สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ (ปุ่น ปุณฺณสิริ)
สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ พระนามเดิม ปุ่น สุขเจริญ ฉายา ปุณฺณสิริ เป็นสมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายกพระองค์ที่ 17 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ สถิต ณ วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร ทรงดำรงตำแหน่งเมื่อปี พ.ศ. 2515 ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ดำรงพระยศอยู่ 1 ปีเศษ สิ้นพระชนม์เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2516 สิริพระชันษาได้ 77 ปี 252 วัน
พระกำเนิด
สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ มีพระนามเดิมว่า ปุ่น สุขเจริญ ประสูติเมื่อวันอังคาร แรม 13 ค่ำ เดือน 4 ปีวอก จ.ศ. 1258 ร.ศ. 115 เวลา 24 นาฬิกาเศษ ตรงกับวันที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2440 (นับแบบใหม่) ณ บ้านตำบลสองพี่น้อง อำเภอสองพี่น้อง จังหวัดสุพรรณบุรี พระชนกชื่อเน้า สุขเจริญ พระชนนีชื่อวัน สุขเจริญ เป็นบุตรคนที่ 6 ในจำนวนพี่น้อง 8 คน มีพี่เป็นหญิง 4 คน ถึงแก่กรรมแต่เยาว์วัย พี่คนที่ 5 เป็นชายชื่อเหลือ น้องชายคนที่ 7 ชื่อเป้ง สุขเจริญ และน้องชายคนที่ 8 ชื่อสิ่ว ถึงแก่กรรมไปทั้งหมดแล้ว
การศึกษาปฐมวัย
พ.ศ. 2445 พระชันษา 6 ปี ศึกษากับพระชนกที่บ้าน จนอ่านหนังสือแบบเรียนเร็วเล่ม 1 - 2 จบแล้ว พระชนกจึงส่งให้เข้าเรียนต่อในโรงเรียนเอกชน เป็นเวลาประมาณหนึ่งปี
พ.ศ. 2446 พระชนกนำไปฝากเป็นลูกศิษย์พระอาจารย์หอม เกสโร (แสงจินดา) ซึ่งเป็นญาติมีศักดิ์เป็นอา ณ วัดสองพี่น้อง ได้เริ่มศึกษาภาษาบาลีด้วยอักษรขอม และมูลกัจจายน์ (หนังสือใหญ่) กับพระอาจารย์หอม เกสโร และพระอาจารย์จ่าง ปุณฺณโชติ (พระครูอุภัยภาดารักษ์) เวลาเย็น ต่อบทสวดมนต์กับพระอาจารย์ที่เรียกว่าต่อหนังสือค่ำ
พ.ศ. 2454 พระชันษา 15 ปี พระอาจารย์หอม วัดสองพี่น้อง นำมาฝากพระภิกษุป่วน (ภายหลังย้ายมาอยู่วัดพระเชตุพน และเป็นพระครูบริหารบรมธาตุ เจ้าอาวาสวัดนางชี เขตภาษีเจริญ) ผู้เป็นญาติฝ่ายโยมมารดา ณ วัดมหาธาตุ กรุงเทพมหานคร ได้ศึกษาอักษรขอมเพิ่มเติมกับพระภิกษุป่วน
พ.ศ. 2455 พระชันษา 16 ปี ย้ายมาอยู่กับพระสด (พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ) ซึ่งมีศักดิ์เป็นอา ณ วัดพระเชตุพน
การบรรพชา - อุปสมบท
พ.ศ. 2455 พระชันษา 16 ปี บรรพชาเป็นสามเณร ณ วัดสองพี่น้อง พระครูวินยานุโยค (เหนี่ยง อินฺทโชโต) เจ้าอาวาสวัดสองพี่น้อง เจ้าคณะอำเภอสองพี่น้อง เป็นพระอุปัชฌาย์
พ.ศ. 2456 พระชันษา 17 ปี ลาสิกขาจากสามเณร เพราะพระชนกป่วยต้องไปช่วยโยมทำนา
พ.ศ. 2457 พระชันษา 18 ปี บรรพชาเป็นสามเณรอีกครั้งหนึ่ง และกลับมาอยู่วัดพระเชตุพนตามเดิม
