นางพญา สังโฆ หลวงพ่อมหาวิบูลย์ วัดโพธิคุณ ตาก เนื้อผงเกสร หลังยันต์ ปี 2533 แจกงานกฐินประจำปี

นางพญา สังโฆ หลวงพ่อมหาวิบูลย์ วัดโพธิคุณ ตาก เนื้อผงเกสร หลังยันต์ ปี 2533 แจกงานกฐินประจำปี
นางพญา สังโฆ หลวงพ่อมหาวิบูลย์ วัดโพธิคุณ ตาก เนื้อผงเกสร หลังยันต์ ปี 2533 แจกงานกฐินประจำปีนางพญา สังโฆ หลวงพ่อมหาวิบูลย์ วัดโพธิคุณ ตาก เนื้อผงเกสร หลังยันต์ ปี 2533 แจกงานกฐินประจำปี
รหัสสินค้า PTKP3301
หมวดหมู่ 34. พระเครื่อง จังดหวัด ตาก
ราคา 850.00 บาท
สถานะสินค้า พร้อมส่ง
ลงสินค้า 19 ม.ค. 2567
อัพเดทล่าสุด 19 ม.ค. 2567
จำนวน
องค์
หยิบลงตะกร้า
บัตรประชาชน
บุ๊คแบ๊งค์
คุ้มครองโดย LnwPay
พระอาจารย์มหาวิบูลย์ เป็นพระมหานิกายซึ่งแตกฉานทั้งปริยัติและปฏิบัติ ศึกษาเล่าเรียนทั้งจากสำนักมหานิกายและธรรมยุต ภาษาทางโลกก็ว่า ครบเครื่องทั้งบุ๋นและบู๊ แต่ท่านฝักใฝ่ในการปฏิบัติ จึงธุดงค์ไปทั่วก่อนจะมาปักหลักที่วัดโพธิคุณ ซึ่งโด่งดังเป็นที่รู้จักกันทั่วประเทศเพราะมีโบสถ์ 3 ชั้น ซึ่งรังสรรค์โดยศิลปินผู้อุทิศชีวิตสร้างขึ้นมาได้อย่างสุดอัศจรรย์ สำหรับพระอาจารย์มหาวิบูลย์นั้น เป็นที่รู้จักในหมู่นักปฏิบัติทั้งสายธรรมยุตและมหานิกาย ว่าท่านเป็นพระสุปฏิปันโนที่หายากยิ่งรูปหนึ่ง เป็นที่สักการะได้โดยสนิทใจ

พระอาจารย์มหาวิบูลย์ เกิดเมื่อวันที่ 5 มี.ค. 2478 ในสกุลชาวนาบ้านไผ่ท่าโพเหนือ หมู่ 1 ต.ไผ่ท่าโพ อ.โพธิ์ประทับช้าง จ.พิจิตร บุตรของ นายชินนางมอญ ลวดเงิน ครอบครัวนี้มีบุตรธิดา 5 คน โดยมีท่านเป็นบุตรคนโต

จะด้วยวาสนาบารมีแต่หนหลังหรืออย่างไรไม่ทราบ เด็กชายวิบูลย์รู้สึกอยากจะบวชเป็นสามเณรตั้งแต่เยาว์วัย หาได้มีความคิดที่อยากจะเป็นโน่นเป็นนี่ หรือเที่ยวเล่นสนุกอย่างเด็กทั่วไป แต่วิถีของลูกชายคนโตของครอบครัวชาวนาทั่วไปนั้น มักหลีกไม่พ้นที่จะต้องเป็นกำลังของครอบครัวในการทำมาหากิน เด็กชายวิบูลย์ก็รู้ว่ายากที่จะเลี่ยงภาระนี้ แต่ความที่อยากจะบวชนั้น เมื่อมีโอกาสได้ไปนมัสการพระพุทธชินราชที่ จ.พิษณุโลก ท่านก็ตั้งสัตย์อธิษฐานว่า ขอให้ความปรารถนาสมอย่างที่ตั้งใจ

