ล็อกเก็ต พระสังกัจจายน์ หลัง พระโพธิสัตว์กวนอิม วัดมหาสอน ลพบุรี

ล็อกเก็ต พระสังกัจจายน์ หลัง พระโพธิสัตว์กวนอิม วัดมหาสอน ลพบุรี
ล็อกเก็ต พระสังกัจจายน์ หลัง พระโพธิสัตว์กวนอิม วัดมหาสอน ลพบุรีล็อกเก็ต พระสังกัจจายน์ หลัง พระโพธิสัตว์กวนอิม วัดมหาสอน ลพบุรี
รหัสสินค้า PTHSKJMHS01
หมวดหมู่ เทพเจ้าจีน ฮินดู คริส พุทธ เจ้าพ่อ เจ้าแม่ ฆราวาสขมังเวทย์ นักบวชจีน วัดจีนนิกาย
ราคา 1,250.00 บาท
สถานะสินค้า พร้อมส่ง
ลงสินค้า 12 ม.ค. 2567
อัพเดทล่าสุด 12 ม.ค. 2567
จำนวน
องค์
หยิบลงตะกร้า
บัตรประชาชน
บุ๊คแบ๊งค์
คุ้มครองโดย LnwPay
พระสังกัจจายน์ พระอรหันต์ผู้บันดาลโชคลาภ ปัญญา และเมตตามหานิยม
ชาวพุทธกราบไหว้สักการบูชาพระสังกัจจายน์เพื่อให้บังเกิดความเป็นสิริมงคล 3 ประการ ดังนี้
1. โชคลาภและความอุดมสมบูรณ์ พระสังกัจจายน์ได้รับการยกย่องให้เป็นพระผู้อุดมด้วยโภคทรัพย์ และลาภสักการะเสมอด้วยพระสิวลี
2. สติปัญญา เนื่องเพราะพระสังกัจจายน์ได้รับการยกย่องจากองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่าเป็นเลิศในทางอธิบายความพุทธภาษิต ท่านเป็นอรหันต์ผู้มีปฎิภาณเฉียบแหลม
3. ความงามและความมีเสน่ห์ เนื่องจากเพราะก่อนที่ท่านจะอธิษฐานจิตให้รูปร่างเปลี่ยนแปลง พระสังกัจจายน์มีผิวดั่งทองคำและมีรูปงามละม้ายเหมือนพระพุทธเจ้า จนแม้แต่เทพยดา พรหม มนุษย์ทั้งปวงพากันรักใคร่ชื่นชม

