หลวงพ่อหอม วัดหนองเสือ หรือ พระครูธรรมรสพินิต อดีตเจ้าอาวาสวัดหนองเสือ ตำบลวังศาลา อำเภอท่าม่วง จังหวัดกาญจนบุรี ท่านมีนามเดิมว่า หอม พรหมวิหาร เกิดเมื่อวันที่ ๙ กันยายน พ.ศ. ๒๔๔๔ ณ บ้านหนองรี ตำบลบ้านเลือก อำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี โยมบิดาชื่อ ทอง พรหมวิหาร โยมมารดาชื่อ เกลื้อม พรหมวิหาร มีพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน ๖ คน ที่บ้านมีอาชีพทำนา
ปี พ.ศ. ๒๔๖๕ หลวงพ่อหอมมีอายุครบบวช จึงได้เข้าพิธีอุปสมบท ณ พัทธสีมาวัดหนองหญ้าปล้อง ตำบลบ้านเลือก อำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี เมื่อวันที่ ๓ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๖๕ ได้รับฉายาว่า "กนฺทรสฺส" โดยไม่ปรากฏชื่อของพระอุปัชฌาย์ของท่าน
หลังจากอุปสมบท ท่านได้เดินทางไปศึกษาพระธรรมวินัย ทั้งปริยัติธรรมและเรียนบาลีตามสมณวิสัย ที่วัดเสนหา อำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม โดยเรียนอยู่ในสำนักเดียวกันกับสมเด็จพระสังฆราชเจ้า(วาสนเถระ) วัดราชบพิตรฯ กรุงเทพฯ
นอกจากนี้ท่านยังได้เดินทางไปจำพรรษาที่วัดบางช้าง ตำบลบางช้าง อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม เพื่อเล่าเรียนวิชาอาคมกับพระเกจิต่างๆในพื้นที่จังหวัดสมุทรสงคราม
ทว่าการศึกษาของท่านก็ต้องยุติลงเพียงนั้น เพราะญาติโยมที่ศรัทธาในตัวท่านต้องการให้ท่านมาเป็นผู้นำ ในการก่อสร้างวัดหนองเสือ ที่ชาวบ้านหนองเสือที่ยังไม่มีวัดไว้ทำบุญและประกอบพิธีทางศาสนา
ท่านได้มาอยู่ที่วัดหนองเสือเมื่อวันที่ ๕ กรกฏาคม พ.ศ. ๒๔๗๑ เพื่อช่วยกันสร้างวัดและเสนาสนะต่างๆ ร่วมกับชาวบ้านหนองเสือ
จนเมื่อชาวบ้านสร้างวัดหนองเสือจนแล้วเสร็จ จึงได้พากันนิมนต์หลองพ่อหอมให้ เป็นเจ้าอาวาสองค์แรกของวัด เมื่อวันที่ ๒๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ เป็นต้นมา
หลังจากที่หลวงพ่อหอม ได้เป็นเจ้าอาวาส ท่านก็ยังมิได้นิ่งนอนใจ ยังคงพัฒนาวัดให้เจริญรุ่งเรืองยิ่งๆขึ้นไป และยังได้พัฒนาจิตใจของชาวบ้านหนองเสือให้เจริญในศีลในธรรม
นอกจากนี้หลวงพ่อหอม ท่านได้เล็งเห็นความสำคัญของการศึกษาจึงได้จัดสร้างโรงเรียนวัดหนองเสือ (หอมประชาวิทยาคาร) ขึ้นเพื่อเป็นที่เล่าเรียนของเด็กๆในพื้นที่ โดยใช้ที่ดินของวัดในการจัดสร้าง
หลวงพ่อหอม ท่านได้ช่วยเหลือชาวบ้านโดยไม่เลือกชั้นวรรณะ โดยท่านนั้นเชี่ยวชาญด้านการรักษาด้วยสมุนไพรและวิชาอาคม ในสมัยก่อนผู้คนนิยมไปสักกับท่าน
ด้วยทราบกันดีว่ายันต์ที่ท่านสักให้นั้นเหนียวชนิดแมลงวันไม่ได้กินเลือด และด้วยเหตุนี้เองทำให้ลูกศิษย์ที่ได้สักกับท่านบางคนจึงประพฤติตัวไม่ดี จนเมื่อความทราบถึงหลวงพ่อ ท่านจึงไม่สักให้กับใครอีกเลยนับแต่นั้นมา
ในด้านวิชาอาคมนั้น ท่านได้รับการยกย่องว่าเป็นพระเกจิอาจารย์ที่โด่งดังของจังหวัดกาญจนบุรี รุ่นเดียวกับหลวงพ่อนารถ วัดศรีโลหะฯ หลวงพ่อกริ่ง วัดโพธิ์ศรีสุขาราม หลวงพ่อเที่ยง วัดม่วงชุม หลวงพ่อหมั่น วัดดงสัก เลยทีเดียว
หลวงพ่อหอม ครองตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดหนองเสือเรื่อยมาจนท่านเริ่มอาพาธเมื่อวันที่ ๑๗ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๒๔ ลูกศิษย์ลูกหาได้ช่วยกันรักษาอย่างสุดความสามารถ
หลวงพ่อหอม วัดหนองเสือ มรณภาพลงด้วยโรคชรา เมื่อวันที่ ๑ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๒๔ นับรวมสิริอายุได้ ๗๙ ปี ๑๐ เดือน ๒๓ วัน ๕๙ พรรษา