ท่านเปิดเผยว่า ไม่ทราบเป็นเพราะเหตุใด ท่านอยากจะบวชเป็นสามเณร เป็นพระภิกษุมาตั้งแต่เด็กๆ แต่ขัดที่เป็นลูกชายคนโต ถ้าท่านออกบวชทางครอบครัวก็จะไม่มีคนช่วยทำงาน

“อาตมาได้ไปเห็นพระพุทธชินราชในครั้งนั้นแล้ว เกิดความเลื่อมใสศรัทธาในพระศาสนามาก จึงตั้งจิตอธิษฐานว่า ขอให้หลวงพ่อพระพุทธชินราชช่วยให้อาตมาได้บวชเถิด ถ้าบวชแล้วจะไม่สึกตลอดชีวิต”

จากนั้นไม่นาน ขณะที่อายุเริ่มย่างจะ 20 ปีนั้นเอง วันหนึ่งขณะนั่งเหลาไม้ไผ่เป็นซี่เพื่อทำลอบดักปลา โยมบิดากำลังทำนาอยู่นั้น ตะคริวก็ขึ้นมือจนไม่สามารถจะเหลาไม้ไผ่ได้อีก ท่านจึงเรียกน้องให้ลูกชายมาช่วยบีบนวดมือให้ นวดไปนวดมาท่านกลับสลบเหมือดไปเลย มารู้สึกตัวอีกทีในตอนดึกยามเที่ยงคืน

“อาตมาก็หมดความรู้สึกไปตั้งแต่เช้า มารู้สึกตัวอีกครั้งตอนเที่ยงคืน โยมแกก็ถามว่า อาตมาไปบนอะไรไว้บ้าง อาตมาก็บอกไปตามความจริง แกเลยพูดขึ้นว่า ถ้าอยากบวชถึงขนาดนี้ก็บวชไป อาตมาก็เลยได้บวชสมกับที่ปรารถนามาช้านาน”

ท่านได้บรรพชาเป็นสามเณรที่วัดไผ่ท่าโพโดยมี พระครูธรรมาภิรัตน์ เป็นพระอุปัชฌาย์ จากนั้นจึงไปศึกษานักธรรมบาลีที่วัดชัยมงคล อ.บางมูลนาก จ.พิจิตร แต่ไม่ทันจะสอบก็ต้องสึก เพราะโยมบิดาเสียชีวิตกะทันหัน หลังจัดการฌาปนกิจศพบิดาและช่วยเกี่ยวข้าวเรียบร้อยแล้ว ท่านก็เตรียมอุปสมบท

ถึงวันก็หอบเครื่องอัฐบริขารไปที่วัดชัยมงคล อ.บางมูลนาก แต่เพียงลำพัง เพราะก่อนนั้นได้แจ้งโยมมารดาแล้วว่า ไม่ประสงค์จะจัดงานบวชให้ครึกโครมเชิญแขกเหรื่อทำขวัญนาคอย่างที่โยมมารดาต้องการ

ท่านเล่าว่า คืนที่บวชนาคแล้วจะอุปสมบทในวันรุ่งขึ้นนั้นเอง ระหว่างนอนหลับอยู่ที่ศาลา ก็ฝันเห็นโยมบิดามายืนอยู่ที่หน้าประตูโบสถ์ ในฝันนั้นเห็นตัวเองในสภาพที่เป็นอยู่คือ โกนหัว นุ่งขาวห่มขาวเป็นนาคแล้ว พอเห็นบิดาก็ได้ออกปากชวนว่า “พ่อเข้าไปในโบสถ์ด้วยกันเถิด” แต่ปรากฏว่า โยมบิดาไม่ได้ปริปากตอบและไม่ได้ก้าวเท้าข้ามเข้าไปในโบสถ์กับท่านด้วย

