พระสังกัจจายน์ พระอรหันต์ผู้บันดาลโชคลาภ ปัญญา และเมตตามหานิยม ชาวพุทธกราบไหว้สักการบูชาพระสังกัจจายน์เพื่อให้บังเกิดความเป็นสิริมงคล 3 ประการ ดังนี้
1. โชคลาภและความอุดมสมบูรณ์ พระสังกัจจายน์ได้รับการยกย่องให้เป็นพระผู้อุดมด้วยโภคทรัพย์ และลาภสักการะเสมอด้วยพระสิวลี
2. สติปัญญา เนื่องเพราะพระสังกัจจายน์ได้รับการยกย่องจากองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่าเป็นเลิศในทางอธิบายความพุทธภาษิต ท่านเป็นอรหันต์ผู้มีปฎิภาณเฉียบแหลม
3. ความงามและความมีเสน่ห์ เนื่องจากเพราะก่อนที่ท่านจะอธิษฐานจิตให้รูปร่างเปลี่ยนแปลง พระสังกัจจายน์มีผิวดั่งทองคำและมีรูปงามละม้ายเหมือนพระพุทธเจ้า จนแม้แต่เทพยดา พรหม มนุษย์ทั้งปวงพากันรักใคร่ชื่นชม
เจ้าแม่กวนอิมประวัติความเป็นมา
เจ้าแม่กวนอิมเกิดเมื่อปลายราชวงศ์โจว แผ่นดินจงหยวน วันที่ 19 เดือนยี่จีน มีเมืองหนึ่งทางทิศตะวันตกมีชื่อว่า ซินหลิน ขณะนั้นผู้ครองเมืองมีชื่อว่า เมี่ยวจ้วน ซึ่งไม่เลื่อมใสในพุทธศาสนา ปกครองบ้านเมืองอย่างปราศจากทศพิธราชธรรม มีมเหสีชื่อว่า เป่าเต๋อ ทั้งสองไม่มีบุตรชาย มีเพียงราชธิดา 3 องค์ องค์โตชื่อเมี่ยวอิม องค์รองชื่อเมี่ยวหยวน องค์สุดท้องชื่อเมี่ยวซ่าน คือพระแม่กวนอิมนั่นเอง ตอนเยาว์วัยองค์หญิงเมี่ยวซ่านเป็นพุทธมามกะ ไม่กินเนื้อสัตว์ และมีจิตใจที่ชอบช่วยเหลือผู้อื่นมีความรู้แจ้งในหลักพุทธธรรมาอย่างลึก ซึ้ง ทรงตั้งพระทัยแน่วแน่ที่จะบำเพ็ญเพียรเพื่อความหลุดพ้น จึงตั้งปณิธานเข้าสู่เพศบรรพชิต (ออกบวชวันที่ 9 เดือน 9) โดยมีหลงหลี่ยน นางกำนัลบวชติดตามไปด้วย ตอนนั้นพระบิดาเมี่ยวจ้วนไม่เห็นด้วย จะบังคับให้เลือกราชบุตรเขย เพื่อจะได้สืบทอดราชบัลลังก์ต่อไป แต่องค์หญิงเมี่ยวซ่านไม่สนพระทัยเรื่องลาภ ยศสรรเสริญ แม้จะถูกพระบิดากลั่นแกล้งอย่างไร ก็ไม่เคยนึกโกรธเคืองแต่อย่างใด พระบิดาได้หาวิธีทรมานเพื่อให้เปลี่ยนความตั้งใน โดยขับไล่ให้ทำงานหนักในสวนดอกไม้ แต่ก็มีเหล่ารุกขเทวดามาช่วยทำแทนให้ทั้งหมด พระบิดาเมื่อเห็นว่าไม่ได้ผล จึงรับสั่งให้แม่ชีนำองค์หญิงเมี่ยวซ่านไปอยู่วัดนกยูงขาว และให้เอางานของแม่ชีทั้งหมดมอบให้องค์หญิงทำคนเดียว แต่องค์หญิงก็มีพระทัยเด็ดเดี่ยวยิ่งนัก มีเหล่าเทพารักษ์มาช่วยทำแทนให้อีก กษัตริย์เมี่ยวจ้วนเข้าพระทัยว่า พวกแม่ชีไม่กล้าเคี่ยวเข็ญให้ทำงานหนัก ก็ทรงกริ้ว สั่งให้ทหารเผาวัดนกยูงขาวจนวอดเป็นจุณไปพร้อมกับพวกแม่ชีทั้งวัด มีเพียงองค์หญิงเมี่ยวซ่านเท่านั้นที่ปลอดภัยรอดมาได้ กษัตริย์เมี่ยวจ้วนทรงทราบดังนั้น จึงรับสั่งให้นำตัวราชธิดาไปประหารชีวิต ตอนนั้นมีเทพารักษ์คอยคุ้มครองเจ้าหญิงอยู่ โดยเนรมิตทองคำทิพย์เป็นเกราะหุ้มพระวรกาย คมดาบของทหารจึงไม่อาจระคายพระวรกาย