หลวงพ่อน้ำเคือง วัดดงตะขบ พิจิตร รุ่นฉลองอุโบสถ เนื้อผงผสมดินว่าน

หลวงพ่อน้ำเคือง วัดดงตะขบ พิจิตร รุ่นฉลองอุโบสถ เนื้อผงผสมดินว่าน
หลวงพ่อน้ำเคือง วัดดงตะขบ พิจิตร รุ่นฉลองอุโบสถ เนื้อผงผสมดินว่านหลวงพ่อน้ำเคือง วัดดงตะขบ พิจิตร รุ่นฉลองอุโบสถ เนื้อผงผสมดินว่าน
รหัสสินค้า DTKD01
หมวดหมู่ 12. พระเครื่อง จังหวัด พิจิตร
ราคา 250.00 บาท
สถานะสินค้า พร้อมส่ง
ลงสินค้า 5 ม.ค. 2567
อัพเดทล่าสุด 5 ม.ค. 2567
จำนวน
องค์
หยิบลงตะกร้า
บัตรประชาชน
บุ๊คแบ๊งค์
คุ้มครองโดย LnwPay
ประวัติหลวงพ่อน้ำเคือง
หลวงพ่อน้ำเคือง  เป็นพระพุทธรูปที่เป็นศูนย์รวมใจของชาวตำบลดงตะขบ  และผู้ที่เลื่อมใสศรัทธา  เป็นพระพุทธรูปที่ทรงอานุภาพด้านความศักดิ์สิทธิ์  เป็นที่เคารพสักการะของชาวดงตะขบมานานนับร้อยปี  จึงเปรียบเสมือนเป็นสัญลักษณ์ทางจิตใจ ที่ชาวบ้านดงตะขบยึดเหนี่ยวเป็นที่พึ่งทางจิตใจ  ดังนั้นอาจกล่าวได้ว่าหลวงพ่อน้ำเคืองกับชาวดงตะขบเป็นสิ่งที่คู่กัน  จนไม่สามารถแยกออกจากกันได้  โดยในหนังสือเล่มนี้จะกล่าวถึงประวัติของบ้านดงตะขบ  ประวัติวัดดงตะขบ  ประวัติของหลวงพ่อน้ำเคือง

        พุทธลักษณะขององค์หลวงพ่อน้ำเคือง และเหตุผลที่ผู้คนมีความเลื่อมใสศรัทธาในองค์หลวงพ่อน้ำเคือง  โดยมีรายละเอียดของเนื้อหาต่าง ๆ  ดังนี้
บ้านดงตะขบ  เริ่มมีผู้มาอาศัยอยู่ประมาณ  300  ปีเศษ  โดยมีผู้เล่ากันว่า มีตายายคู่หนึ่ง  อพยพพาลูกหลานมาจากเมืองเก่าพิจิตร  เพื่อมาบุกเบิกพื้นที่ทำไร่  ทำนา  เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวมีความอุดมสมบูรณ์  และได้ปลูกกระท่อมรายล้อม ด้วยต้นตะขบป่า  (ตะขบป่าลักษณะเป็นไม้ยืนต้น  มีหนามแหลมคมมีผลรับประทานได้)  จากนั้นก็มีชาวบ้านจากถิ่นอื่นจำนวนมากได้อพยพเข้ามาอาศัย   จนกลายเป็น หมู่บ้านใหญ่  และได้สร้างวัดใกล้กับต้นตะขบขนาดใหญ่ที่ขึ้นอยู่  โดยชาวบ้าน เชื่อกันว่าเป็นต้นแม่  เพราะบริเวณรอบ ๆ  จะมีต้นตะขบอยู่จำนวนมาก  จึงตั้งชื่อว่า “วัดดงตะขบ”  และเรียกชื่อว่าของหมู่บ้านว่า  “บ้านดงตะขบ”