ท่านว่า ในฝันนั้นเสียใจมาก ร้องไห้จนน้ำตานอง พอตื่นขึ้นมาก็พบว่า หมอนเปียกน้ำตาจริงๆ

ท่านเข้าอุปสมบท ในวันที่ 24 ก.พ. 2499 โดยโยมมารดาตามร่วมพิธีทันในวันนั้น โดยมี ท่านพระครูวิเศษธัมมวินิษฐ์ เป็นพระอุปัชฌาย์

บวชเสร็จก็เรียนทั้งบาลีและนักธรรมคู่กันไป เรียนได้เพียง 2 ปี ไม่ต้องรอถึง 3 ปี ก็สอบนักธรรมตรีได้ แต่สอบเปรียญ 3 ตก

เพราะสอบเปรียญ 3 ตก ท่านจึงหนีมาจำพรรษาที่วัดค้างคาว จ.ลพบุรี เพราะอายคนอื่นเขา สอบนักธรรมโทคู่กับเปรียญ 3 อีกหน ก็ปรากฏว่าสอบได้นักธรรมโทแต่ตกเปรียญ 3 อีก จึงตัดสินใจมาพำนักอยู่วัดอินทาราม ตลาดพลูกทม. ในปี 2501 โดยตั้งใจว่าจะเรียนเปรียญให้จงได้ ถ้าเรียนไม่ได้ก็ให้ตายหมดเรื่องไป

ผลคือสอบได้เปรียญ 3 พอปี 2504 ก็ได้นักธรรมเอกกับวิชาครู ที่กรมฝึกหัดครู ซึ่งสมัยนั้นเขาเปิดรับพระ เณรเข้าเรียนได้ ก็สอบได้นักธรรมเอกและวิชาครู จึงเลิกเรียน แล้วชีวิตของการศึกษาเล่าเรียนแค่เปรียญ 4 นั้นยังไม่พอ ท่านยังไปเรียนพระอภิธรรมที่วัดมหาธาตุฯ ท่าพระจันทร์ ของท่านพระครูประกาศสมาธิคุณอีก 1 พรรษา แม้จะเรียนธรรมะจนเป็นมหา แต่ท่านเองรู้สึกว่ายิ่งเรียนยิ่งรู้สึกว่า ธรรมะไม่มีจริง

“สาเหตุที่อาตมามาปฏิบัตินั้น เพราะเคยเข้าใจว่าธรรมะอยู่ที่การเรียน คือการศึกษาเล่าเรียนอาจจะทำให้เข้าใจธรรมะดี แต่เรียนๆ ไปจนได้นักธรรมตรี นักธรรมโท นักธรรมเอก และมหาเปรียญแล้ว ก็รู้สึกเหมือนเดิมไม่มีความเปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด สุขก็ยังสุข ทุกข์ก็ยังทุกข์ จิตใจไม่ดีขึ้น ก็เลยมาค้นหาธรรมะ ว่าธรรมะที่แท้จริงนั้นอยู่ตรงไหน ธรรมะนั้นเป็นอย่างไร ตอนนั้นอาตมาเกิดอคติต่อธรรมะ คือแทบไม่เชื่อว่า ธรรมะนั้นมีจริง! คิดว่าเป็นเพียงตัวหนังสือที่ชาวบ้านเขาเขียนกันขึ้นมาให้คนเรียนเท่านั้น อาตมาเข้าใจอย่างนั้น มีความเห็นผิดขนาดนั้น”

หนทางแห่งการปฏิบัติของท่านเกิดขึ้นอย่างนั้น ผสมผสานกับสิ่งที่ได้ยินได้ฟังจากครูบาอาจารย์โดยเฉพาะ “หลวงพ่อใหญ่” หรือท่านเจ้าคุณวิเชียรมุนี เจ้าอาวาสวัดอินทารามสมัยโน้น ซึ่งเป็นพระภาวนาแต่เป็นพระสันโดษ ไม่ค่อยพูด อยู่เงียบๆ

