พระราชอุทัยกวี วิ. (พุฒ สุทตฺโต ป.ธ.๕)
ชาตภูมิ
พระราชอุทัยกวี วิ. มีนามเดิมว่า พุฒ แจ้งอิ่ม เกิดวันพุธที่ ๙ ธันวาคม ๒๔๓๙ ตรงกับวันขึ้น ๕ ค่ำเดือน อ้าย ปีวอก ณ บ้านหนองเต่า ตำบลทุ่งใหญ่ อำเภอเมืองอุทัยธานี จังหวัดอุทัยธานี
ในวัยเยาว์ท่านต้องช่วยบิดามารดาทำนาและเลี้ยงน้อง แต่ท่านมีความสนใจในการปฏิบัติธรรม คือชอบสวดมนต์ก่อนนอนตามบิดาของท่านทุก ๆ คืน ทำให้สวดมนต์ได้ตั้งแต่อายุยังน้อย พ.ศ.๒๔๕๓ บิดาจึงนำท่านมาฝากพระสุนทรมุนี (ใจ) เจ้าอาวาสวัดมณีธุดงค์สงฆ์มูลิกาวาส (พ.ศ.๒๔๕๖ สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส สกลมหาสังฆปรินายก ได้ประทานนามใหม่ว่า “วัดทุ่งแก้ว” ) และเข้ารับการศึกษาที่โรงเรียนวัดมณีธุดงค์เชลยศักดิ์ ได้เรียนวิชา ภาษาไทย ภาษาขอม เลขะ วิชาลงรักปิดทอง
บรรพชาอุปสมบท
บรรพชาเป็นสามเณร เมื่อ พ.ศ. ๒๔๕๔ ณ วัดทุ่งแก้ว จังหวัดอุทัยธานี
อุปสมบทเป็นพระภิกษุ เมื่อวันที่ วันที่ ๖ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๕๘ ณ วัดทุ่งแก้ว โดยมี พระสุนทรมุนี (ใจ คงฺคสโร) เป็นพระอุปัชฌาจารย์ พระมหายอด อกฺกวํโส เป็นพระกรรมวาจาจารย์ ได้รับฉายาว่า “สุทตฺโต”
ในระหว่างศึกษาอยู่ที่สำนักเรียนวัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์นี้ ท่านได้รับความเมตตาจาก สมเด็จพระวันรัต (เฮง เขมจารี) อบรมสั่งสอนธรรม จนมีความรู้ ความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง แตกฉาน และมีโอกาสปรนนิบัติรับใช้ สมเด็จพระวันรัต (เฮง) อย่างใกล้ชิด เนื่องจากความที่เป็นคนอุทัยธานีเหมือนกัน ประกอบกับท่านเป็นผู้มีความวิริยะอุตสาหะและปฏิบัติกิจทางศาสนาได้อย่างเข้ม แข็ง มีศีลาจารวัตรงดงาม จึงเป็นที่ชื่นชอบของสมเด็จพระวันรัต (เฮง) เป็นอย่างยิ่ง นับว่าท่านเป็นศิษย์ที่ สมเด็จพระวันรัต (เอง) ให้ความเมตตาและไว้ว่างใจมากที่สุด
นอกจากการศึกษาด้านปริยัติธรรมแล้ว พระราชอุทัยกวี (พุฒ) ยังมีความสนใจด้านวิปัสสนากรรมฐาน เป็นอย่างมาก ดังนั้น ในปี พ.ศ. ๒๔๙๖ จึงได้ไปศึกษาวิปัสสนากรรมฐานกับ พระภัททันตะ อาสภเถระ ธัมมาจริยะ ชาวพม่าที่เดินทางมาเผยแผ่ธรรมะด้านวิปัสสนากรรมฐานในประเทศไทย และได้นำความรู้มาอบรมสั่งสอนให้แก่ลูกศิษญ์ชาวอุทัยธานีและจังหวัดใกล้เคียงเป็นจำนวนมาก โดยเริ่มทำการสอนตั้งแต่ พ.ศ.๒๔๙๗ เป็นต้นมา และได้จัดตั้งวิปัสสนามูลนิธิวัดมณีสถิตกปิฏฐารามขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อบำเพ็ญทานและการกุศลในพุทธศาสนา ได้แก่การบำรุงสำนักวิปัสสนา และสำนักเรียนปริยัติธรรมวัดมณีสถิตกปิฏฐาราม และส่งเสริมกิจการการกุศลสาธารณประโยชน์ทั่วไป
