ท่านเจ้าอาวาสวัดไชโย เมื่อครั้งปี พ.ศ.2470 มีความประสงค์จะลงรักปิดทองใหม่ให้กับ องค์หลวงพ่อพระมหาพุทธพิมพ์ (หลวงพ่อโต) ซึ่งเป็นพระพุทธรูปองค์ใหญ่ภายในวิหารวัดไชโย สร้างโดย สมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี ท่านจึงเตรียมทำการลอกทองเก่าออกจากองค์พระ และได้บอกบุญกับพุทธศาสนิกชน เพื่อหาปัจจัยมาปิดทองใหม่ให้กับองค์หลวงพ่อพระมหาพุทธพิมพ์ แต่ยังไม่ทันได้ดำเนินการ ท่านได้มรณภาพลงเสียก่อน การดำเนินการปิดทองใหม่จึงได้หยุดชะงักลง ไม่มีผู้ใดดำเนินการต่อ
จนกระทั่ง พ.ศ.2531 พระครูพุทธพิมพานุรักษ์ (เฉลิม จันทวัณโณ) เจ้าอาวาส ได้ริเริ่มที่จะดำเนินการปิดทององค์หลวงพ่อมหาพุทธพิมพ์ต่ออีกครั้งให้แล้วเสร็จ ซึ่งก็ได้เกิดเหตุการณ์มหัศจรรย์ขึ้น คือ หลวงพ่อมหาพุทธพิมพ์ได้มาปรากฏในฝันของ ดร.เถลิง เหล่าจินดา โดยมาบอกกล่าวอนุญาตให้ดำเนินการลงรักปิดทองใหม่ได้ ขณะเดียวกัน ท่านเจ้าอาวาสก็ได้เกิดนิมิตว่า สมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี ผู้สร้างองค์หลวงพ่อมหาพุทธพิมพ์ มาให้คำแนะนำกับท่านว่าให้นำผงและทองเก่าที่กะเทาะลอกออกมาจากองค์หลวงพ่อมหาพุทธพิมพ์นั้น มาสร้างเป็นพระสมเด็จ ให้ประชาชนนำไปบูชา โดยผงที่ลอกออกมาก็สร้างเป็น พระสมเด็จเกศไชโย รุ่นประวัติศาสตร์ 31 ส่วนทองคำที่ลอกออกมา ก็นำไปเป็นส่วนผสมสร้างพระทองคำ
ท่านเจ้าอาวาส และ ดร.เถลิง เหล่าจินดา จึงดำเนินการทำพิธีลงรักปิดทองใหม่ให้กับองค์หลวงพ่อมหาพุทธพิมพ์ และได้นำผงที่ลอกออกมาสร้างเป็น พระสมเด็จเกศไชโย รุ่นประวัติศาสตร์ 31 พร้อมกับทั้งเป็นการระลึกถึงวาระครบรอบ 200 ปี ชาตะของพระสมเด็จพระพุทธาจารย์โต พรหมรังสี ด้วย
ในการสร้าง พระสมเด็จ รุ่นประวัติศาสตร์31 นี้ ยังได้ใช้พระประสกที่ร่วงหล่นลงมาจากองค์พระมหาพุทธพิมพ์ มารวมเป็นมวลสารด้วย โดยในครั้งแรกมีพระประสกร่วงหล่นมาเพียง 1 อัน แต่นายช่างที่มาช่วยสร้าง พระสมเด็จรุ่นประวัติศาสตร์31 และเจ้าอาวาส ได้คิดว่าถ้าหากมีพระประสกมาเป็นมวลสารเพิ่มขึ้นอีก ก็จะช่วยเพิ่มพุทธานุภาพให้กับ พระสมเด็จรุ่นประวัติศาสตร์31 ให้มากยิ่งขึ้น และสิ่งมหัศจรรย์ก็ได้เกิดขึ้นอีก