ปิดตา พระครูวิจิตรพัฒนาภรณ์ (หลวงพ่อสมจิต จิตตปสาโท ) วัดเจ้าแปดทรงไตรย์ ต. มารวิชัย อ.เสนา จ.พระนครศรีอยุธยา หลังยันต์เกาะเพชร ปี 2553

พระครูวิจิตรพัฒนาภรณ์ (หลวงพ่อสมจิต จิตตปสาโท )
วัดเจ้าแปดทรงไตรย์  ต. มารวิชัย อ.เสนา จ.พระนครศรีอยุธยา
พระสุปฏิปันโนสายธรรมบารมีหลวงพ่อปาน โสนันโท
หลวงพ่อสมจิต จิตตปสาโท พระครูวิจิตรพัฒนาภรณ์ วัดเจ้าแปดทรงไตรย์ ต.มารวิชัย อ.เสนา จ.พระนครศรีอยุธยา พระภิกษุผู้มีวิชากรรมฐานและทรงพุทธมนตราพระปริตรเชี่ยวชาญทางการสวดพุทธาภิเษก นพเคราะห์เสริมดวง ภาณยักษ์และคาถาหลวงพ่อปาน สวดเรียกลาภและปัดเป่าสิ่งอวมงคลออกไปจากกายของญาติธรรมที่มากราบสักการะ สืบเนื่องจาก วัดเจ้าแปดทรงไตรย์ ต.มารวิชัย อ.เสนา จ.พระนครศรีอยุธยา วัดที่หลวงพ่อปาน โสนันโท ดำริให้สร้างสืบทอดพระพุทธศาสนาโดยได้รับศรัทธาจากบรรพบุรุษตระกูลทรงไตรย์  หลวงพ่อสมจิต จิตตปสาโท เชี่ยวชาญทางการสวดพระปริตรบวงสรวงทวยเทพเทวดา ครูบาอาจารย์ทั้งหลายด้วยตัวของท่านเอง เพราะเป็นความศรัทธาที่มีความเชื่อมั่นด้วยใจเทิดทูนบูชาใน หลวงพ่อปาน โสนันโท อดีตพระเกจิทรงอภิญญาแห่งวัดบางนมโค อำเภอเสนา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เฉพาะตัวของท่าน
ทั้งนี้เพราะหลวงพ่อสมจิตท่านยึดถือว่า หลวงพ่อปานเป็น “ครูใหญ่” ของท่าน เป็นผู้ประสิทธิ์ประสาท มอบสิทธิฉันทานุมัติวิชาขลัง...ศักดิ์สิทธิ์สืบสานวิชาหลวงพ่อปานโดยตรง หลวงพ่อสมจิตเรียนวิชายันต์เกราะเพชร คาถาพระปัจเจกพุทธเจ้า คาถามหาลาภ คาถาป้องกันภัย คาถาปัดเป่าทุกข์ภัย อันโด่งดังที่สร้างชื่อเสียงของหลวงพ่อปาน วัดบางนมโคให้เกริกก้องเกรียงไกรในฐานะสุดยอดพระเกจิอาจารย์ผู้มีชื่อนามเป็นอมตะในแผ่นดินกรุงเก่า พระนครศรีอยุธยา ตราบมาถึงบัดนี้
ในความศรัทธาเคารพด้วยใจบูชาที่หลวงพ่อสมจิต จิตตปสาโท ที่มีต่อหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค นั้นผู้รู้บางท่านได้ให้การบันทึกไว้เป็นหลักฐานชัดเจนว่า