การศึกษา
พ.ศ. ๒๔๕๙ สอบได้ นักธรรมชั้นตรี สำนักเรียนวัดทุ่งแก้ว
พ.ศ. ๒๔๖๒ สอบได้ นักธรรมชั้นโท
พ.ศ. ๒๔๖๓ สอบได้ เปรียญธรรม ๓ ประโยค
พ.ศ. ๒๔๖๔ สอบได้ เปรียญธรรม ๔ ประโยค
พ.ศ. ๒๔๖๕ สอบได้ เปรียญธรรม ๕ ประโยค
ตำแหน่ง
ฝ่ายปกครอง
พ.ศ. ๒๔๖๙ เป็น ผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดทุ่งแก้ว
พ.ศ. ๒๔๗๑ เป็น เจ้าอาวาสวัดมณีสถิตกปิฏฐาราม
พ.ศ. ๒๔๗๖ เป็น รองเจ้าคณะจังหวัดอุทัยธานี
พ.ศ. ๒๔๗๖ เป็น พระอุปัชฌาย์
พ.ศ. ๒๔๗๗ เป็น ผู้รักษาการแทนเจ้าคณะจังหวัดอุทัยธานี
พ.ศ. ๒๔๗๘ เป็น เจ้าคณะจังหวัดอุทัยธานี
มรณกาล
พระราชอุทัยกวี (พุฒ สุทตฺโต ป.ธ.๕) สภาพสังขารโดยทั่วไปมีสุขภาพอนามัยดี ปราศจากโรคภัยไขเจ็บประจำตัว โดยปกติท่านจะใช้เวลาปฏิบ้ติวิปัสสนากรรมฐานในกุฏิเสมอ บางครั้งจะปฏิบัติติดต่อกันเป็นเวลานาน ๑-๒ วัน โดยไม่ออกมาฉันภัตตาหารเลย ท่านเป็นแม่แบบและเป็นที่เคารพ เป็นความภาคภูมิใจของชาวอุทัยธานีมาโดยตลอดทั้งทางด้านปกครองและทางด้านเป็นพระวิปัสสนา ผิวกายของท่านมีราศียิ่งนักมีผิวกายสีชมพู ดูแล้วงามตาและประทับใจเป็นอย่างยิ่ง และในวันที่ ๒๔ เมษายน พ.ศ. ๒๕๓๓ เมื่อฉันภัตตาหารเช้าแล้ว ท่านก็ได้เข้ากุฏิปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานเหมือนเช่นเคย จนกระทั่งเวลาประมาณ ๑๐.๐๐ น.เศษ มีผู้เข้าไปพบท่านได้มรณภาพอย่างสงบภายในกุฏิสนทรประมุข
สังขารของท่านได้พระราชทานเพลิงศพ ณ เมรุลอยบริเวณหน้าโรงเรียนพระปริยัติธรรม “อุทัยธรรมสภา” เมื่อวันที่ ๒๑ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๓๔ ยังความเศร้าโศกเสียใจ อาลัยยิ่งแก่เหล่าศิษยานุศิษย์และชาวอุทัยธานีทั้งปวง
สมณศักดิ์
พ.ศ. ๒๔๗๖ เป็น พระครูสัญญาบัตร ที่ พระครูศรีรัตนาภิรม
๑๙ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๘ เป็น พระราชาคณะชั้นสามัญ ที่ พระสุนทรมุนี อุทัยธานีวรนายก สังฆปาโมกข์
๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๐๐ เป็น พระราชาคณะชั้นราช ฝ่ายวิปัสสนาธุระ ที่ พระราชอุทัยกวี สมาธินทรียสุนทร ยติคณิสสร บวรสังฆาราม คามวาสี
วัดมณีสถิตกปิฏฐารามดมณีสถิตกปิฏฐาราม [มะ-นี-สะ-ถิด-กะ-ปิด-ถา-ราม หรือ มะ-นี-สะ-ถิด-กะ-ปิด-ตะ-ถา-ราม] เป็นพระอารามหลวงชั้นตรีชนิดสามัญ สังกัดคณะสงฆ์ฝ่ายมหานิกาย ตั้งอยู่ในตำบลอุทัยใหม่ อำเภอเมืองอุทัยธานี จังหวัดอุทัยธานี ปัจจุบันมีพระครูอุปกิตปริยัติโสภณเป็นเจ้าอาวาส