1.  ประวัติวัดดงตะขบ

     วัดดงตะขบ  ตั้งอยู่เลขที่  96  หมู่ที่  4  ตำบลดงตะขบ  อำเภอตะพานหิน จังหวัดพิจิตร  สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย  ก่อตั้งประมาณปี  พ.ศ.  2240 และเมื่อประมาณปี  พ.ศ.  2388  มีการก่อสร้างอุโบสถ  และวิหาร  ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา  เมื่อวันที่  26  สิงหาคม  พ.ศ.  2500  มีที่ดินธรณีสงฆ์  จำนวน  2  แปลง  แปลงที่  1  มี  น.ส. 3  ก  เลขที่  7  แสดงกรรมสิทธิ์  7  ไร่  1  งาน  50  ตารางวา   อาณาเขตทิศเหนือยาว  62  วา  ติดกับถนนรถยนต์  ทิศใต้ยาว  63  วา  ติดลำคลอง   บางไผ่  ทิศตะวันออกยาว  45 วา  ติดกับบ้านเรือนราษฎร  ทิศตะวันตกยาว  45  วา   ติดกับคลองบางไผ่  แปลงที่  2  พื้นที่  4  ไร่  1  งาน  60  ตารางวา  ตาม  น.ส. 3 ก  เลขที่  6,  8

      สภาพทั่วไปและการพัฒนาของวัด  

      สภาพที่ตั้งของวัดดงตะขบเป็นที่ราบลุ่ม  ในอดีตเมื่อถึงฤดูน้ำหลาก น้ำจะไหลท่วมในวัด  เนื่องจากทิศใต้ของวัด  (ด้านหลัง)  ติดกับลำคลองสาธารณะวัดดงตะขบได้รับการพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง  จนมีอาคารเสนาสนะต่าง  ๆ  เกิดขึ้นใหม่อยู่เสมอ  และทดแทนของเก่าที่ชำรุดทรุดโทรมไปตามกาลเวลา  ซึ่งมีรายละเอียดของการก่อสร้างต่าง ๆ  ดังนี้

       ในระยะแรกของการก่อตั้งคือเมื่อประมาณปี  พ.ศ.  2240  วัดดงตะขบ  ยังเป็นสำนักสงฆ์ มีสถานที่ประกอบพิธีทางศาสนา  และยังแบ่งออกเป็น  2  ส่วน  คือ
วัดนอก  (ปัจจุบันเป็นที่ตั้งของโรงเรียนดงตะขบราษฎร์สงเคราะห์) มีหลวงตาไกร  เป็นเจ้าอาวาส  บริเวณของวัดใช้เป็นพื้นที่ทำนา  มีศาลาเป็นที่พักของคนทั่วไป  มีที่จัดการเผาศพและฝังศพ  (บริเวณสนามโรงเรียนดงตะขบราษฎร์สงเคราะห์ปัจจุบัน)
ส่วนวัดใน  (บริเวณที่ตั้งของวัดปัจจุบัน)  มีหลวงตาดิษฐ์  เป็นเจ้าอาวาส           พ.ศ.  2346  ยายลำภู  (ไม่ทราบนามสกุล)  ได้มีจิตศรัทธา  สร้างพระปรางค์ กว้างด้านละ  3  เมตร  สูง  7  เมตร  ซึ่งจ้างคนจีนมาก่อสร้าง
ต่อมาในปี  พ.ศ.  2366 – 2367  ได้มีการก่อสร้างเจดีย์ขึ้น  2  องค์ ขนาดกว้างโดยรอบด้านละ  2  เมตร  ปัจจุบันทั้งพระปรางค์และเจดีย์ ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถาน
ประมาณปี  พ.ศ.  2388  ได้ก่อสร้างศาลา  กุฏิพระ  (ปัจจุบันรื้อไปแล้วอยู่บริเวณริมคลองด้านใต้ของวัด  ที่หอระฆังปัจจุบัน)  ต่อมาได้สร้างอุโบสถ (บริเวณกลางวัดปัจจุบัน  ชำรุดรื้อไปแล้ว)  และได้อัญเชิญหลวงพ่อน้ำเคืองมาเป็นพระประธานในอุโบสถ  มีการก่อสร้างวิหาร  (คู่กับอุโบสถ)  เป็นที่ประดิษฐานของหลวงพ่อขาว  เป็นพระพุทธรูปปูนปั้น  (ปูนลักษณะสีขาวมิใช่ซีเมนต์) สร้างโดยตาคอน  ยายทรัพย์  ปานอ่อง  และมีพระพุทธบาทอยู่ด้านหลังหลวงพ่อขาว