เมื่อท่านเจ้าอาวาสได้อธิษฐานจิตขอให้หลวงพ่อพระมหาพุทธพิมพ์ ประทานพระประสกเพิ่มขึ้นอีก และเมื่อมีการสำรวจองค์หลวงพ่ออีกครั้งก่อนดำเนินการปิดทองใหม่ ปรากฏว่ามีพระประสกชำรุดร่วงหล่นจากองค์หลวงพ่อเพิ่มอีก 47 อัน จึงเป็นอันว่าได้มีพระประสกจากองค์หลวงพ่อมหาพุทธพิมพ์มาเป็นมวลสารศักดิ์สิทธิ์ให้กับ พระสมเด็จเกศไชโยรุ่นประวัติศาสตร์31 เป็นจำนวนมาก และทางวัดได้จัดให้มีพิธีมหาพุทธาภิเษก ในวันที่ 20 ตุลาคม พ.ศ.2531 โดยมีพระเกจิอาจารย์ทั่วประเทศจำนวนมากถึง 108 รูป มาร่วมพิธี และสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช วัดบวรนิเวศวิหาร เสด็จมาเป็นองค์ประธานจุดเทียนชัย
พิมพ์ทรงของ พระสมเด็จเกศไชโยรุ่นประวัติศาสตร์31 แบ่งออกได้ 7 พิมพ์ โดยพิมพ์นิยมสุด คือ พิมพ์ฐาน 7 ชั้น
โดย พระสมเด็จเกศไชโยรุ่นประวัติศาสตร์31 พิมพ์ฐาน 7 ชั้น แบ่งออกได้เป็น 6 พิมพ์ คือ
1. พระสมเด็จเกศไชโย รุ่นประวัติศาสตร์ พิมพ์นิยมฐาน 7 ชั้น อกร่อง พิมพ์มีจุดไข่ปลาใต้ฐาน
2. พระสมเด็จเกศไชโย รุ่นประวัติศาสตร์ พิมพ์นิยมฐาน 7 ชั้น อกร่อง พิมพ์มีขีดใต้ครอบแก้ว
3. พระสมเด็จเกศไชโย รุ่นประวัติศาสตร์ พิมพ์นิยมฐาน 7 ชั้น อกร่อง พิมพ์ธรรมดา
4. พระสมเด็จเกศไชโย รุ่นประวัติศาสตร์ พิมพ์นิยมฐาน 7 ชั้น อกตัน พิมพ์ใหญ่
5. พระสมเด็จเกศไชโย รุ่นประวัติศาสตร์ พิมพ์นิยมฐาน 7 ชั้น อกตัน พิมพ์กลาง
6. พระสมเด็จเกศไชโย รุ่นประวัติศาสตร์ พิมพ์นิยมฐาน 7 ชั้น อกตัน พิมพ์เล็ก
พระสมเด็จเกศไชโยรุ่นประวัติศาสตร์31 พิมพ์รองอื่น ๆ ได้แก่
พิมพ์ 3 ชั้น ซึ่งแบ่งออกเป็น 3 พิมพ์ คือ พิมพ์ 3 ชั้นฐานหมอน หูบายศรี (นิยม), พิมพ์ฐาน 3 ชั้น พิมพ์ใหญ่, พิมพ์ฐาน 3 ชั้น พิมพ์ต้อ
พิมพ์ 5 ชึ้น อกตัน หูบายศรี
พิมพ์ 6 ชึ้น อกร่อง ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 พิมพ์ คือ พิมพ์อกร่อง แขนกลม กับ พิมพ์อกร่อง แขนเหลี่ยม
พิมพ์ 9 ชึ้น อกตัน หูบายศรี
พิมพ์คะแนน ฐาน 3 ชั้น
พิมพ์คะแนน ฐาน 7 ชั้น ซั่งแบ่งย่อยออกเป็น 4 พิมพ์ คือ พิมพ์แขนเหลี่ยม, พิมพ์แขนกลม, พิมพ์แขนวี, พิมพ์องค์พระล่ำ
วัดไชโย วรวิหาร (วัดเกษไชโย)