วัดมณีสถิตกปิฏฐาราม เดิมชื่อ วัดมณีธุดงค์สงฆ์มูลิกาวาส เริ่มก่อสร้างราว พ.ศ. 2431 โดยพระอาจารย์แย้ม วัดโมลีโลกยารามราชวรวิหาร กรุงเทพมหานคร ได้ธุดงค์ไปพักบริเวณนั้น ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาเมื่อ พ.ศ. 2434 ต่อมาเมื่อ พ.ศ. 2456 สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส เสด็จตรวจการคณะสงฆ์มณฑลฝ่ายเหนือมาทอดพระเนตรเห็นวัดมณีธุดงค์สงฆ์มูลิกาวาสและทรงเปลี่ยนชื่อเป็น วัดทุ่งแก้ว ตามที่ประชาชนนิยมเรียกกันอันเนื่องจากที่ตั้งวัดเป็นป่าไผ่ จนราว พ.ศ. 2478 เกิดเพลิงไหม้ตลาดสะแกรังครั้งใหญ่ ทำให้บ้านเรือนบริเวณทิศใต้และทิศตะวันตกของวัดขวิดได้รับความเสียหาย ส่วนวัดขวิดไม่ได้รับความเสียหาย แต่ทางราชการได้จัดผังเมืองใหม่ จึงรวมวัดขวิดเข้ากับวัดทุ่งแก้ว สมเด็จพระวันรัต (เฮง เขมจารี) เจ้าคณะมณฑลนครสวรรค์ ได้เปลี่ยนนามวัดเป็น "วัดมณีสถิตกปิฏฐาราม" เมื่อ พ.ศ. 2481 จนวัดได้รับการยกฐานะเป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดสามัญเมื่อวันที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2536
ภายในวัดมีสระน้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์ เป็นสระที่พระอาจารย์แย้ม ได้ชักชวนชาวบ้านมาช่วยกันขุดเมื่อ พ.ศ. 2431 มีขนาดกว้าง 14.60 เมตร ยาว 17.40 เมตร ลึก 7.19 เมตร ก่อขอบสระเป็นอิฐถือปูน เพื่อกรุอิฐเป็นสระน้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์ มีศิลาลงยันต์คาถาอักษรขอม ปลุกเสกอาคมบรรจุไว้ตรงกลางสระ เพื่อให้น้ำทั้งสระเป็นน้ำมนต์ ทางราชการได้นำน้ำมนต์ในสระนี้ไปรวมกับน้ำศักดิ์สิทธิ์แหล่งอื่น ๆ เพื่อเป็นน้ำอภิเษกในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก รัชกาลที่ 6 พ.ศ. 2454, รัชกาลที่ 7 พ.ศ. 2468 และรัชกาลที่ 10 พ.ศ. 2562
พระปรางค์ใหญ่สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2452 โดยมีฐานกว้าง 8 เมตร สูง 16 เมตร ลักษณะเป็นปรางค์ห้ายอด ภายในบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ และเป็นที่ประดิษฐานรูปหล่อหลวงพ่อแย้มผู้สร้างวัดนี้
ที่ตั้ง ถนนสุนทรสถิตย์ ตำบลอุทัยใหม่ อำเภอเมืองอุทัยธานี จังหวัดอุทัยธานี
ประเภท พระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดสามัญ
นิกาย เถรวาท มหานิกาย
พระประธาน พระพุทธรูปปางสมาธิ
เจ้าอาวาส พระครูอุปกิตปริยัติโสภณ (สุข สุมงฺคโล)
ข้อมูล วิกิพีเดีย