พระเทพสิทธินายก (นาค โสภโณ ป.ธ.๕)
เกิด ๑ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๒๗
อายุ ๘๖ ปี
อุปสมบท พ.ศ. ๒๔๔๘
พรรษา ๖๖
มรณภาพ ๑๕ มกราคม พ.ศ. ๒๕๑๔
วัด วัดระฆังโฆสิตาราม วรมหาวิหาร
ท้องที่ กรุงเทพมหานคร
สังกัด มหานิกาย
สถานะเดิม
พระเทพสิทธินายก มีนามเดิมว่า นาค มะเริงสิทธิ์ เกิดเมื่อวันที่ ๑ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๒๗ บิดานายป้อม มะเริงสิทธิ์ มารดานางสงวน มะเริงสิทธิ์ ณ บ้านปราสาท ตำบลเมืองปราสาท อำเภอโนนสูง จังหวัดนครราชสีมา
บรรพชาอุปสมบท
บรรพชาเป็นสามเณร เมื่อ พ.ศ.๒๔๔๐ อายุได้ ๑๓ ปี ณ วัดบึง ตำบลในเมือง อำเภอเมืองนครราสีมา จังหวัดนครราชสีมา โดยมี พระครูสังฆวิจารย์ (มี) เป็นพระอุปัชฌาย์
อุปสมบท เมื่อ พ.ศ. ๒๔๔๘ อายุได้ ๒๑ ปี ณ พัทธสีมาวัดระฆังโฆสิตาราม โดยมี สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ฤทธิ์) วัดอรุณราชวราราม เป็นพระอุปัชฌาย์ สมเด็จพระวันรัต (ฑิต) วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฏ์ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระธรรมโกศาจารย์ (แพ) วัดสุทัศนเทพวราราม เป็นพระอนุสาวนาจารย์ พระธรรมไตรโลกาจารย์ (ม.ร.ว.เจริญ) เป็นผู้บอกอนุศาสน์ พระอุปัชฌาย์ให้นามฉายาว่า “โสภโณ”
ตำแหน่ง
ฝ่ายปกครอง
พ.ศ. ๒๔๖๗ เป็น ผู้รักษาการเจ้าอาวาสวัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหาร
พ.ศ. ๒๔๖๘ - ๒๕๑๔ เป็น เจ้าอาวาสวัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหาร
มรณกาล
พระเทพสิทธินายก (นาค โสภโณ ป.ธ.๕) มรณภาพด้วยโรคชรา ที่โรงพยาบาลศิริราช กรุงเทพมหานคร เมื่อวันศุกร์ที่ ๑๕ มกราคม พ.ศ. ๒๕๑๔ เวลา ๐๔.๔๕ น.
สมณศักดิ์
พ.ศ. ๒๔๖๕ เป็น พระราชาคณะชั้นสามัญ ที่ พระธรรมกิติ
๖ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๗๔ เป็น พระราชาคณะชั้นราช ที่ พระราชโมลี ศรีปาพจนาภรณ์ ธรรมพาที ยติคณิสสร บวรสังฆาราม คามวาสี
๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๐๐ เป็น พระราชาคณะชั้นเทพ ที่ พระเทพสิทธินายก ตรีปิฎกวิมล พีชมงคลสุนทร มหาคณิสสร บวรสังฆาราม คามวาสี
วัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหาร เป็นวัดพุทธในประเทศไทย ตั้งอยู่ในแขวงศิริราช เขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร เป็นพระอารามหลวงชั้นโท ชนิดวรมหาวิหาร อยู่ในเขตการปกครองคณะสงฆ์มหานิกาย ภาค 1 วัดแห่งนี้เป็นวัดเก่าที่สร้างขึ้นในสมัยกรุงศรีอยุธยา เดิมชื่อว่า "วัดบางหว้าใหญ่" ต่อมาในสมัยกรุงธนบุรี สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีทรงสถาปนาพระราชวังใกล้เคียงกับวัดดังกล่าว และโปรดเกล้าฯ ให้ยกวัดนี้ขึ้นเป็นพระอารามหลวง โดยใช้เป็นที่ประทับของสมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก
ในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช วัดบางหว้าใหญ่อยู่ภายใต้พระอุปถัมภ์ของสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากรมพระเทพสุดาวดี พระเชษฐภคินีของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช และเป็นพระชนนีของกรมพระราชวังบวรสถานพิมุข พระองค์ทรงมีตำหนักที่ประทับอยู่ติดกับวัด และทรงบูรณปฏิสังขรณ์วัดร่วมกับพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ระหว่างการบูรณปฏิสังขรณ์ได้ขุดพบระฆังสัมฤทธิ์ใบหนึ่ง ซึ่งพระองค์ทรงโปรดให้นำไปไว้ที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้ว) และทรงพระกรุณาให้สร้างระฆังขึ้นใหม่จำนวน 5 ใบมาทดแทน พร้อมพระราชทานนามวัดใหม่ว่า "วัดระฆังโฆสิตาราม" เพื่อรำลึกถึงเหตุการณ์นั้น และฟื้นฟูตามแบบแผนในสมัยกรุงศรีอยุธยา ที่เคยมีวัดชื่อเดียวกัน ในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการให้เปลี่ยนชื่อเป็น "วัดราชคัณฑิยาราม" (คำว่า "คัณฑิ" แปลว่า ระฆัง) แต่เนื่องจากประชาชนไม่นิยมเรียกชื่อนี้ จึงยังคงใช้ชื่อว่า "วัดระฆังโฆสิตาราม" จนถึงปัจจุบัน
วัดระฆังโฆสิตารามมีหอพระไตรปิฎกซึ่งถือเป็นสถาปัตยกรรมที่วิจิตรสวยงาม เดิมทีเป็นพระตำหนักและหอประทับนั่งของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ขณะยังทรงรับราชการในสมัยกรุงธนบุรี และเมื่อเสด็จขึ้นครองราชสมบัติแล้ว ได้โปรดเกล้าฯ ให้นำอาคารดังกล่าวมาถวายวัด พร้อมทรงมีพระราชประสงค์ให้บูรณปฏิสังขรณ์ให้วิจิตรงดงาม เพื่อใช้เป็นหอพระไตรปิฎกประจำพระอารามแห่งนี้
ลำดับเจ้าอาวาสวัดระฆังโฆสิตาราม
1. สมเด็จพระสังฆราช (ศรี) 2312 — 2337
2. พระพนรัตน (นาค) 2337 — ?
3. พระพุฒาจารย์ (อยู่) ? — ?
4. สมเด็จพระพนรัตน (ทองดี) ? — ?
5 สมเด็จพระพนรัตน (ฤกษ์) ? — ?
6. สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พฺรหฺมรํสี) 2395 — 2415
7. หม่อมเจ้าพระสมเด็จพระพุฒาจารย์ (ทัด) 2415 — 2437
8. สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (หม่อมราชวงศ์เจริญ ญาณฉนฺโท) 2437 — 2470
9. พระเทพสิทธินายก (นาค โสภโณ) 2470 — 2514
10. พระเทพญาณเวที (ละมูล สุตาคโม) 2515 — 2530
11. พระเทพประสิทธิคุณ (ผัน ติสฺสโร)[8] 2532 — 2550
12. พระธรรมธีรราชมหามุนี (เที่ยง อคฺคธมฺโม) 2550 — 2564
13. พระเทพประสิทธิคุณ (ประจวบ ขนฺติธโร) 19 กุมภาพันธ์ 2565 - ปัจจุบัน
ข้อมูลวิกิพีเดีย