เจ้าแม่กวนอิม
ประวัติความเป็นมา
เจ้าแม่กวนอิมเกิดเมื่อปลายราชวงศ์โจว  แผ่นดินจงหยวน  วันที่  19  เดือนยี่จีน  มีเมืองหนึ่งทางทิศตะวันตกมีชื่อว่า  ซินหลิน  ขณะนั้นผู้ครองเมืองมีชื่อว่า  เมี่ยวจ้วน ซึ่งไม่เลื่อมใสในพุทธศาสนา  ปกครองบ้านเมืองอย่างปราศจากทศพิธราชธรรม  มีมเหสีชื่อว่า  เป่าเต๋อ  ทั้งสองไม่มีบุตรชาย  มีเพียงราชธิดา  3  องค์  องค์โตชื่อเมี่ยวอิม  องค์รองชื่อเมี่ยวหยวน  องค์สุดท้องชื่อเมี่ยวซ่าน  คือพระแม่กวนอิมนั่นเอง  ตอนเยาว์วัยองค์หญิงเมี่ยวซ่านเป็นพุทธมามกะ  ไม่กินเนื้อสัตว์  และมีจิตใจที่ชอบช่วยเหลือผู้อื่นมีความรู้แจ้งในหลักพุทธธรรมาอย่างลึก ซึ้ง  ทรงตั้งพระทัยแน่วแน่ที่จะบำเพ็ญเพียรเพื่อความหลุดพ้น  จึงตั้งปณิธานเข้าสู่เพศบรรพชิต  (ออกบวชวันที่  9  เดือน  9)  โดยมีหลงหลี่ยน  นางกำนัลบวชติดตามไปด้วย  ตอนนั้นพระบิดาเมี่ยวจ้วนไม่เห็นด้วย  จะบังคับให้เลือกราชบุตรเขย  เพื่อจะได้สืบทอดราชบัลลังก์ต่อไป  แต่องค์หญิงเมี่ยวซ่านไม่สนพระทัยเรื่องลาภ  ยศสรรเสริญ  แม้จะถูกพระบิดากลั่นแกล้งอย่างไร  ก็ไม่เคยนึกโกรธเคืองแต่อย่างใด  พระบิดาได้หาวิธีทรมานเพื่อให้เปลี่ยนความตั้งใน  โดยขับไล่ให้ทำงานหนักในสวนดอกไม้  แต่ก็มีเหล่ารุกขเทวดามาช่วยทำแทนให้ทั้งหมด  พระบิดาเมื่อเห็นว่าไม่ได้ผล  จึงรับสั่งให้แม่ชีนำองค์หญิงเมี่ยวซ่านไปอยู่วัดนกยูงขาว  และให้เอางานของแม่ชีทั้งหมดมอบให้องค์หญิงทำคนเดียว  แต่องค์หญิงก็มีพระทัยเด็ดเดี่ยวยิ่งนัก  มีเหล่าเทพารักษ์มาช่วยทำแทนให้อีก  กษัตริย์เมี่ยวจ้วนเข้าพระทัยว่า  พวกแม่ชีไม่กล้าเคี่ยวเข็ญให้ทำงานหนัก  ก็ทรงกริ้ว  สั่งให้ทหารเผาวัดนกยูงขาวจนวอดเป็นจุณไปพร้อมกับพวกแม่ชีทั้งวัด  มีเพียงองค์หญิงเมี่ยวซ่านเท่านั้นที่ปลอดภัยรอดมาได้  กษัตริย์เมี่ยวจ้วนทรงทราบดังนั้น  จึงรับสั่งให้นำตัวราชธิดาไปประหารชีวิต  ตอนนั้นมีเทพารักษ์คอยคุ้มครองเจ้าหญิงอยู่  โดยเนรมิตทองคำทิพย์เป็นเกราะหุ้มพระวรกาย  คมดาบของทหารจึงไม่อาจระคายพระวรกาย  จนดาบหักสะบั้นถึง 3 ครั้ง 3 ครา  พระบิดาทรงกริ้วยิ่งนัก  โดยเข้าพระทัยว่าทหารไม่กล้าประหารชีวิต  จึงรับสั่งให้ประหารนายทหารแทน  แล้วรับสั่งให้จับองค์หญิงไปแขวนคอ  ทว่าผ้าแพรที่แขวนคอก็ขาดสะบั้นลงอีก  ทันใดนั้นปรากฏมีเสือเทวดาตัวหนึ่ง  ได้นำองค์หญิงขึ้นพาดหลังแล้วพาหนีไปที่เขาซียงซัน  ต่อมาเทพไท่ไป๋ได้แปลงร่างเป็นชายชรามาโปรดองค์หญิง  ชี้แนะเคล็ดวิธีการบำเพ็ญเพียรเพื่อดับทุกข์  จนสามารถบรรลุมรรคผลสำเร็จธรรม  (วันที่  19  เดือน  6)  ต่อมาไม่นานบาปกรรมที่กษัตริย์เมี่ยวจ้วนได้ก่อไว้ก็ส่งผล  เกิดล้มป่วยด้วยโรคร้ายแรง  ไม่มียาใดรักษาให้หายได้  ไต้ซือเมี่ยวซ่านทรงทราบด้วยญาณวิถีว่า  พระบิดากำลังประสบเคราะห์กรรมอย่างหนัก  ด้วยความกตัญญูกตเวที  ทรางได้สละดวงตาและแขนสองข้างเพื่อรักษาพระบิดาจนหายจากโรคร้าย  แล้วกลับไปบำเพ็ญภาวนาต่อ  ไต้ซือเมี่ยวซ่านได้พบกับเด็กน้อยที่ชื่อว่า  เซิ่นอิง  เป็นเด็กที่ซุกซน  มักจะมาเที่ยวเล่นในขณะที่ไต้ซือเมี่ยวซ่านกำลังบำเพ็ญภาวนาอยู่  วันหนึ่งไต้ซือเมี่ยวซ่านได้เรียกเหล่าภิกษุณีมาเพื่อบอกว่า  จะละสังขารแล้ว  ขอให้ทุกคนเตรียมการให้พร้อม  ขณะที่ไต้ซือเมี่ยวซ่านนั่งสมาธิอยู่  โดยมีพระภิกษุณีสวดมนต์อยู่  เด็กน้อยเซิ่นอิงเห็นดังนั้น  นึกซนคิดว่าจะแกล้งทำให้ตกใจ  จึงไปหยิบไม้เคาะกล่อง (ไม้ที่เคาะกล่องจังหวะเวลาพระจีนสวด)  ย่องเข้าไปด้านหน้าไต้ซือเมี่ยวซ่าน  เซิ่นอิงได้ตวาดเสียงดังก่อนที่จะยกไม้ตีที่กระหม่อมของไต้ซือเมี่ยวซ่าน  ทำให้เหล่าภิกษุณีต่างตกใจ  หลังจากนั้นทุกคนก็ได้เห็นธรรมกายลอยขึ้น  เป็นพระโพธิสัตว์เจ้าแม่กวนอิม  ไปกราบลากษัตริย์เมี่ยวจ้วน  และไปเขาโปตละโลกาแห่งทะเลทักษิณ  ซึ่งเป็นที่พำนักของพระองค์  ส่วนแม่ชีหยงเหลี่ยน  เมื่อบำเพ็ญเพียรจนสำเร็จก็ได้ขึ้นไปรับใช้พระโพธิสัตว์เจ้าแม่กวนอิมต่อไป  โดยมีชื่อว่า  “เซียน หลง หนี่” (เง็ก นึ่ง)  ส่วนเด็กน้อยเซิ่นอิง  เมื่อได้เห็นพระโพธิสัตว์เจ้าแม่กวนอิมบรรลุธรรมจึงเกิดความศรัทธา  และสำนึกในทันที  โดยภายหลังพระโพธิสัตว์เจ้าแม่กวนอิม  ได้ไปโปรดให้บรรลุธรรมเป็น