พ.ศ. 2460 พระชันษา 22 ปี อุปสมบทเป็นพระภิกษุ ณ วัดสองพี่น้อง อำเภอสองพี่น้อง จังหวัดสุพรรบุรี พระครูวินยานุโยค (เหนี่ยง อินฺทโชโต) วัดสองพี่น้อง เจ้าคณะอำเภอสองพี่น้อง เป็นพระอุปัชฌาย์ หลวงพ่อโหน่ง อินฺทสุวณฺโณ วัดสองพี่น้อง (ต่อมาเป็นเจ้าอาวาสวัดอัมพวัน ตำบลดอนมะดัน) เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระศากยบุตติยวงศ์ (เผื่อน ติสฺสทตฺโต) ภายหลังเป็นสมเด็จพระวันรัต วัดพระเชตุพน เป็นพระอนุสาวนาจารย์ เมื่อวันศุกร์ที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2460 ขึ้น 7 ค่ำ เดือน 6 ปีมะเส็ง
ศึกษาปริยัติธรรม
พ.ศ. 2455 ศึกษาภาษาบาลี และนักธรรมในสำนักเรียนวัดพระเชตุพน กับพระศากยบุตติยวงศ์ (เผื่อน ติสฺสทตฺโต) และพระมหาปี วสุตฺตโม
พ.ศ. 2456 สอบได้นักธรรมชั้นตรี
พ.ศ. 2458 พระชันษา 20 ปี สอบได้เปรียญธรรม 3 ประโยค ขณะเป็นสามเณร และได้เข้ารับพระราชทานประกาศนียบัตรและพัดใบตาลใจกลางพื้นแพรเขียวจากพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ณ พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย
พ.ศ. 2462 สอบได้นักธรรมชั้นโท
พ.ศ. 2463 สอบได้เปรียญธรรม 4 ประโยค
พ.ศ. 2466 สอบได้เปรียญธรรม 5 ประโยค
พ.ศ. 2470 สอบได้เปรียญธรรม 6 ประโยค
ศึกษาภาษาต่างประเทศ
พ.ศ. 2462 พระชันษา 25 ปี อุปสมบทได้ 3 พรรษา ศึกษาภาษาอังกฤษกับหลวงประสานบรรณวิทย์ ตลาดนางเลิ้ง ศึกษาภาษาจีนกับนายกมล มะลิทอง
ดำรงตำแหน่งหน้าที่ในพระอาราม
พ.ศ. 2463 เป็นครูสอนบาลีไวยากรณ์
พ.ศ. 2467 เป็นครูสอนชั้นธรรมบท กอง 1 - 2 และชั้นธรรมบท กอง 3 ซึ่งเป็นชั้นประโยค 3 จนถึง พ.ศ. 2487 นับเวลาเป็นครู 25 ปี
พ.ศ. 2484 เป็นผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระเชตุพน
พ.ศ. 2486 เป็นเจ้าคณะเหนือ วัดพระเชตุพน
พ.ศ. 2487 เป็นผู้อำนวยการเทศน์ปุจฉาวิสัชนา
ดำรงตำแหน่งหน้าที่ทางคณะสงฆ์
4 ธันวาคม พ.ศ. 2484 เป็นพระคณาจารย์เอกทางเทศนา
13 มีนาคม พ.ศ. 2486 เป็นเจ้าคณะตรวจการภาคบูรพา (สมุทรปราการ ฉะเชิงเทรา ชลบุรี นครนายก ปราจีนบุรี ระยอง จันทบุรี ตราด)
3 กันยายน พ.ศ. 2486 เป็นเจ้าคณะตรวจการภาค 2 (อยุธยา อ่างทอง สระบุรี ลพบุรี สิงห์บุรี ชัยนาท อุทัยธานี นครสวรรค์ พิจิตร กำแพงเพชร สุพรรณบุรี) เป็นกรรมการสังคายนาพระธรรมวินัย
พ.ศ. 2487 เป็นพระอุปัชฌาย์
10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2488 เป็นสมาชิกสังฆสภา
9 มีนาคม พ.ศ. 2490 เป็นผู้รักษาการเจ้าอาวาสวัดพระเชตุพน
6 มีนาคม พ.ศ. 2491 เป็นสังฆมนตรี (สมัยที่ 1) ซึ่งมีสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (เจริญ ญาณวโร) เป็นสังฆนายก
18 มิถุนายน พ.ศ. 2491 เป็นเจ้าอาวาสวัดพระเชตุพน
31 สิงหาคม พ.ศ. 2491 เป็นกรรมการและเลขาธิการ กรรมการสังฆาณัติระเบียบพระคณาธิการ (ก.ส.พ.)