พระอารามหลวง ชั้นโท ชนิดวรวิหาร
สังกัดคณะสงฆ์ : มหานิกาย
วันตั้งวัด : พ.ศ. 2300
วันรับวิสุงคามสีมา : พ.ศ. 2433
วัดไชโย วรวิหาร (วัดเกษไชโย) อ่างทอง
วัดไชโยวรวิหาร
เป็นวัดพระอารามหลวงชั้นโท เดิมเป็นวัดราษฎร์เก่าแก่ มีนามว่า วัดไชโย ครั้นเมื่อสมเด็จพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) เจ้าอาวาสวัดระฆังโฆษิตารามได้เลือกวัดนี้เป็นที่สร้างพระพุทธรูปองค์ใหญ่ ตั้งอยู่กลางแจ้ง กล่าวว่าการก่อสร้างพระพุทธรูปนี้ใช้เวลานานเกือบ 3 ปี ในสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 จึงเสร็จ แล้วสมเด็จพุฒาจารย์ได้ถวายวัดไชโยเป็นวัดหลวง ได้รับพระราชทานนามว่า “วัดเกษไชโย”
ใน พ.ศ.2430 มีการปฏิสังขรณ์วัดเกษไชโยทั้งพระอาราม ทำให้พระพุทธรูปได้รับแรงกระเทือนจากการก่อสร้างพระวิหารก็พังทลายลง พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระพุทธรูปขึ้นใหม่ทดแทนโดยโปรดเกล้าฯ ให้พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าประดิษฐ์วรการเป็นแม่กองช่าง โดยรื้อองค์พระเดิมออกหมด วางรากฐานก่อสร้างใหม่ใช้โครงเหล็กรัดอิฐปูนไว้ภายในลดขนาดจากองค์เดิมลงพระพุทธรูปองค์นี้ได้รับพระราชทานนาม “พระมหาพุทธพิมพ์” ขนาดหน้าตักกว้าง 8 วา 6 นิ้ว สูง 11 วา ศอก 7 นิ้ว และโปรดเกล้าฯ ให้ยกฐานะวัดไชโยให้เป็นพระอารามหลวง นอกจากนี้ยังมีการก่อ พระวิหาร สร้างพระอุโบสถเป็นมุขลดยื่นออกมาทางด้านหน้า มีศาลาราย กำแพงแก้ว ศาลาการเปรียญ กุฏิสงฆ์ หอสวดมนต์ หอระฆัง ศาลารายกลางวัด ศาลาท่าน้ำ รวมเวลาการปฏิสังขรณ์นานถึง 8 ปี
วัดไชโยวรวิหาร ตั้งอยู่ที่ตำบลไชโย อำเภอไชโย จากอ่างทองใช้ทางหลวงหมายเลข 309 (อ่างทอง-สิงห์บุรี) ประมาณ 17 กิโลเมตร แล้วเลี้ยวขวาบริเวณสถานีตำรวจภูธรตำบลไชโยอีกประมาณ 300 เมตร จะถึงจุดหมาย
วัดไชโย วรวิหาร (วัดเกษไชโย)
ที่ตั้ง : ทางหลวงหมายเลข 309 ต.ไชโย อ.ไชโย อ่างทอง 14140
ประเภท : พระอารามหลวง ชั้นโท ชนิดวรวิหาร
สังกัด : มหานิกาย
วันตั้งวัด : พ.ศ. 2300
วันรับวิสุงคามสีมา : พ.ศ. 2433
สิ่งสำคัญ : พระมหาพุทธพิมพ์ (หลวงพ่อโต)
เจ้าอาวาส :
โทรศัพท์ : 0812954433
ข้อมูล dhammathai