       ประมาณปี  พ.ศ.  2390   ก่อสร้างหอสวดมนต์   ไม่ทราบความกว้าง ความยาว  (บริเวณศาลาปัจจุบัน)  รายล้อมด้วยกุฎิพระ
ปี  พ.ศ.  2490  ก่อสร้างกุฏิ  4  หลัง  (ทิศเหนือของวัด)  ก่อสร้างหอสวดมนต์ กว้าง  8  เมตร  ยาว  14  เมตร  ทำการย้ายกุฏิเจ้าอาวาสจากที่เดิม มาอยู่ติดกับหอสวดมนต์ (ปัจจุบันได้รื้อและก่อสร้างใหม่)
ปี  พ.ศ.  2494  ก่อสร้างศาลาการเปรียญ  กว้าง  16  เมตร  ยาว  40  เมตร  ซึ่งได้รับการบูรณะ  ปรับปรุง  ต่อเติมมาโดยตลอด  ปัจจุบันยังใช้เป็นสถานที่ประกอบศาสนกิจ  และกิจกรรมต่าง ๆ
  ปี  พ.ศ.  2499  สร้างอุโบสถ  กว้าง  6.5  เมตร  ยาว  18  เมตร
 ในวันที่  25  มกราคม  พ.ศ.  2547  ได้ทำพิธีวางศิลาฤกษ์ ก่อสร้างศาลาสันติสุข   เพื่อใช้เป็นสถานที่ตั้งศพเพื่อประกอบพิธีทางศาสนา
รายชื่อเจ้าอาวาสปกครองวัด

           ระหว่างปี  พ.ศ.  2240 – 2465  ไม่ปรากฏหลักฐานชัดเจนว่าเจ้าอาวาสแต่ละรูปดำรงตำแหน่งตั้งแต่เมื่อใด  แต่ทราบรายชื่อ  ได้แก่  หลวงตาดิษฐ์ หลวงตาไกร  พระครูมิ่ง
           หลังจากปี  พ.ศ.  2465  เป็นต้นมา  ทราบรายชื่อและระยะเวลาในการดำรงตำแหน่ง  ได้แก่

                1.  พระอุปัชฌาย์ฟุ้ง                     พ.ศ.  2465 – 2469
                2.  พระโปรง                             พ.ศ.  2470 – 2473

                3.  พระบุญธรรม                        พ.ศ.  2474 – 2481

                4.  พระทองสุข                           พ.ศ.  2482 – 2486

                5.  พระไว   ศรีสวัสดิ์                   พ.ศ.  2487 – 2489

                6.  พระสุทัศน์  แสงจันทร์            พ.ศ.  2490 – 2494

                7.  พระมหาสวิง  บุญจ้อย             พ.ศ.  2495 – 2496

                8.  พระโหม  อาวุโธ                    พ.ศ.  2497 – 2519

                9.  พระเพียน   ศรีนรา                 พ.ศ.  2520 – 2522

              10.  พระครูพิพิธปุญญาคม  (พระอธิการบุญชู  อิสสะโร)   

พ.ศ.  2523 – 2544

              11.  พระครูปริยัติวโรภาส  (บุญเรือน  พลศักดิ์)  วันที่  9  พฤศจิกายน  พ.ศ.  2544 – ปัจจุบัน