17 พฤษภาคม พ.ศ. 2492 เป็นเจ้าคณะตรวจการภาค 2 (สมุทรปราการ สมุทรสาคร สมุทรสงคราม ฉะเชิงเทรา ชลบุรี นครนายก ปราจีนบุรี ระยอง จันทบุรี ตราด)
30 พฤษภาคม พ.ศ. 2493 เป็นสังฆมนตรี (สมัยที่ 2) ซึ่งมีสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (เจริญ ญาณวโร) เป็นสังฆนายก
11 มิถุนายน พ.ศ. 2494 เป็นสังฆมนตรี (สมัยที่ 3) ซึ่งมีพระศาสนโศภน (จวน อุฏฺฐายี) เป็นสังฆนายก
24 กรกฎาคม พ.ศ. 2494 เป็นสังฆมนตรี (สมัยที่ 4) ซึ่งมีสมเด็จพระวันรัต (ปลด กิตฺติโสภโณ) เป็นสังฆนายก
5 ตุลาคม พ.ศ. 2494 เป็นเจ้าคณะตรวจการภาค 7 (สมุทรสาคร สมุทรสงคราม นครปฐม สุพรรณบุรี ราชบุรี กาญจนบุรี เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์)
23 กรกฎาคม พ.ศ. 2498 เป็นสังฆมนตรี (สมัยที่ 5) ซึ่งมีสมเด็จพระวันรัต (ปลด กิตฺติโสภโณ) เป็นสังฆนายก
2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2499 เป็นสังฆมนตรีว่าการองค์การสาธารณูปการ (สมัยที่ 5) แทนสมเด็จพระพุฒาจารย์ (นวม พุทฺธสโร) ที่มรณภาพ
10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2500 เป็นกรรมการสังฆาณัติระเบียบพระคณาธิการ (ก.ส.พ.)
พ.ศ. 2502 - 2508 เป็นผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ
12 มกราคม พ.ศ. 2503 เป็นสังฆมนตรีว่าการองค์การเผยแพร่ (สมัยที่ 6)
31 ตุลาคม พ.ศ. 2504 เป็นกรรมการพิจารณาหลักสูตรการศึกษาพระปริยัติธรรม แผนกบาลี
1 มกราคม พ.ศ. 2506 เป็นกรรมการมหาเถรสมาคม
29 มกราคม พ.ศ. 2506 เป็นกรรมการพิจารณาร่างหลักสูตรพระปริยัติธรรม แผนกบาลี เปรียญตรี โท เอก
พ.ศ. 2506 - 2507 เป็นผู้รักษาการเจ้าอาวาสวัดโสธรวรารามวรวิหาร จังหวัดฉะเชิงเทรา
20 สิงหาคม พ.ศ. 2508 เป็นเจ้าคณะใหญ่หนกลาง และรักษาการในตำแหน่งเจ้าคณะใหญ่หนตะวันออก หนเหนือ และหนใต้
15 มกราคม พ.ศ. 2509 เป็นแม่กองงานพระธรรมทูต
10 - 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2510 เป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนสมเด็จพระสังฆราช[9]
19 มีนาคม พ.ศ. 2515 เป็นเจ้าคณะนครหลวงกรุงเทพธนบุรี
21 กรกฎาคม พ.ศ. 2515 ได้รับสถาปนาเป็นสมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก
ดำรงตำแหน่งหน้าที่ในคณะมหานิกาย
พ.ศ. 2490 - เป็นกรรมการสภามหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
พ.ศ. 2494 - เป็นประธานกรรมการเจ้าคณะตรวจการภาค (ก.จ.ภ.)
พ.ศ. 2500 - เป็นกรรมการอุปถัมภ์กิตติมศักดิ์ มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
27 มีนาคม พ.ศ. 2516 - ตั้งสมัชชามหาคณิสสร และเป็นประธานสมัชชามหาคณิสสร
ดำรงตำแหน่งหน้าที่ศาสนกิจพิเศษ
พ.ศ. 2483 - เป็นกรรมการแปลพระไตรปิฎกเป็นภาษาไทย แผนกพระวินัย
พ.ศ. 2492 - เป็นสภานายกสภาพระธรรมกถึก
พ.ศ. 2494 - เป็นอนุกรรมการอบรมศีลธรรมและวัฒนธรรมแก่ข้าราชการและประชาชน (ก.อ.ช.)
