังว่า “ท่านเจ้าคุณศรีฯ ท่านทราบล่วงหน้าว่าจะมีเหตุการณ์เกิดขึ้น ท่านไม่สามารถจะช่วยอะไรได้ ท่านจึงได้ทำสมาธิจิตเจริญภาวนาจนสามารถทอดดวงจิตลักษณะเป็นดวงสว่าง ออกจากเครื่องบินทิ้งไว้แต่ร่างเท่านั้น ขณะนี้ท่านไปยังสุทธาวาสแล้ว ท่านจะไม่มีการเกิดอีกต่อไป เจ้าคุณศรีฯท่านเก่งตั้งแต่ยังเป็นเณร”

ประวัติสังเขป : พระศรีสัจจญาณเถร (ประหยัด ปญฺญาธโร)

นามเดิม : ปราณี ศรสนธิ ต่อมาได้เปลี่ยนเป็น ประหยัด ศรสนธิ
บิดา-มารดา : นายหนุ่ย และนางชื่น ศรสนธิ
กำเนิด : วันพุธที่ 16 มีนาคม 2464 (ตรงกับวันแรม 4 ค่ำ เดือน 4 ปีระกา) ณ บ้านตำบลสามย่าน อ.ปทุมวัน กรุงเทพฯ
มรณะภาพ : 4 ธันวาคม พ.ศ. 2520

บรรพชาเป็นสามเณร : ณ พระอุโบสถ วัดสุทัศนเทพวราราม เมื่อวันพุธที่ 1 เม.ย. 2579 โดยมีสมเด็จพระสังฆราชฯ (แพ ติสฺสเทวมหาเถร) เป็นพระอุปัชฌาย์

อุปสมบท : ณ พระอุโบสถ วัดสุทัศนเทพวราราม เมื่อวันที่ 30 พ.ค. 2486 โดยมีสมเด็จพระสังฆราชฯ (แพ ติสฺสเทวมหาเถร) ทรงเป็นพระอุปัชฌาย์

พระเทพปริยัติ (ดำ) วัดปทุมคงคา (สมัยยังอยู่ ณ วัดสุทัศน์ฯ) เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระศรีสัจจญาณเถร (ท่านเจ้าคุณศรี สนธิ์) 

 เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า “ปญฺญาธโร”

 สมณศักดิ์ :
- พ.ศ. 2486 พระเดชพระคุณได้รับพระเมตตาจากสมเด็จพระสังฆราชฯ ทรงแต่งตั้งให้เป็นฐานานุกรมในสมเด็จฯ ที่พระครูใบฎีกา (ประหยัด)
- พ.ศ. 2511  ทรงเลื่อนเป็น พระศรีสัจจญาณมุนี (ประหยัด ปญฺญาธโร)
- พ.ศ. 2517 ทรงเลื่อนพระศรีสัจจญาณมุนี (ประหยัด ปญฺญาธโร) เป็นพระศรีสัจจญาณเถร (วิ.)

 เมื่อสมเด็จพระสังฆราช (แพติสฺสเทวมหาเถร) อดีตอธิบดีสงฆ์วัดสุทัศนเทพวรารามยังดำรงพระชนม์อยู่นั้นได้ทรงเป็นผู้เชี่ยวชาญและทรงเป็น

ต้นตำรับตำราของการสร้างพระกริ่งและพระชัยวัฒน์ของวัดสุทัศน์ฯอยู่เป็นอันมากดังจะเห็นได้ว่านอกจากทรงหล่อพระกริ่ง-พระชัยวัฒน์หรือ

พระประจำวันปางต่างๆตลอดจนครอบน้ำมนต์เป็นประจำทุกปีเสมอมาแทบจะกล่าวได้ว่าหากจะมีวัดใดในกรุงเทพมหานครได้กระทำพิธีเกี่ยวกับการ

หล่อพระพุทธรูปแล้วจำต้องเชิญเสด็จฯเป็นประธานของงานเสมอมิฉะนั้นก็ต้องมาขอให้ทรงแนะนำในเรื่องเกี่ยวกับพิธีการหล่อพระอยู่เป็นนิจ

 ฉะนั้นตำรับตำราใดตลอดจนพระกริ่งของวัดสุทัศน์ฯจึงเป็นที่เลื่อมใสศรัทธาแก่ผู้รู้และผู้ต้องการอยู่ทั่วไป

 ครั้นเมื่อท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯ สิ้นพระชนม์ลง พระมงคลราชมุนี (สนธิ์ ยติธโร) หรือท่านเจ้าคุณศรีฯ (สนธิ์) ได้เป็นผู้รับช่วงปฏิบัติ

 สืบต่อมาอีกก็เป็นที่เลื่องลือ และอยู่ในความต้องการของประชาชนอย่างมิรู้เสื่อมคลาย แต่เผอิญท่านได้ถึงแก่มรณภาพลงเสียอีกรูปหนึ่ง 

 ลุถึงปี พ.ศ. 2486 เพชรน้ำงาม ได้บังเกิดขึ้น ณ วัดสุทัศนเทพวรารามอีกเม็ดหนึ่ง ซึ่งนับว่าเป็นเพชรเม็ดที่ 3 ได้บังเกิดขึ้นในสมมตินามจากสมณศักดิ์ว่า 

 “พระศรีสัจจญาณมุนี (ประหยัด ปญฺญธโร)” เป็นศิษย์เอกองค์หนึ่งในท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระสังฆราช (แพ ติสฺสเทวมหาเถร)