จนดาบหักสะบั้นถึง 3 ครั้ง 3 ครา พระบิดาทรงกริ้วยิ่งนัก โดยเข้าพระทัยว่าทหารไม่กล้าประหารชีวิต จึงรับสั่งให้ประหารนายทหารแทน แล้วรับสั่งให้จับองค์หญิงไปแขวนคอ ทว่าผ้าแพรที่แขวนคอก็ขาดสะบั้นลงอีก ทันใดนั้นปรากฏมีเสือเทวดาตัวหนึ่ง ได้นำองค์หญิงขึ้นพาดหลังแล้วพาหนีไปที่เขาซียงซัน ต่อมาเทพไท่ไป๋ได้แปลงร่างเป็นชายชรามาโปรดองค์หญิง ชี้แนะเคล็ดวิธีการบำเพ็ญเพียรเพื่อดับทุกข์ จนสามารถบรรลุมรรคผลสำเร็จธรรม (วันที่ 19 เดือน 6) ต่อมาไม่นานบาปกรรมที่กษัตริย์เมี่ยวจ้วนได้ก่อไว้ก็ส่งผล เกิดล้มป่วยด้วยโรคร้ายแรง ไม่มียาใดรักษาให้หายได้ ไต้ซือเมี่ยวซ่านทรงทราบด้วยญาณวิถีว่า พระบิดากำลังประสบเคราะห์กรรมอย่างหนัก ด้วยความกตัญญูกตเวที ทรางได้สละดวงตาและแขนสองข้างเพื่อรักษาพระบิดาจนหายจากโรคร้าย แล้วกลับไปบำเพ็ญภาวนาต่อ ไต้ซือเมี่ยวซ่านได้พบกับเด็กน้อยที่ชื่อว่า เซิ่นอิง เป็นเด็กที่ซุกซน มักจะมาเที่ยวเล่นในขณะที่ไต้ซือเมี่ยวซ่านกำลังบำเพ็ญภาวนาอยู่ วันหนึ่งไต้ซือเมี่ยวซ่านได้เรียกเหล่าภิกษุณีมาเพื่อบอกว่า จะละสังขารแล้ว ขอให้ทุกคนเตรียมการให้พร้อม ขณะที่ไต้ซือเมี่ยวซ่านนั่งสมาธิอยู่ โดยมีพระภิกษุณีสวดมนต์อยู่ เด็กน้อยเซิ่นอิงเห็นดังนั้น นึกซนคิดว่าจะแกล้งทำให้ตกใจ จึงไปหยิบไม้เคาะกล่อง (ไม้ที่เคาะกล่องจังหวะเวลาพระจีนสวด) ย่องเข้าไปด้านหน้าไต้ซือเมี่ยวซ่าน เซิ่นอิงได้ตวาดเสียงดังก่อนที่จะยกไม้ตีที่กระหม่อมของไต้ซือเมี่ยวซ่าน ทำให้เหล่าภิกษุณีต่างตกใจ หลังจากนั้นทุกคนก็ได้เห็นธรรมกายลอยขึ้น เป็นพระโพธิสัตว์เจ้าแม่กวนอิม ไปกราบลากษัตริย์เมี่ยวจ้วน และไปเขาโปตละโลกาแห่งทะเลทักษิณ ซึ่งเป็นที่พำนักของพระองค์ ส่วนแม่ชีหยงเหลี่ยน เมื่อบำเพ็ญเพียรจนสำเร็จก็ได้ขึ้นไปรับใช้พระโพธิสัตว์เจ้าแม่กวนอิมต่อไป โดยมีชื่อว่า “เซียน หลง หนี่” (เง็ก นึ่ง) ส่วนเด็กน้อยเซิ่นอิง เมื่อได้เห็นพระโพธิสัตว์เจ้าแม่กวนอิมบรรลุธรรมจึงเกิดความศรัทธา และสำนึกในทันที โดยภายหลังพระโพธิสัตว์เจ้าแม่กวนอิม ได้ไปโปรดให้บรรลุธรรมเป็น
“ส้าน ไฉ ถง จื้อ” (กิมท้ง) พระโพธิสัตว์เจ้าแม่กวนอิมตอนแรกเป็นชาวพุทธ ตอนหลังเทพไท่ไป๋ได้มาโปรด ชี้แนะหนทางดับทุกข์ ด้วยเหตุนี้ พระโพธิสัตว์เจ้าแม่กวนอิมจึงเป็นเทพทั้งฝ่ายพุทธ และฝ่ายเต๋าในเวลาเดียวกัน ซึ่งบางตำนานบ้างก็ว่ามีธรรมกายเป็นบุรุษ บ้างก็ว่าเป็นสตรี แม้องค์จะเป็นพุทธกาย หากแต่เสด็จลงมาเพื่อสดับฟังเสียงกับผู้มีบุญสัมพันธ์ ทรงโปรดอวตารมาในรูปบุคคลซึ่งเหมาะสม ต่อการช่วยเหลือ ตามแต่โอกาส และสถานการณ์ การปรากฏกายของพระโพธิสัตว์เจ้าแม่กวนอิมจึงไม่เหมือนกัน มีรูปลักษณ์หลายลักษณะ เป็นบุรุษบ้าง สตรีบ้าง ตามแต่ผู้พบเห็นในตำนาน ดังมีหลักฐานต่าง ๆ แต่จะได้รับการยกย่องในรูปสตรีมากในพุทธศาสนามหายาน
