พระมงคลธรรมภาณี (มัง มงฺคโล) หรือ หลวงปู่มัง อดีตเจ้าอาวาสวัดเทพกุญชรวราราม ตำบลพรหมาสตร์ อำเภอเมือง จังหวัดลพบุรี
เดิมชื่อ มังกร (ต่อมาทางทะเบียนราษฏร์เขียนตกไปคงเหลือแต่ มัง คำเดียว) สกุล รัตนโสม
เกิดที่บ้านท่าแค ตำบลท่าแค อำเภอเมือง จังหวัดลพบุรี
เมื่อวันพฤหัสบดีที่ ๑๑ เมษายน พ.ศ. ๒๔๕๐ ปีมะแม
เป็นบุตรคนหัวปีในจำนวน ๘ คน ของคุณพ่ออ่ำ คุณแม่เต่า รัตนโสม
เมื่ออายุได้ ๑๗ ปี ญาติทางฝ่ายมารดาได้ชักชวนไปบรรพชาที่ วัดสิริจันทรนิมิต(เขาพระงาม)
โดยมีพระอมราภิรักขิต เป็น พระอุปัชฌาย์
ได้ศึกษาเล่าเรียนทางด้านบาลีแต่ยังไม่ได้สอบ
และได้ปฏิบัติภาวนาควบคู่กันไป เพราะมีอุปนิสัยชอบการปฏิบัติมาตั้งแต่แรก
จึงฝากตัวเป็นศิษย์กับพระอุบาลีคุณูปมาจารย์ (จันทร์ สิริจันโท)
และพระครูศีลวรคุณ (อ่ำ ภทฺราวุโธ) โดยเฉพาะ
ทางด้านคาถาอาคมได้รับความเมตตาสั่งสอนจาก พระครูศิลวรคุณเป็นพิเศษ
ตอนเป็น สามเณรมีโอกาสได้ฟังธรรมจาก หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต เมื่อคราวที่ท่านไปพัก ณ วัดสิริจันทรนิมิตแต่ละครั้งทำให้จิตใจเกิดศรัทธา เชื่อมั่นในพระธรรมคำสั่งสอนยิ่งขึ้น
เมื่อวันที่ ๑๙ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๐ ท่านจึงได้รับการอุปสมบท ณ วัดสิริจันทรนิมิต โดยมี พระครูศีลวรคุณ (อ่ำ ภทฺราวุโธ) เป็นพระอุปัชฌาย์
พระอมราภิรักขิต (ไชย) เป็นพระกรรมวาจาจารย์
พระครูวินัยธร (ปลื้ม) เป็นพระอนุสาวนาจารย์
เมื่ออุปสมบทแล้วได้อยู่ศึกษากับพระครูอุบาลีคุณูปมาจารย์ในคราวที่ท่านมาพักที่วัดสิริจันทรนิมิต และ พระครูศีลวรคุณ โดยท่านพาออกวิเวกตั้งแต่เป็นเณรจนถึงอุปสมบท
วัดเทพกุญชรวราราม ตั้งอยู่ที่บ้านโพธิ์หัวช้าง หมู่ที่ ๓ ตำบลพรหมาสตร์ อำเภอเมือง จังหวัดลพบุรี
สังกัดคณะสงฆ์ธรรมยุต
มีที่ดินตั้งวัด เนื้อที่ ๑๒ ไร่ ๒ งาน ๕ ตารางวา
โฉนดเลขที่ ๒๐๗๕๖,๑๓๙๘๙,๑๓๔๕๗,๑๓๙๘๘,และ ๑๕๒๖๑
อาณาเขตติดต่อกับแม่น้ำสาย ลพบุรี
ทิศใต้ติดต่อกับที่ดินของนายสุดใจ รัตนโสม
ทิศตะวันออกติดต่อกับที่ดินของ นายฉย ศรีเศวต
ทิศตะวันตกติดต่อกับที่ดินของนายสำราญ ทองประ
อุโบสถกว้าง ๗.๕๐ เมตร ยาว ๒๑.๑๐ เมตร โครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็กเป็นแบบจตุรมุข
ศาลาการเปรียญกว้าง ๑๓ เมตร ยาว ๒๗ เมตร สร้าง พ.ศ. ๒๕๐๑ เป็นอาคารคอนกรีต
กุฏิสงฆ์จำนวน ๕ หลัง เป็นอาคารคอนกรีต ๒ ชั้น ๒ หลัง เป็นอาคารไม้ ๔ หลัง
ปูชนียวัตถุ
มีพระประธานในอุโบสถ ปางมารวิชัย ประชาชนเรียก "หลวงพ่อขาว"
นอกจากนี้มีพระพุทธรูปปูนปั้นของเก่า ๑ องค์
พระพุทธรูปปางนาคปรก ๑ องค์
รอยพระพุทธบาทจำลองเป็นหิน ๑ รอย
(ปี พ.ศ. ๒๕๓๕ ได้มีการริเริ่มก่อสร้างมณฑป ไว้เพื่อประดิษฐานรอยพระพุทธบาท)
เจดีย์ ๑ องค์ ฐานกว้างด้านละประมาณ ๘ เมตร
เดิม วัดเทพกุญชรวรารามนั้น เป็นวัดสร้างมานานแต่โบราณ ต่อมาจึงได้กลายสภาพเป็นวัดชาวบ้าน เรียกกันว่า "วัดกำแพงขาว" ซึ่งเข้าใจว่าเรียกตามลักษณะ องคำแพงอุโบสถที่มีสีขาว
ต่อมา ปี ๒๔๗๓ หลวงรามโกษา โมทนะเทศ, หลวงราชธานี, จ่าชะเอม, นายคง ทองแวว,
นายสุนทร พงษ์มณี และนายเหมา เกตุเผือก ร่วมใจกันทำการปฏิสังขรณ์ขึ้น
ปี ๒๔๙๕ ได้เปลี่ยนนามวัดเสียใหม่ เพื่อให้สอดคล้องกับชื่อหมู่บ้าน โพธิ์หัวช้าง ว่า "วัดเทพกุญชรวราราม" ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อวันที่ ๑๓ พฤษภาคม ๒๕๒๘ มีเขตวิสุงคามสีมากว้าง ๔๐ เมตร ยาว ๖๐ เมตร มีพระภิกษุและสามเณรอยู่จำพรรษา ปี ทางวัดได้เปิดสอนพระปริยัติธรรม ตั้งแต่ปี ๒๕๒๐ ในอดีต เคยมีโรงเรียนประถมศึกษาของทางราชการและหอสมุดตั้งอยู่ที่วัดด้วย
ลำดับเจ้าอาวาสมี ๗ รูป คือ
๑ หลวงพ่อขำ ปภสฺสโร ๒๔๗๓ - ๒๔๗๔
๒ พระตุ๋ย สุโภ ๒๔๗๕ - ๒๔๗๖
๓ หลวงพ่อขำ ปภสฺสโร ๒๔๗๗
๔ พระมหาพูน ปกครองต่อหลังจากที่หลวงพ่อขำมรณภาพ
๕ พระเชื้อ ๒๔๗๘ - ๒๔๗๙
๖ พระมงคลธรรมภาณี (มัง มงฺคโล) ดำรงตำแหน่ง ๒๔๗๙ - ๒๕๓๙
๗ พระอาจารย์สาโรช สีลธโร ๒๕๓๙ - ปัจจุบัน
ข้อมูลFLIPHTML5