พระมหาเศรษฐีนวโกฏิ หลวงปู่มา สำนักสันตินิเวส จ.ร้อยเอ็ด หลังถุง ทอง เงิน นาก ปี 2536 เนื้อผง

มีนามเดิมว่า มา วรรณภักดี เกิดเมื่อวันที่ 14 พ.ค.2456 ที่บ้านโนนคำ อ.เสลภูมิ จ.ร้อยเอ็ด ที่บ้านโนนคำ ต.เมืองไพร อ.เสลภูมิ จ.ร้อยเอ็ด บิดา-มารดาชื่อ นายคูณและนางตั้ว วรรณภักดี ครอบครัวประกอบอาชีพทำนาทำไร่

เมื่ออายุครบ 8 ขวบ มารดาถึงแก่กรรม ทำให้ได้บรรพชาอุทิศส่วนกุศล แม้เป็นการบวชหน้าไฟแต่แล้วก็บวช ไม่ยอมสึก

มีความสนใจในเรื่องของการศึกษาทางด้านพระปริยัติธรรม ใช้เวลาเพียง 3 ปีสามารถสอบได้นักธรรมชั้นตรี-โท-เอก ได้ตามลำดับ

เมื่ออายุครบ 20 ปีบริบูรณ์เข้า พิธีอุปสมบทเมื่อวันที่ 15 เม.ย.2476 ที่พัทธสีมาวัดดอนประดิษฐาราม บ้านดอนน้อย ต.เมืองไพร อ.เสลภูมิ จ.ร้อยเอ็ด

มีพระครูอุตตรานุรักษ์ (อินทร์ อินทสาโร) วัดกลาง (วัดมิ่งเมือง) อ.เสลภูมิ จ.ร้อยเอ็ด เป็นพระอุปัชฌาย์, พระสมุห์ฉิม ชินวํโส วัดศรีทองนพคุณ (วัดตาล) อ.เสลภูมิ จ.ร้อยเอ็ด เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระครูใบฎีกาสะอาด โฆสโก วัดเหนือเสลภูมิ อ.เสลภูมิ จ.ร้อยเอ็ด เป็นพระอนุสาวนาจารย์

หลังจากนั้นศึกษาในเรื่องของการปฏิบัติธรรม กัมมัฏฐาน การนั่งทำสมาธิ ด้วยการออกธุดงค์ไปในสถานที่ต่างๆ โดยมีหลวงปู่สอน, หลวงปู่เสือ และหลวงปู่พรหม เป็นพระอาจารย์คอยชี้แนะในการฝึกสอนเรื่องของการปฏิบัติธรรม

สร้างผลงานอันเต็มไปด้วยประโยชน์เกื้อกูลให้ความสุขแก่มวลมนุษยชาติ มากด้วยชื่อเสียงเกียรติคุณ ความพิเศษสุดในการบำเพ็ญทานบารมี อีกทั้งยังเป็นทั้งผู้รู้ เป็นรัตตัญญเถระ เป็นที่เคารพนับถือของคณะสงฆ์ไทยว่าเป็นผู้มีลักษณะงดงาม เป็นผู้ที่สามารถสร้างความเคารพศรัทธาให้เกิดขึ้นในถิ่นอีสาน

ทั้งยังเป็นพระที่ตั้งใจทำงาน ทำแล้วทำจริง อะไรที่จะเป็นประโยชน์ก่อให้เกิดความเจริญก้าวหน้าท่านจะรีบทำทันทีโดยไม่รั้งรอ ทุกขณะ ทุกลมหายใจของหลวงปู่นั้นจะเปี่ยมล้นไปด้วยความดี และประจักษ์แจ้งในหมู่สงฆ์ คงอยู่ในใจคนลุ่มน้ำชี

ลำดับตำแหน่งหน้าที่ปกครองคณะสงฆ์ พ.ศ.2483 ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดสมานสามัคคีธรรม ต.เมืองไพร อ.เสลภูมิ จ.ร้อยเอ็ด พ.ศ.2486 เป็นเจ้าคณะตำบลเมืองไพร พ.ศ.2489 เป็นพระอุปัชฌาย์ พ.ศ.2495 เป็นเจ้าคณะตำบลภูเงิน พ.ศ.2500 เป็นรองเจ้าคณะอำเภอเสลภูมิ

พ.ศ.2531 ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดสันติวิเวก

พ.ศ.2541 เป็นที่ปรึกษาเจ้าคณะอำเภอเสลภูมิ

ลำดับสมณศักดิ์ พ.ศ.2505 ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์พระครูสัญญาบัตรเจ้าอาวาสวัดราษฎร์ชั้นตรี ในราชทินนามที่ พระครูสารธรรมนิเทศ พ.ศ.2515 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรเจ้าอาวาสวัดราษฎร์ชั้นโท และรองเจ้าคณะอำเภอชั้นโท ในราชทินนามเดิม

พ.ศ.2534 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตร รอง เจ้าคณะอำเภอชั้นเอก ในราชทินนามเดิม

พ.ศ.2547 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญฝ่ายวิปัสสนาธุระ ในราชทินนามที่ พระมงคลญาณเถร

เมื่อเวลา 10.59 น. วันที่ 2 พ.ย.2552 คณะสงฆ์วัดสันติวิเวกแจ้งให้สาธุชนทราบว่า มรณภาพอย่างสงบ ด้วยโรคชรา สิริอายุ 98 ปี

โดยก่อนหน้านี้ได้เข้ามาดูแลการก่อสร้างศาลาทรงไทยแบบล้านนาจำนวน 2 หลัง ทำให้ต้องตากแดดและหายใจเอาฝุ่นละอองจากสิ่งก่อสร้างเป็นระยะเวลานาน รวมทั้งขาดการพักผ่อน จนเป็นสาเหตุทำให้อาพาธ คณะศิษยานุศิษย์ได้นำเข้ารักษาตามโรงพยาบาลหลายแห่งแต่ต้องการกลับวัดเพื่อให้งานที่ค้างอยู่ให้แล้วเสร็จ เป็นเหตุให้การอาพาธทรุดหนักอย่างรวดเร็ว

กระทั่งมรณภาพในที่สุด ท่ามกลางความเศร้าสลดของคณะศิษยานุศิษย์

ทั้งชีวิตเต็มไปด้วยการอุทิศตนเพื่อประโยชน์สุข ประโยชน์เกื้อกูลแก่มวลมนุษยชาติ

แม้จะละสังขารจากไปแล้ว แต่ คุณงามความดียังคงดำรงอยู่ตลอดไป
ข้อมูลอริยะโลกที่6-ข่าวสด