 2.  ประวัติหลวงพ่อน้ำเคือง

                   ประวัติการสร้างหลวงพ่อน้ำเคืองนั้น  ไม่มีหลักฐานการสร้างที่ชัดเจน ส่วนประวัติความเป็นมาก่อนที่จะประดิษฐานที่วัดดงตะขบ  มีหลักฐานจากคำบอกเล่าและรวบรวมขึ้นเป็นลายลักษณ์อักษรได้ความว่า  เมื่อประมาณปี  พ.ศ.  2299  มีข่าวว่ามีผู้พบพระในวัดร้างที่บ้านน้ำเคือง  (ปัจจุบันตั้งอยู่ในตำบลท้ายทุ่ง  อำเภอทับคล้อ  จังหวัดพิจิตร) ซึ่งเป็นวัดอยู่ทางทิศตะวันออกของวัดดงตะขบ ห่างประมาณ  6 กิโลเมตร  และมีเรื่องเล่าว่ามีชาวบ้านจากที่อื่นจะมาอัญเชิญไป แต่ไม่สามารถนำไปได้ ความได้ทราบถึงชาวบ้านดงตะขบ  ซึ่งในขณะนั้นมีคุณตาทวดคอน  ปานอ่อง (ทายกวัดในสมัยนั้น)  เป็นผู้นำชาวบ้านดงตะขบเดินทางไปที่วัดน้ำเคือง  และได้พบพระพุทธรูปปางห้ามสมุทร  สร้างในสมัยสุโขทัยตอนต้น  ประทับยืนอยู่ในกลางวัดปกคลุมด้วยป่าไม้  จึงได้นำแตรวงแห่อัญเชิญหลวงพ่อน้ำเคือง  (มาตั้งชื่อภายหลัง)  ขึ้นแป้งจี่  (เป็นล้อเลื่อนมีสองล้อ  ทำด้วยไม้ทั้งคัน)  จากวัดน้ำเคืองมาประดิษฐานไว้ในอุโบสถหลังเก่า  และได้ขนานนามว่า  “หลวงพ่อน้ำเคือง”  ตามชื่อวัดเดิมซึ่งมีอิทธิปาฏิหาริย์มากมาย  เมื่อผู้ใดต้องการอะไรก็จะมาบนบาน  และก็จะได้สิ่งที่ขอตามปรารถนา  จึงมีผู้คนนับถือกันมาก
เมื่อเวลาผ่านไปอุโบสถชำรุด  ยากแก่การบูรณะ  ประมาณปี  พ.ศ.  2465  คณะกรรมการวัดนำโดยคุณตาถนอม  คุณตาไก่  ร่วมกับชาวตำบลดงตะขบ  ได้จัดสร้างมณฑปบริเวณกลางวัด และได้อัญเชิญหลวงพ่อน้ำเคืองมาประดิษฐาน พร้อมอัญเชิญหลวงพ่อขาวมาประดิษฐานไว้ด้านหลัง  และนำรอยพระพุทธบาทจำลองมาประดิษฐานไว้ด้านขวาหลวงพ่อน้ำเคือง    ต่อมาเมื่อประมาณปี  พ.ศ.  2502  มีผู้ศรัทธาเลื่อมใสหลวงพ่อน้ำเคืองมากขึ้น  ชื่อเสียงโด่งดังไปไกล  ทางคณะกรรมการวัดทราบข่าวจากผู้หวังดี ว่ามีพวกมิจฉาชีพต้องการนำหลวงพ่อน้ำเคืองไปขาย  ประกอบกับมณฑปชำรุดทรุดโทรมมาก  จึงได้อัญเชิญหลวงพ่อน้ำเคืองมาประดิษฐานบนหอสวดมนต์ มีพระคอยทำหน้าที่เป็นเวรยามดูแลความปลอดภัย  ต่อมาผู้ที่ศรัทธาต่อหลวงพ่อน้ำเคืองเพิ่มมากขึ้น  ในแต่ละวันจะมีประชาชนมานมัสการ  และมีการจุดธูปเทียนเป็นจำนวนมาก  ทางวัดเกรงว่าจะเกิดอัคคีภัย  ประกอบกับพระในวัดน้อยลงหลังออกพรรษา  คณะกรรมการวัดจึงได้สร้างกุฏิหลังใหม่ให้พระโหม  อาวุโธ  ซึ่งเป็นเจ้าอาวาสในสมัยนั้น