ท่านเจ้าคุณวิเชียรมุนี ได้เรียกท่านไปพูดให้ฟังก็เลยเป็นเหตุให้พระอาจารย์มหาวิบูลย์ตัดสินใจภาวนาโดยนั่งภาวนาอยู่ในกุฏิ

คืนหนึ่งนั้น ท่านภาวนาโดยใช้เพ่งกสิณเพ่งน้ำอยู่ทั้งคืน

ผลคือ รู้จักเหตุรู้จักผลดีขึ้น จิตใจสงบลง เมื่อรู้สึกสบายดี ก็เลยเป็นเหตุให้ “ตั้งใจจะลองภาวนาดูสัก 6 เดือน ถ้า 6 เดือน ไม่รู้อะไรเลยก็จะเลิกแล้ว ไม่เชื่อแล้วธรรมะนี้”

จากนั้นก็เริ่มปฏิบัติและปฏิบัติอย่างจริงจัง โดยใช้คำบริกรรมว่า “พุทโธ” บ้าง “เกสา โลมา นขา ทันตา ตโจ” บ้าง แต่หลังทดลองหลายวิธีแล้ว ท่านพบว่า วิธีการสบกับจริตของท่านคือ อาโปกสิณ หรือไม่ก็ เตโชกสิณ

จากที่ไม่เชื่อ แต่เมื่อถึงเวลาปฏิบัติ ท่านก็ปฏิบัติอย่างอุกฤษฏ์ ไม่ใช่ทำบางเวลาเท่านั้น หากแต่ทำทั้งสามอิริยาบถเลย คือ คือ ยืน เดิน นั่ง และไม่มีนอนตลอด 6 เดือน

แม้ 2 เดือนแรกไม่เห็นผล แต่ก็ไม่ท้อ จนเดือนที่ 3 จิตจึงเริ่มมีความรู้สึกแปลกๆ

ท่านว่า “สิ่งที่ไม่เคยรู้ก็เกิดรู้ขึ้น อะไรที่แปลกปลอมเข้ามา จิตก็เริ่มรู้ทันเร็วขึ้น ธรรมะที่ไม่เคยเรียนรู้ก็ผุดขึ้นมาในใจ...”

ครบ 6 เดือน ท่านก็หอบบริขารเข้าป่า เพราะเริ่มรู้แล้ว เริ่มเห็นแล้วว่า ธรรมะมีจริง และถ้าปฏิบัติจริงก็จะได้ผลจริง

ออกจากวัดอินทาราม ตลาดพลู ท่านธุดงค์ไปอยู่ที่เกาะสีชัง ถัดจากนั้นก็หลีกเร้นไปทางภาคเหนือ วิเวกไปทั่ว จ.พิษณุโลก แพร่ น่าน ลำพูน ลำปาง เชียงใหม่

วิถีแห่งการปฏิบัติของท่านหักเหชนิดไม่มีวันหวนคืนกลับ เมื่อได้ไปกราบขอรับการชี้แนะจาก หลวงปู่แหวน สุจิณโณ ที่วัดดอยแม่ปั๋ง ในปี 2516

“หลวงปู่กวดขันอาตมามาก เรียกว่ากระดิกไม่ได้เลย จิตจะต้องเข้าสมาธิตลอดทุกอิริยาบถ ถ้าเผลอไปคิดอะไรเข้า ท่านก็จะเรียกไปดุไปด่าทันที เรียกว่า เผลอใจเมื่อไหร่หลวงปู่รู้หมด”

หลวงปู่แหวนทำให้ท่านสยบยอมใจตั้งแต่ไปอยู่ที่ดอยแม่ปั๋งใหม่ๆ

ท่านว่า ก่อนไปนั้น เคยได้ยินกิตติศัพท์ของหลวงปู่แหวน ว่าหนังสือพิมพ์เคยลงว่า หลวงปู่แหวนเหาะได้ เลยนึกขึ้นในใจว่า “ถ้าหลวงปู่เหาะได้จริง ก็ลองเหาะให้ดูสักทีสิ”

ท่านว่านึกในใจเงียบๆ คนเดียวแท้ๆ แต่ประเดี๋ยวเดียวแค่นั้นเอง ก็มีพระรูปหนึ่งมาบอก ว่า หลวงปู่เรียก

พอไปให้เห็นหน้า หลวงปู่แหวนดุขึ้นทันทีว่า “มัวแต่คิดนอกลู่นอกทางอยู่อย่างนี้ จะได้มรรคได้ผลอะไร...”