สำหรับตำนานของเจ้าแม่กวนอิมปางพันมือ เป็นปางหนึ่งของมหาโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร เมื่อประมาณหนึ่งหมื่นปีมาแล้ว เกิดอุทกภัยครั้งใหญ่ในประเทศจีน ฝนตกหนักน้ำในแม่น้ำฮวงโห หรือแม่น้ำวิปโยคท่วทท้น ผู้คนจำนวนมากถูกกระแสน้ำพัดพาไป พุทธศาสนิกชนได้สวดมนต์วิงวอนต่อพระโพธิสัตว์กวนอิมขอให้ทรงช่วย ทำให้พระองค์ต้องเสด็จลงมาช่วยผู้ที่ถูกน้ำท่วม แต่การมีเพียงสองมือ ย่อมช่วยได้ไม่ทันเหตุการณ์ พระองค์จึงทรงตั้งจิตอธิษฐาน ว่าขอให้มีพันเนตรพันกร จะได้ช่วยคนได้ครั้งละพันคน และทันใดนั้นก็เกิดปาฏิหาร์ตามที่ทรงอธิฐานนั้น พุทธศาสนิกชนชาวจีน จึงสร้างองค์สมมติพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรปางพันเนตรพันกรขึ้น
วัดมหาสอน อ.บ้านหมี่ จ.ลพบุรีวัดมหาสอน ตั้งอยู่เลขที่ 47 บ้านมหาสอน หมู่ที่ 5 ตำบลมหาสอน อำเภอบ้านหมี่ จังหวัดลพบุรี สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย
มีที่ดินตั้งวัด เนื้อที่ 26 ไร่ 2 งาน 22 ตารางวา พื้นที่ตั้งวัดเป็นที่ราบลุ่ม ริมแม่น้ำบางขาม สมัยก่อนวัดถูกน้ำท่วมเป็นประจำ
อาคารเสนาสนะต่างๆ มีอุโบสถ กว้าง 4 เมตร ยาว เมตร สร้างเมื่อปี 2511 ศาลาการเปรียญ กว้าง 11.5 เมตร ยาว 23.5 เมตร สร้างเมื่อปี 2493 เป็นอาคารไม้ มีหอสวดมนต์เก่าที่สร้างในปี 2485 มีกุฎิสงฆ์ 3 หลัง สำหรับปูชนียวัตถุ มีประประธานในอุโบสถ ขนาดพระเพลา กว้าง3ศอก 1 คืนเศษ
วัดมหาสอนสร้างขึ้นเป็นวัดนับตั้งแต่ พ.ศ. 2408 ชาวบ้านในตำบลร่วมกันสร้าง โดยมีหลวงพ่อเดช มาอยู่ปกครองวัด
เป็นรูปแรก ได้ดำเนินการก่อสร้างเสนาสนะสืบมา ต่อมาได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2509
เขตวิสุงคามสีมากว้าง 26 เมตร ยาว36 เมตร มีภิกษุจำพรรษา 13 รูป
พระครูสุตคุณากรเจ้าอาวาสวัดมหาสอน
เจ้าคณะตำบลมหาสอน อ.บ้านหมี่ จ.ลพบุรี
ประวัติพระครูสุตคุณากร
เกิด ๑๖ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๙๙
พรรษา ๓๐
วัด วัดมหาสอน
การศึกษาเปรียญธรรม ๓ ประโยค
ปริญญาพุทธศาสตรบัณฑิต (พธ.บ.)
ตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดมหาสอน
เจ้าคณะอำเภอบ้านหมี่
สมณศักดิ์๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๙ เป็น พระครูสัญญาบัตร
เจ้าคณะอำเภอ ชั้นเอก
ลำดับเจ้าอาวาสวัดมหาสอน1.หลวงพ่อเดช พ.ศ. 2408-2438
2.หลวงพ่อชม พ.ศ. 2538-2445
3.หลวงพ่อง้วน พ.ศ. 2445 - 2456
4.หลวงพ่อเคลือบ จนทสโร พ.ศ. 2456 - 2462
5.หลวงพ่อชิน สรโณ พ.ศ. 2456 - 2497
6.พระอธิการเจริญ วณณลีโล พ.ศ. 2497-2506
7.พระครูชิโนวาทธาดา พ.ศ. 2507-2551
8.พระครูสุตคุณากร พ.ศ.2551 - ปัจุบัน