เป็นความลึกล้ำทางจิตของพระรูปหนึ่งที่ท่านไม่ได้มีเจตนาอยากตั้งตัวเป็นอาจารย์ขลังอะไรหรอก แต่ญาณวิเศษของหลวงพ่อปาน โสนันโท ท่านกลับมาบันดาลให้เป็นไปตามครรลอง สวดพุทธมนต์ของหลวงพ่อปาน โสนันโท เสกๆ เป่าๆ ก็ขลังขึ้นมาด้วยบารมีหลวงพ่อปานแม้ว่าหลวงพ่อปาน วัดบางนมโคท่านจะลาลับดับสังขารไปแล้วเนิ่นนานแล้วก็ตาม ในความรู้สึกของบรรดาศิษยานุศิษย์ ตลอดถึงผู้มีจิตศรัทธาต่อท่านในยุคหลังก็ยังคงมีความรู้สึกเหมือนดั่งว่า ท่านยังอยู่ ยังให้ความเมตตาช่วยเหลือแก่ผู้ที่ศรัทธาบูชาท่านอย่างไม่เปลี่ยนแปลง หลวงพ่อสมจิตท่านฝึกฝนสมาธิกรรมฐานตั้งแต่จำพรรษาที่วัดสุวรรณาราม กรุงเทพมหานคร และมีโอกาสไปมาหาสู่พระเกจิอาจารย์ชื่อดังมาหลายต่อหลายรูปท่านฝึกเข้าสมาธิจนจิตท่านทรงญาณวิเศษสัมผัสกระแสบารมีองค์หลวงพ่อปานทำให้เกิดศรัทธา ถึงกับอธิษฐานปวารณามอบกายถวายตัวเป็นศิษย์ของท่านด้วยการสวดสาธยายพระคาถาหลวงพ่อปานเป็นประจำ ที่สำคัญหลวงพ่อสมจิตยังได้เรียนรู้ตำราเก่าของพระครูกิตติธรรมธาดา อดีตเจ้าอาวาสวัดเจ้าแปดทรงไตรย์ซึ่งเป็นพระเกจิอาจารย์สายหลวงพ่อปานโดยตรง มาแบบเต็มภูมิ
พระครูกิตติธรรมธาดา เดิมชื่อ นายสมศักดิ์ นามสกุล ทิพย์นำภา ท่านเกิดในสกุลที่มีศรัทธาอย่างมากในพระพุทธศาสนา ครอบครัวของท่านรู้จักมักคุ้นพระสงฆ์หลายรูป โยมตาของท่านพระครูเป็นศิษย์ใกล้ชิดหลวงพ่อปาน ติดตามหลวงพ่อปานช่วยในการก่อสร้างถาวรวัตถุทั้งในวัดและวัดอื่นๆ เช่น เมื่อเริ่มสร้างอุโบสถวัดเจ้าแปดทรงไตรย์ หลวงพ่อปานมาชี้ที่ให้สร้างพระอุโบสถพอเริ่มสร้าง หลวงพ่อปานท่านก็มรณภาพลง การบรรพชาของพระครูบวชเป็นสามเณร ในปี พ.ศ. 2509 กับหลวงพ่อวาส วัดบ้านแพน แต่จำพรรษาวัดบางนมโค สาเหตุของการบวชเป็นสามเณรคือ โยมบิดาของพระครูเสียชีวิต เมื่ออายุครบบวช ท่านจึงมาบวชที่วัดบางนมโค เมื่อบวชแล้ว ท่านพระครูก็กลับไปจำพรรษาที่วัดสุวรรณาราม ในขณะที่ออกปฏิบัติธรรม พระครูก็นึกถึงโยมแม่ วันรุ่งขึ้นท่าก็เดินทางไปที่ วัดเจ้าแปดทรงไตรย์ ซึ่งเป็นวัดที่อยู่ใกล้กับบานของโยมมารดา