พ.ศ. 2496 - เป็นประธานกรรมการสงฆ์แห่งโรงพยาบาลสงฆ์
พ.ศ. 2497 - เป็นประธานทอดผ้าป่าวันโรงพยาบาลสงฆ์ โดยทรงริเริ่มในนามสภาพระธรรมกถึก, เป็นกรรมการวิทยุกระจายเสียงวันธรรมสวนะ
พ.ศ. 2498 - เป็นที่ปรึกษาคณะกรรมการทำนุบำรุงโรงพยาบาลสงฆ์
พ.ศ. 2501 - เป็นประธานกรรมการปรับปรุงตลาดเฉลิมโลก
พ.ศ. 2508 - เป็นกรรมการมูลนิธิโรงพยาบาลสงฆ์
พ.ศ. 2510 - เป็นประธานจิตตภาวันวิทยาลัย
เสด็จไปทรงบำเพ็ญศาสนกิจในต่างประเทศ
พ.ศ. 2497 - ประชุมฉัฏฐสังคายนา ประเทศพม่า, สังเกตการณ์พระศาสนา ประเทศกัมพูชา
พ.ศ. 2499 - งานฉลองพุทธชยันตี (25 ศตวรรษ) ประเทศศรีลังกา, นมัสการสังเวชนียสถาน ประเทศอินเดีย และแวะประเทศสิงคโปร์
พ.ศ. 2502 - พิธีเปิดวัดไทยพุทธคยา ประเทศอินเดีย
พ.ศ. 2505 - ตั้งผู้ปกครองวัดเชตวัน กัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย
พ.ศ. 2506 - เยี่ยมวัดไทยในรัฐเคดาห์ ปีนัง ประเทศมาเลเซีย และประเทศสิงคโปร์
พ.ศ. 2509 - เป็นประธานผูกพัทธสีมา วัดไทยพุทธคยา ประเทศอินเดีย และสังเกตการณ์พระพุทธศาสนา ประเทศเนปาล, ตั้งเจ้าอาวาสวัดเชตวัน กัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย
พ.ศ. 2510 - เป็นประธานผูกพัทธสีมา วัดเชตวัน กัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย
พ.ศ. 2511 - งานพระราชทานเพลิงศพ พระนิโครธรรมธาดา ประเทศมาเลเซีย, เยี่ยมวัดพุทธปทีป กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ และเสด็จประเทศเนเธอร์แลนด์ ฝรั่งเศส เบลเยี่ยม ลักเซมเบอร์ก เยอรมนี สวิตเซอร์แลนด์ และอิตาลี
พ.ศ. 2513 - เป็นผู้แทนคณะสงฆ์แห่งประเทศไทย ในงานถวายพระเพลิงพระศพ สมเด็จพระสังฆราช ประเทศกัมพูชา
พ.ศ. 2515 - เยือนประเทศสหรัฐอเมริกา ตามคำอาราธานาของรัฐบาลอเมริกัน เยือนสำนักวาติกัน กรุงโรม ตามคำอาราธนาของสมเด็จพระสันตปาปา ประมุขแห่งศาสนาคริสต์ นิกายคาทอลิก และเยี่ยมวัดพุทธปทีป ประเทศอังกฤษ ผ่านไปเนเธอร์แลนด์ ฝรั่งเศส เยอรมนี สวิตเซอร์แลนด์ และสเปน
สิ้นพระชนม์
โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ได้มีแถลงการณ์แจ้งข่าวพระอาการตลอดมาทุกระยะ แถลงการณ์ในการสิ้นพระชนม์ มีดังนี้
"สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เสด็จเข้ารับการรักษา ณ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ตั้งแต่วันที่ 12 กันยายน 2516 ด้วยพระอาการเวียนพระเศียร ความจำทรงเสื่อมลง พระวรกายทางซีกขวาอ่อนเคลื่อนไหวไม่ได้ คณะแพทย์ลงความเห็นว่า พระอาการทั่วไปทั้งหมด เนื่องมาจากการที่พระองค์ทรงประชวรเป็นเนื้องอกในปอดข้างซ้าย ซึ่งคณะแพทย์ได้ถวายการรักษาด้วยรังสีโคบอลท์ พระอาการดีขึ้นบ้าง
ต่อมาวันที่ 14 ตุลาคม 2516 มีพระโรคแทรก คือ พระโลหิตออกจากกระเพาะอาหาร คณะแพทย์ได้ถวายการผ่าตัดเพื่อระงับมิให้สูญเสียพระโลหิตทางลำไส้อีก และถวายการผ่าตัดเพื่อมิให้มีพระอาการขึ้นอีก นับตั้งแต่วันที่ 18 ตุลาคม 2516 เป็นต้นมา พระอาการทางสมองมากขึ้น จนครึ่งพระวรกายซีกขวาเคลื่อนไหวไม่ได้ ทรงมีพระอาการไข้ขึ้นสูงตลอดมา ปอดบวม มีพระอาการทั่วไปอ่อนเพลียลงตามลำดับ ในที่สุดสิ้นพระชนม์ลงเมื่อวันศุกร์ที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2516 เวลา 22.25 น. ด้วยพระอาการอันสงบ
คณะแพทย์ได้พยายามเยียวยาถวายการรักษาพระองค์อย่างสุดความสามารถจนถึงสิ้นพระชนม์ ในตอนกลางคืน วันสิ้นพระชนม์ มีพระสงฆ์เฝ้าเยี่ยมพระอาการประมาณ 300 รูป คฤหัสถ์ประมาณ 200 คน"
ข้อมูล วิกิพีเดีย