        ประมาณปี  พ.ศ.  2504  ได้อัญเชิญหลวงพ่อน้ำเคืองมาประดิษฐานที่กุฏิเจ้าอาวาส ที่จัดทำเป็นห้อง 2 ห้อง  มีประตูเหล็ก 2 ชั้น ซึ่งขณะนั้นชื่อเสียงของหลวงพ่อน้ำเคืองก็ขจรกระจายไปไกลด้วยอิทธิปาฏิหาริย์ต่าง ๆ มากมาย เมื่อผู้ใดต้องการอะไรก็จะมาบนบานและก็จะได้สิ่งที่ขอตามปรารถนา จึงมีผู้คนนับถือกันมาก การอธิษฐานจิตคนส่วนใหญ่สัญญาว่าจะให้การแสดงลิเกแก้บนโดยนับเป็นเวลา จึงทำให้สถานที่คับแคบเกินไปสำหรับการประกอบพิธี และการเดินทางเข้ากราบไหว้ของประชาชนทั่วไป
        ประมาณปี  พ.ศ.  2506  ทางคณะกรรมการวัดได้ประชุมตกลงกันอัญเชิญหลวงพ่อน้ำเคืองมาประดิษฐานที่อุโบสถ
และในปี  พ.ศ.  2510   เป็นวันที่หัวใจของชาวตำบลดงตะขบ  ซึ่งมีจิตใจผูกพันกับหลวงพ่อน้ำเคืองแทบจะแตกสลาย  เมื่อได้ทราบข่าวว่าหลวงพ่อน้ำเคืองถูกตัดเศียร  เหตุการณ์วันนั้นทำให้น้ำตาของชาวดงตะขบและผู้เลื่อมใสศรัทธาในองค์หลวงพ่อน้ำเคืองไหลหลั่งจนปริ่มจะขาดใจ  และได้ร่วมกันสาปแช่งโจรใจบาปที่กล้าทำร้ายจิตใจของพุทธศาสนิกชนได้ลงคอ  ต่างวิพากษ์วิจารณ์เหตุการณ์ และได้ช่วยกันสืบหาวัตถุพยาน  เพื่อช่วยเจ้าหน้าที่ตำรวจในการติดตามตัวคนร้ายให้ได้   
        ต่อมานายสำเนียง  เลือดทหาร  ได้พบคนร้ายที่สถานีรถไฟตะพานหิน  ขณะที่จะขึ้นรถไฟ  จึงได้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ  และได้ติดต่อคณะกรรมการวัดมาดูเพื่อยืนยัน  เมื่อยืนยันแน่นอนว่าเป็นเศียรของหลวงพ่อน้ำเคืองจึงได้จัดงานพุทธาภิเษกจัดงานสมโภช  9  วัน  9  คืน  หลังจากเสร็จจากงานได้อัญเชิญหลวงพ่อน้ำเคืองประดิษฐานที่กุฏิเจ้าอาวาสหลังเดิม
        ต่อมาในวันที่  14  เมษายน  พ.ศ.  2524   กำนันดี  จันทร์อ้น  (ไวยาวัจกรขณะนั้น)  พร้อมด้วยนายถนอม  เกตุงาม  (นายอำเภอตะพานหินขณะนั้น)  พร้อมด้วยชาวตำบลดงตะขบ  ได้วางศิลาฤกษ์มณฑป  เพื่ออัญเชิญหลวงพ่อน้ำเคืองมาประดิษฐาน โดยมีการจัดงานสมโภช  7  วัน  7  คืน
ข้อมูล สุเทพ สอนทิม

วิธีการชำระเงิน

ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) สาขาปตท.ถนนกาญจนาภิเษก 2 ออมทรัพย์

JEWELRY-ANTIQUE-AMULET

ระบบสมาชิก

สถิติร้านค้า

หน้าที่เข้าชม4,444,762 ครั้ง
ผู้ชมทั้งหมด3,381,060 ครั้ง
เปิดร้าน4 ก.พ. 2558
ร้านค้าอัพเดท5 ก.ย. 2568

ติดต่อเรา

ติดตามสินค้า

พูดคุย-สอบถาม