ในพรรษาปี 2515 ท่านเจ้าอาวาสถูกนิมนต์ ให้ไปอบรมจรรยานิเทศก์ เป็นเวลา 90 วัน ท่านจึงมอบหมายภารกิจในการดุแลวัดไว้ให้กับพระครู และในปลายปี 2515 ท่านเจ้าอาวาสได้รับอุบัติเหตุทางเรือมรณภาพ ภาระอันหนักหน่วงในการดูแลวัดจึงต้องตกอยู่กับพระครู หลังจากนั้นเมื่อท่านตกลงใจแล้วว่าท่านจะอยู่ที่วัดเจ้าแปดทรงไตรย์ ในปี 2519 พระครูได้ออกเดินธุดงค์ ร่วมกับพระนักปฏิบัติของหลวงพ่อไวทย์ โดยที่มีพระครูเป็นหัวหน้าในการครั้งนี้ การธุดงค์ครั้งนี้ได้เริ่มจากการไปนมัสการแท่นศิลาอาสน์ จังหวัดอุตรดิตถ์ ระหว่างทางได้พักกราบหลวงพ่อฤาษีลิงดำ พระราชพรหมญาณ วัดท่าซุง อุทัยธานี
ในปี พ.ศ. 2520 พระครู ได้ก่อตั้งชมรมหนุ่มสาววัดเจ้าแปดทรงไตรย์ ทำกิจกรรมทางพุทธสาสนาทุกรูปแบบ ในขณะเดียวกันก็ได้สร้างศาลาการเปรียญ และบูรระบริเวณกุฏิหอสวดมนต์
ในปี พ.ศ. 2521 ท่านพระครู ออกบำเพ็ญสมณะธรรมเหมือนเคย และออกบำเพ็ญธุดงค์ไปกราบหลวงพ่อแพ วัดพิกุลทอง สิงห์บุรี และนมัสการปูชนียวัตถุ
จนในปี พ.ศ. 2530 พระครูและญาติโยมได้ร่วมกันก่อสร้างกำแพงหน้าวัด และด้านทิศตะวันตกบางส่วน เพื่อให้วัดได้เป็นสัดส่วน
ในปี พ.ศ. 2535 พระครูดำริรูปหล่อเหมือนหลวงพ่อปาน ขนาดใหญ่กว่าองค์จริงเล็กน้อย 2 องค์ ประดิศฐานไว้ที่วัดเจ้าแปดทรงไตรย์ 1 องค์ อีกองค์ประดิษฐานไว้ที่วัดหนองลำเจียก ในโอกาสนี้พระครูถือโอกาสสร้างเหรียญหลวงพ่อเพชร หลวงพ่อปาน และพระชุดหลวงพ่อปานจำนวนมาก โดยรวบรวมผงเก่าสมัยหลวงพ่อปานผสมกับผงใหม่ และรูปหล่อหลวงพ่อปานหน้าตัก 9 นิ้ว ให้สาธุชนบูชาอีก 50 องค์
ท่านยังเป็นเจ้าคณะปกครองคณะสงฆ์ ในฐานะเจ้าคณะตำบลเจ้าเจ็ดเขต1มีวัดในเขตปกครองทั้งหมด 5 วัน รวมวัดของท่านเองเป็น 6 วัด ด้วยเมตตามหาบารมีของหลวงพ่อเพชร หลวงพ่อปาน และพุทธธรรมของพระพุทธเจ้า ท่านพระครูปฏิบัติกิจในพระพุทธศาสนามาเป็นเวลานาน ท่านพระครูกิตติธรรมธาดา นับว่าเป็นพระนักพัฒนาอีกรูปหนึ่ง ที่หมู่สงฆ์ยอมรับว่าเป็นพระสุปฏิปันโนของชาวอำเภอเสนา และเมืองกรุงเก่าได้อย่างเต็มภาคภูมิ.
พระครูกิตติธรรมธาดา มรณภาพใน เดือนสิงหาคม 2550 อายุ 58 ปี หลังจากนั้นพระครูวิจิตรพัฒนาภรณ์ ก็ได้เข้ามาดูแลวัดเจ้าแปดทรงไตรย์ ต.มารวิชัย อ.เสนา จ.พระนครศรีอยุธยา สืบต่ออย่างสมบูรณ์