“ส้าน ไฉ ถง จื้อ” (กิมท้ง)  พระโพธิสัตว์เจ้าแม่กวนอิมตอนแรกเป็นชาวพุทธ  ตอนหลังเทพไท่ไป๋ได้มาโปรด  ชี้แนะหนทางดับทุกข์  ด้วยเหตุนี้  พระโพธิสัตว์เจ้าแม่กวนอิมจึงเป็นเทพทั้งฝ่ายพุทธ  และฝ่ายเต๋าในเวลาเดียวกัน  ซึ่งบางตำนานบ้างก็ว่ามีธรรมกายเป็นบุรุษ  บ้างก็ว่าเป็นสตรี  แม้องค์จะเป็นพุทธกาย  หากแต่เสด็จลงมาเพื่อสดับฟังเสียงกับผู้มีบุญสัมพันธ์  ทรงโปรดอวตารมาในรูปบุคคลซึ่งเหมาะสม  ต่อการช่วยเหลือ  ตามแต่โอกาส  และสถานการณ์  การปรากฏกายของพระโพธิสัตว์เจ้าแม่กวนอิมจึงไม่เหมือนกัน  มีรูปลักษณ์หลายลักษณะ  เป็นบุรุษบ้าง  สตรีบ้าง  ตามแต่ผู้พบเห็นในตำนาน  ดังมีหลักฐานต่าง ๆ  แต่จะได้รับการยกย่องในรูปสตรีมากในพุทธศาสนามหายาน

สำหรับตำนานของเจ้าแม่กวนอิมปางพันมือ  เป็นปางหนึ่งของมหาโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร  เมื่อประมาณหนึ่งหมื่นปีมาแล้ว  เกิดอุทกภัยครั้งใหญ่ในประเทศจีน  ฝนตกหนักน้ำในแม่น้ำฮวงโห  หรือแม่น้ำวิปโยคท่วทท้น  ผู้คนจำนวนมากถูกกระแสน้ำพัดพาไป  พุทธศาสนิกชนได้สวดมนต์วิงวอนต่อพระโพธิสัตว์กวนอิมขอให้ทรงช่วย  ทำให้พระองค์ต้องเสด็จลงมาช่วยผู้ที่ถูกน้ำท่วม  แต่การมีเพียงสองมือ  ย่อมช่วยได้ไม่ทันเหตุการณ์  พระองค์จึงทรงตั้งจิตอธิษฐาน  ว่าขอให้มีพันเนตรพันกร  จะได้ช่วยคนได้ครั้งละพันคน  และทันใดนั้นก็เกิดปาฏิหาร์ตามที่ทรงอธิฐานนั้น  พุทธศาสนิกชนชาวจีน  จึงสร้างองค์สมมติพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรปางพันเนตรพันกรขึ้น

