ประวัติวัดท่าการ้อง ซึ่งสันนิฐานตามพุทธะลักษณะและซากปรักหังพัง น่าจะสร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 1 (สมเด็จพระชัยราชา) ประมาณปีพุทธศักราช 2076 หรือ 474 ปีเศษมาแล้ว เพราะมีท่าน้ำกั้นวัด ช่วงนั้นแผ่นดินค่อนข้างสงบพระพุทธศาสนาเจริญรุ่งเรื่องดี อีกทั้งวัดนี้ยังใช้เป็นที่ประทับพักผ่อน เพื่อเผยแพร่ศาสนาของลัทธิลังกาวงศ์อีกด้วย แต่ไม่ปรากฏหลักฐานที่ชัดเจนว่าผู้ใดเป็นผู้สร้าง เพราะอยู่นอกเขตพระบรมมหาราชวัง สันนิฐานว่า คงจะเป็นวัดที่ราษฎรสร้างขึ้น เพราะไม่ปรากฏรายชื่อพระอารามหลวงสมัยอยุธยา แต่จากการสังเกตเม็ดมะยมรอบกำแพงพระอุโบสถ จึงสันนิฐานว่าน่าจะมีการบูรณะปฎิสังขรณ์ขึ้นมาใหม่ในสมัยรัตนโกสินทร์ ช่วงรัชกาลพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวและพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 3-5)
วัดท่าการ้องได้มีการปฏิสังขรณ์มาไม่ต่ำกว่า 2 ครั้ง มีหลักฐานที่กรมศิลปากรได้ทำการสำรวจใน ปี พ.ศ. 2508 ที่ตั้งในปัจจุบันล้อมรอบด้วยชุมชนอิสลาม พื้นที่ตั้งของวัดโดยรวมเป็นที่ราบอยู่ติดแม่น้ำเจ้าพระยา ใกล้กับ วัดธรรมาราม และ วัดกษัตราธิราช อยู่ห่างจากเกาะเมืองประมาณ 3 กิโลเมตร ตั้งอยู่นอกพระนครฯด้านทิศตะวันตกหรือบริเวณ ทุ่งประเชต
วัดท่าการ้องในปัจจุบันเกิดจากการรวมพื้นที่วัด 2 วัดเข้าด้วยกัน คือ วัดท่า และ วัดการ้อง โดยพื้นที่ของวัดท่าการ้องในปัจจุบันคือพื้นที่ของวัดท่า ส่วนวัดการ้องอยู่ทางทิศใต้ของวัดท่า ปัจจุบันเหลือแต่พระพุทธรูป ซากเจดีย์และรูปปั้นอีกา1ตัว วัดท่าการ้อง ถูกกล่าวในพระราชพงศาวดารหลายครั้ง ในคราวสงครามพระเจ้าตะเบ็งชเวตี้ สมเด็จพระมหาจักรพรรดิโปรดเกล้าให้ พระสุนทรสงคราม ถือพลหมื่นหนึ่ง ตั้งค่ายป้อมจำปาพลเหนือวัดท่า พลใส่เสื้อดำหมวกดำ ตั้งรับกองทัพพม่า แต่สุดท้ายถูกพระมหาอุปราชา(คือพระเจ้าบุเรงนอง)ตีป้อมจำปาพลแตก
ก่อนจะเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 2 ฝ่ายพม่าได้ตั้งค่ายยิงปืนใหญ่ที่วัดท่า กองทัพของกรมอาสาหกเหล่ายกออกไปตีค่ายวัดท่า พม่ายิงปืนถูกนายเริกที่รำดาบอยู่หน้าเรือตกน้ำตาย กองทัพแตกถอยหนีเข้ากรุงศรีอยุธยา และอีกาจากวัดการ้องบินมาเสียบอกตายอยู่บนปลายยอดนภศูลวัดมหาธาตุ นอกจากนี้บริเวณวัดท่าการ้องยังเป็นที่ตั้งของโรงเรือรบน้ำจืดขนาดใหญ่เพื่อเป็นที่เก็บเรือสำเภาและเรือรบน้ำจืด
วัดท่าและวัดการ้องได้รวมวัดกันเป็นวัดท่าการ้อง ในสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว