ประวัติและปฏิปทาหลวงปู่พรหมมา เขมจาโร วัดสวนหินผานางคอย อ.ศรีเมืองใหม่ จ.อุบลราชธานี
◎ ชาติภูมิ
“หลวงปู่พรหมมา เขมจาโร” หรือ “สําเร็จแก้ว” เกิดเมื่อวันที่ ๑๕ เมษายน พ.ศ. ๒๔๔๐ ปี ฉลู ที่บ้านกุศกร อําเภอตระการพืชผล จังหวัดอุบลราชธานี มีพี่น้องรวมท้อง ๔ คน หญิง ๒ คน ชาย ๒ คน สําเร็จแก้ว (หลวงปู่พรหมมา เขมจาโร) เป็นลูกชายคนสุดท้อง บิดาชื่อ นายแก้ว หรือ จานแก้ว มารดาชื่อ นางสีดา นามสกุล อ่อนจันทึก
◎ ปฐมวัย
บิดามารดามีฐานะยากจน หาปลา หอย ปู มาเลี้ยงครอบครัว สมัยนั้นการเดินทางไม่มีพาหนะ การไปมาเดินทางด้วยความยากลําบาก เดินทางด้วยเท้าเปล่า รองเท้าไม่มีใส่ ต่อมาชะตาของหลวงปู่พรหมมาก็มาถึงจุดเปลี่ยน มารดาได้มาตายจากตั้งแต่ยังเล็ก อายุได้ ๘ ขวบ ต่อมาจากนั้นบิดาก็มารับภาระแต่ผู้เดียว ต้องหาเลี้ยงลูกทั้ง ๔ คน ตั้งแต่เด็ก สําเร็จแก้ว (หลวงปู่พรหมมา เขมจาโร) ไม่เคยมีความสุขกับเขาเลย ต้องรับจ้างขึ้นต้นหมากหาเงินช่วยพ่อเลี้ยงพี่น้อง
◎ บรรพชา อุปสมบท
พออายุย่างเข้า ๑๑ ขวบ โยมพ่อแก้ว หรือ จานแก้ว ได้พาไปบวชเณร ที่เมืองจําปาศักดิ์ ชื่อว่า เณรแก้ว อยู่เมืองจําปาศักดิ์ จนครบอายุได้ ๒๐ ปี ก็ได้บวชเป็นพระ ต่อมาอยู่ที่เมืองท่าอุเทนได้ ๔ ปี ก็ออกเดินทางไปอยู่กับพระฤาษี ที่ภูเขาควายประเทศลาว ที่นั่นมีแต่ภูเขาและสัตว์ร้ายมากมายหลายชนิด ระยะทางที่หลวงปู่พรหมมาเดินทาง เป็นระยะทางไกลมาก เดินด้วยเท้าเปล่า
พออายุ ๔๐ หลวงปู่พรหมมา ก็ออกเดินธุดงค์ ค่ำไหนก็ปัดกวาดพักที่นั่น เดินธุดงค์ไปเรื่อยๆ ท่านจะฉันข้าววันละครั้ง บางครั้ง ๗-๘ วัน ถึงจะได้ฉันหนึ่งครั้ง การเดินทางของหลวงปู่พรหมมา เขมจาโร ท่านไม่เคยกลัวอะไรเลย เพราะท่านสละชีวิตเจริญรอยตามพระพุทธโคดม หลวงปู่พรหมมาธุดงค์ไปเรื่อยๆ ที่ภูเขาควายประเทศลาว เณรแก้ว มีสหายธรรมชื่อ เณรคำ เณรคําเป็นเณรที่ซุกซนมาก ปู่ฤาษีท่านจึงจะ ไม่ค่อยให้เณรคําเดินทางไปไหนมาไหนมากนัก เณรคําบางครั้งท่านจะปรากฏกายเป็นคนแก่ บางครั้งเป็นเด็ก สิ่งที่เณรคําเปลี่ยนแปลงไม่ได้คือ มีแผลเป็นที่คิ้วซ้ายตลอด ไม่ว่าจะเป็นร่างคนแก่ เด็ก หรืออะไรก็ตาม