วัดมหาสอน อ.บ้านหมี่ จ.ลพบุรี
วัดมหาสอน ตั้งอยู่เลขที่ 47 บ้านมหาสอน หมู่ที่ 5 ตำบลมหาสอน อำเภอบ้านหมี่ จังหวัดลพบุรี  สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย
มีที่ดินตั้งวัด เนื้อที่ 26 ไร่ 2 งาน 22 ตารางวา  พื้นที่ตั้งวัดเป็นที่ราบลุ่ม ริมแม่น้ำบางขาม สมัยก่อนวัดถูกน้ำท่วมเป็นประจำ

อาคารเสนาสนะต่างๆ มีอุโบสถ กว้าง 4 เมตร ยาว  เมตร สร้างเมื่อปี 2511  ศาลาการเปรียญ กว้าง 11.5 เมตร ยาว 23.5 เมตร สร้างเมื่อปี 2493 เป็นอาคารไม้ มีหอสวดมนต์เก่าที่สร้างในปี 2485 มีกุฎิสงฆ์ 3 หลัง สำหรับปูชนียวัตถุ มีประประธานในอุโบสถ ขนาดพระเพลา กว้าง3ศอก 1 คืนเศษ

วัดมหาสอนสร้างขึ้นเป็นวัดนับตั้งแต่ พ.ศ. 2408 ชาวบ้านในตำบลร่วมกันสร้าง  โดยมีหลวงพ่อเดช มาอยู่ปกครองวัด
เป็นรูปแรก  ได้ดำเนินการก่อสร้างเสนาสนะสืบมา  ต่อมาได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2509
เขตวิสุงคามสีมากว้าง 26 เมตร ยาว36 เมตร มีภิกษุจำพรรษา 13 รูป

พระครูสุตคุณากร
เจ้าอาวาสวัดมหาสอน
เจ้าคณะตำบลมหาสอน อ.บ้านหมี่ จ.ลพบุรี
ประวัติพระครูสุตคุณากร

เกิด    ๑๖ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๙๙
พรรษา    ๓๐
วัด    วัดมหาสอน

การศึกษา
เปรียญธรรม ๓ ประโยค
ปริญญาพุทธศาสตรบัณฑิต (พธ.บ.)
 
ตำแหน่ง
เจ้าอาวาสวัดมหาสอน
เจ้าคณะอำเภอบ้านหมี่

สมณศักดิ์
๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๙ เป็น พระครูสัญญาบัตร
เจ้าคณะอำเภอ ชั้นเอก

ลำดับเจ้าอาวาสวัดมหาสอน

1.หลวงพ่อเดช  พ.ศ. 2408-2438
2.หลวงพ่อชม  พ.ศ. 2538-2445
3.หลวงพ่อง้วน  พ.ศ. 2445 - 2456
4.หลวงพ่อเคลือบ จนทสโร  พ.ศ. 2456 - 2462
5.หลวงพ่อชิน สรโณ  พ.ศ. 2456 - 2497
6.พระอธิการเจริญ วณณลีโล พ.ศ. 2497-2506
7.พระครูชิโนวาทธาดา  พ.ศ. 2507-2551
8.พระครูสุตคุณากร พ.ศ.2551 - ปัจุบัน

วิธีการชำระเงิน

ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) สาขาปตท.ถนนกาญจนาภิเษก 2 ออมทรัพย์

JEWELRY-ANTIQUE-AMULET

ระบบสมาชิก

สถิติร้านค้า

หน้าที่เข้าชม4,446,214 ครั้ง
ผู้ชมทั้งหมด3,382,512 ครั้ง
เปิดร้าน4 ก.พ. 2558
ร้านค้าอัพเดท6 ก.ย. 2568

ติดต่อเรา

ติดตามสินค้า

พูดคุย-สอบถาม