“หลวงปู่กวดขันอาตมามาก เรียกว่ากระดิกไม่ได้เลย จิตจะต้องเข้าสมาธิตลอดทุกอิริยาบถ ถ้าเผลอไปคิดอะไรเข้า ท่านก็จะเรียกไปดุไปด่าทันที เรียกว่า เผลอใจเมื่อไหร่หลวงปู่รู้หมด จนท่านเห็นว่าอาตมาเรียบร้อยดีแล้ว ท่านก็สั่งให้อาตมาไปอยู่ที่ถ้ำน้ำบัง อ.บ้านนายม จ.เพชรบูรณ์ ที่หลวงปู่มั่นเคยไปอยู่ มันเป็นที่อยู่ของพญานาค...ก่อนจะไป ท่านก็เล่าประวัติถ้ำให้ฟังว่า หลวงปู่มั่นทรมานพญานาคที่นี่

ท่านเล่าให้ฟัง แล้วท่านให้ไปภาวนาที่ถ้ำนี้ ท่านบอกว่าจะเป็นมงคล ไปอยู่สัก 5 วัน 10 วัน ก็จะเป็นมงคลดี

“อาตมาก็เดินทางออกจากเชียงใหม่ ญาติโยมเขาช่วยส่งขึ้นรถไฟมา ในระยะนั้นอาตมาไม่อยากจะไปถ้ำน้ำบังเลย เพราะบ้านนายมนี่อาตมาไม่คุ้นเคย ไม่เคยทราบความเป็นอยู่ของเขามาก่อนเลย

อาตมาอยากจะไปที่อาตมาเคยไป คือมักจะเที่ยวไปแถวสุโขทัยมากกว่าที่อื่น รู้จักภูเขา รู้จักสถานที่ดี ระหว่างที่ขึ้นรถไฟก็นึกในใจ ว่าไม่ไปละที่ถ้ำน้ำบัง ตั้งใจจะลงรถแล้วไปน้ำตกโชกชะนางสุโขทัยดีกว่า

พอรถถึง จ.พิษณุโลก อาตมาก็ลง แต่จะด้วยอำนาจอะไรก็ไม่ทราบ อาตมากลับจำพิษณุโลกไม่ได้ ลงมาแล้วยังแบกกลดขึ้นบนรถอีก รอรถจะออกแต่คนเขาลงหมดแล้ว อาตมาก็ลงไปยืนดูรถโดยสาร เห็นป้ายรถ “หล่มสักพิษณุโลก” จึงได้รู้ว่าที่นี่คือพิษณุโลก ก็นึกสงสัยในใจว่า ทำไมตัวเราจำพิษณุโลกไม่ได้ ทั้งๆ ที่ผ่านไปมาหลายหนเต็มที มานึกอีกทีคงจะเป็นเพราะไม่เชื่อหลวงปู่แหวน
ข้อมูล โพสทูเดย์

วิธีการชำระเงิน

ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) สาขาปตท.ถนนกาญจนาภิเษก 2 ออมทรัพย์

JEWELRY-ANTIQUE-AMULET

ระบบสมาชิก

สถิติร้านค้า

หน้าที่เข้าชม4,444,762 ครั้ง
ผู้ชมทั้งหมด3,381,060 ครั้ง
เปิดร้าน4 ก.พ. 2558
ร้านค้าอัพเดท5 ก.ย. 2568

ติดต่อเรา

ติดตามสินค้า

พูดคุย-สอบถาม