พออายุได้ ๔๕ ปี หลวงปู่พรหมมา ได้มาขอกราบลากับพระฤาษีที่ภูเขาควาย จะออกเดินทางธุดงค์ไปที่ทิเบต อยู่ทิเบต ๓ ปี ก็ออกเดินทางไปอยู่เมืองย่างกุ้งประเทศพม่า แล้วธุดงค์กลับมาอยู่เขมรได้ ๓ ปี ก็กลับมาหาพระฤๅษีที่ภูเขาควายอีกครั้ง ต่อมาก็ออกเดินทางไปเมืองฮานอย แล้วเดินทางต่อไปอยู่ที่เขมรต่ำ กัมพูชา สมัยนั้นเกิดสงครามพอดี มีทั้งเสียงปืนเสียงระเบิด และสัตว์ร้ายต่างๆ นานาชนิด หลวงปู่พรหมมาไม่เคยหวั่นกลัวเลย
ต่อจากนั้นก็เดินทางไปที่มาเลเซีย แล้วกลับไปประเทศลาวอีกครั้ง หลวงปู่พรหมมาท่านได้สร้างวัดที่ประเทศลาว ขณะอยู่ที่วัดนี้ หลวงปู่พรหมมาได้ตัดเหล็กไหลที่ถ้ำแห่งหนึ่งโดยใช้ศรอีตู๋ ได้เหล็กไหล ๒ ชิ้น ชิ้นหนึ่งให้ฝรั่ง ชิ้นหนึ่งหลวงปู่ฝังไว้ที่แขนของท่าน และอีกต่อมาท่านได้เหล็กไหลเพิ่มมาอีก ๒ ชิ้น
เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๑๒ เกิดสงครารลาว-เวียตนาม ขณะนั้นหลวงปู่ได้ผูกผ้าสบงไว้เพื่อทําเป็นร่มกันแดด ได้มีลูกระเบิดตกลงมาบนผ้า ระเบิดนั้นได้หมุนวนอยู่บนผ้าสบงของหลวงปู่โดยที่ไม่ระเบิด
ต่อมาปี พ.ศ. ๒๕๑๘ ประเทศลาวได้เปลี่ยนแปลงการปกครอง มีสงครามสู้รบกันหนักมาก หลวงปู่พรหมมาท่านได้เดินทางกลับมาที่ประเทศไทย ในระหว่างการเดินทาง เครื่องบินทิ้งระเบิด และมีเสียงปืนตลอดทาง
หลวงปู่พรหมมาได้แจกผ้าสบงและผ้าจีวรให้กับศิษย์ที่ติดตามเดินคุมหัวทุกคน ในระหว่างทางมีทหารญวนยิงปืนเอ็ม ๑๖ และอาก้า ใส่หลวงปู่และลูกศิษย์ หลวงปู่พรหมมาท่านเดินทางมาถึงฝั่งริมแม่น้ำโขง ยังไม่รู้ว่าจะไปจําวัดที่ไหน ได้เข้าไปพักในถ้ำแห่งหนึ่ง ได้นั่งสมาธิเห็นตาแสง ซึ่งขณะนั้นตาแสงเป็นฆราวาสนุ่งขาวห่มขาว ตาแสงได้ทําตามคําสั่งของ พระครูวิโรจน์รัตโนบล (หลวงปู่รอด) วัดทุ่งศรีเมือง จ.อุบลราชธานี ตั้งแต่ตาแสงบวชอยู่กับพระวิโรจน์ จนสําเร็จวิชา
พระครูวิโรจน์รัตโนบล กล่าวกับตาแสงว่า ถ้าอยากได้วิชามากกว่านี้ให้ตามหาเณรแก้ว หรือสําเร็จแก้ว