 ท่านเจ้าคุณศรีฯ (ประหยัด) ท่านเชี่ยวชาญชำนาญในการจัดสร้างวัตถุมงคลหลากหลายเช่นพระผงพุทธคุณเหรียญพระหล่อ

พระกริ่ง-พระชัยวัฒน์ตามแบบฉบับของท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระสังฆราชฯ (แพติสฺสเทวมหาเถร) และท่านเจ้าคุณศรีฯ (สนธิ์)

 เป็นอย่างมากเรียกได้ว่าท่านได้ถอดแบบพิธีกรรมและพิธีการจัดสร้างรวมถึงมวลสารต่างๆมาได้อย่างครบถ้วนทุกขั้นตอนมิได้ขาดตกบกพร่อง

 สรุปรายการวัตถุมงคลได้ต่อดังนี้
- พ.ศ. 2483 พระผงพิมพ์สมเด็จนางพญาเนื้อดินเผา
- พ.ศ. 2485 เหรียญหลวงพ่อพระขาว
- พ.ศ. 2486 พระกริ่ง-พระชัยวัฒน์ รุ่น “พระครูใบฎีกาปรหยัด ปญฺญาธโร”
- พ.ศ. 2496 พระกริ่งประภามณฑล, พระสมเด็จผงพุทธคุณ, พระสมเด็จผงเกษร, พระสังกัจจายนะ, ขันน้ำมนต์ปทุมคงคา 
และแหวนมงคล ๑๑
- พ.ศ. 2511 พระกริ่ง รุ่น “พระศรีสัจจญาณมุนี”, เหรียญสมเด็จพระสังฆราชฯ (แพ)
- พ.ศ. 2516 เหรียญสมเด็จพระสังฆราชฯ (แพ) รูปไข่
- พ.ศ. 2517 พระกริ่ง รุ่น “พระกริ่ง 79 เสาร์ 5 ฟ้าลั่น” (ถอดแบบจากพระกริ่งของเจ้าประคุณสมเด็จพระสังฆราชฯ (แพ), พระกริ่งราชาฤกษ์ 
และพระกริ่งพุธอธิบดี
- พ.ศ. 2518 พระแก้วมรกต, รูปเหมือนลอยองค์สมเด็จฯ, เหรียญ 2 สมเด็จฯ, เหรียญสมเด็จพระสังฆราช (แพ) ยืนและเหรียญหน้าจั่วสมเด็จฯ
- พ.ศ. 2520 พระกริ่ง “อ.พ.ต.”

 พระสมเด็จผงพุทธคุณ และพระสมเด็จผงเกษร  ปี พ.ศ. 2496 นี้ การเดินผงพุทธคุณ ครั้งแรกท่านจะเขียนอักขระด้วยผงสอเป็นผงพุทธคุณก่อน 

 จากนั้น ท่านก็จะเพ่งภาวนาผงพุทธคุณให้เดินเป็นตัวอักขระของผงอิทธิเจ ปถมัง มหาราช ตามที่ท่านต้องการโดยไม่ต้องเขียนด้วยสอเป็นอักขระอีกเลย 

 จากนั้นก็ภาวนาให้ผงเดินลงไปยังภาชนะโดยปกติเป็นโถปริก โดยไม่ต้องใช้วัตถุ หรือมือกวาดผงนั้น ๆ เลยแม้แต่น้อย และได้มีการกดพิมพ์ 

 ณ วัดสุทัศนเทพวราราม โดยสามเณร และพระภิกษุภายในวัดได้ร่วมกันนำผงเก่า ๆ พระชำรุดมาผสมกับผงพุทธคุณของท่านฯ 

 ครั้นเมื่อเสร็จก็ได้จัดพิธีมหาพุทธาภิเษก 3 วาระ คือ

วาระแรก เมื่อวันที่ 30 มกราคม ถึงวันที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2496

วาระที่สอง ประกอบพิธีมหาพุทธาภิเษกขึ้นในวันเสาร์ ๕ เดือน ๕ และ ๕ ค่ำ ตรงกับวันที่ 3-7 เมษายน พ.ศ. 2496 รวมเวลา 5 วัน 5 คืน รายนามพระเกจิอาจารย์ในสมัยนั้นมีจำนวน 98 รูป ปรากฏรายนามพระเกจิอาจารย์ในหนังสือประวัติการจัดสร้างวัตถุมงคลของวัดสุทัศนเทพวราราม อันเป็นหลักฐานที่แน่นอนที่ได้บันทึกไว้

วาระที่สาม พิธีมหาพุทธาภิเษกในวันที่ 7-8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2497
สำหรับรายนามพระเกจิอาจารย์ ทั้ง 98 รูป รวมถึงเหตุการณ์ภายหลังจากที่พระคุณเจ้าทั้งหลายได้ผลัดเปลี่ยนเวียนกัน

ขึ้นนั่งปรกแล้วได้เกิดนิมิตร หรือท่านได้เพ่งกระแสจิตรหนักไปในทางใด ได้มีการถูกบันทึกไว้เป็นหลักฐานเอกสารอย่างชัดเจน

วิธีการชำระเงิน

ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) สาขาปตท.ถนนกาญจนาภิเษก 2 ออมทรัพย์

JEWELRY-ANTIQUE-AMULET

ระบบสมาชิก

สถิติร้านค้า

หน้าที่เข้าชม4,556,256 ครั้ง
ผู้ชมทั้งหมด3,492,554 ครั้ง
เปิดร้าน4 ก.พ. 2558
ร้านค้าอัพเดท22 ต.ค. 2568

ติดต่อเรา

ติดตามสินค้า

พูดคุย-สอบถาม