เหรียญพระไชยเชฎฐา วัดศรีเมือง จ.หนองคาย หลัง พระธรรมไตรโลกาจารย์ (หลวงพ่อรักษ์ เรวโต) ปี 2550 เนื้อทองแดงกะหลั่ยทอง

เหรียญพระไชยเชฎฐา วัดศรีเมือง จ.หนองคาย หลัง พระธรรมไตรโลกาจารย์ (หลวงพ่อรักษ์ เรวโต) ปี 2550 เนื้อทองแดงกะหลั่ยทอง
เหรียญพระไชยเชฎฐา วัดศรีเมือง จ.หนองคาย หลัง พระธรรมไตรโลกาจารย์ (หลวงพ่อรักษ์ เรวโต) ปี 2550 เนื้อทองแดงกะหลั่ยทองเหรียญพระไชยเชฎฐา วัดศรีเมือง จ.หนองคาย หลัง พระธรรมไตรโลกาจารย์ (หลวงพ่อรักษ์ เรวโต) ปี 2550 เนื้อทองแดงกะหลั่ยทอง
รหัสสินค้า SM5001
หมวดหมู่ 56.พระเครื่อง จังหวัด หนองคาย
ราคา 1,450.00 บาท
สถานะสินค้า พร้อมส่ง
ลงสินค้า 10 ก.พ. 2558
อัพเดทล่าสุด 8 ก.ค. 2568
จำนวน
เหรียญ
หยิบลงตะกร้า
บัตรประชาชน
บุ๊คแบ๊งค์
คุ้มครองโดย LnwPay
จารึกวัดศรีเมือง
ชื่อจารึก     จารึกวัดศรีเมือง
ชื่อจารึกแบบอื่นๆ     นค. 3
อักษรที่มีในจารึก     ไทยน้อย
ศักราช     พุทธศักราช 2109
ภาษา     ไทย
ด้าน/บรรทัด     จำนวนด้าน 1 ด้าน มี 40 บรรทัด
วัตถุจารึก     ศิลา ประเภทหินทราย
ลักษณะวัตถุ     รูปใบเสมา
ขนาดวัตถุ     กว้าง 40 ซม. สูง 170 ซม. หนา 20 ซม.
บัญชี/ทะเบียนวัตถุ
1) กองหอสมุดแห่งชาติ กำหนดเป็น “นค. 3”
2) ในหนังสือ จารึกในประเทศไทย เล่ม 5 และ ศิลาจารึกอีสานสมัยไทย-ลาว กำหนดเป็น “จารึกวัดศรีเมือง”
ปีที่พบจารึก     ไม่ปรากฏหลักฐาน
สถานที่พบ     วัดศรีเมือง ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดหนองคาย
ผู้พบ     นายแพง ทะรังษี
ปัจจุบันอยู่ที่     วัดศรีเมือง ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดหนองคาย
พิมพ์เผยแพร่
1) จารึกในประเทศไทย เล่ม 5 (กรุงเทพฯ : หอสมุดแห่งชาติ กรมศิลปากร, 2529), 344-349.
2) ศิลาจารึกอีสานสมัยไทย-ลาว (กรุงเทพฯ : คุณพินอักษรกิจ, 2530), 261-264.

ประวัติ
ศิลาจารึกวัดศรีเมืองนี้ มีหลักฐานเดิมปรากฏอยู่คู่กับสำเนาจารึกว่าเดิมได้มาจากวัดศรีสุพรรณ หมู่ที่ 10 ตำบลท่าบ่อ อำเภอท่าบ่อ จังหวัดหนองคาย นายแสง ทะรังษี ปลัดอำเภอซ้าย เป็นผู้ทำสำเนาส่งมาให้หอสมุดแห่งชาติ และต่อมาศิลาจารึกนี้ได้ย้ายไปอยู่ที่วัดศรีเมือง ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดหนองคาย เมื่อเจ้าหน้าที่งานบริการหนังสือ ภาษาโบราณ กองหอสมุดแห่งชาติ กรมศิลปากร เดินทางไปสำรวจเอกสารโบราณในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2518 ได้พบจารึกนี้อยู่ที่วัดศรีเมือง ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดหนองคาย

เนื้อหาโดยสังเขป     พระเจ้าไชยเชษฐาธิราช โปรดเกล้าให้ขุนนางผู้ใหญ่สร้างวัดศรีสุพรรณ และอุทิศที่ดิน ทาสโอกาสแก่วัด รวมทั้งสาปแช่งผู้ที่มาทำลายทานวัตถุเหล่านั้น
ผู้สร้าง     ไม่ปรากฏหลักฐาน
การกำหนดอายุ     ข้อความจารึกบรรทัดที่ 3 ระบุ จ.ศ. 928 ซึ่งตรงกับ พ.ศ. 2109 อันเป็นสมัยที่พระเจ้าไชยเชษฐาธิราชปกครองราชอาณาจักรล้านช้าง (พ.ศ. 2093-2115)

สมเด็จพระไชยเชษฐาธิราช โดยย่อ
พระอุปภัยพุทธบวรไชยเศรษฐาธิราช หรือที่รู้จักกันดีในพระนาม สมเด็จพระไชยเชษฐาธิราช(ลาว: ໄຊເສດຖາ, ເສດຖາທິຣາດ) ส่วนล้านนาออกพระนามว่า พระเป็นเจ้าอุปโยวราช (ไทยถิ่นเหนือ: ถือเป็นพระมหากษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดพระองค์หนึ่งของชาติลาว ทรงเป็นผู้นำแห่งอาณาจักรล้านช้าง ผู้สถาปนากรุงศรีสัตนาคนหุต(เวียงจันทน์)ให้เป็นศูนย์กลางอารยธรรม และเป็นศูนย์รวมศิลปะวัฒนธรรมต่าง ๆ ของอาณาจักรล้านช้างเข้าไว้ด้วยกัน ประวัติศาสตร์สันนิษฐานว่าพระองค์เป็นพระญาติหรือพระนัดดาในพระนางจิรประภาเทวีผู้เป็นพระมหาเทวีครองอาณาจักรล้านนา

ในรัชสมัยพระยาโพธิสาลราช (พ.ศ. 2063-2090) พระองค์เป็นผู้เคร่งครัดทางศาสนาพุทธเป็นอย่างยิ่ง ได้มีพระราชโองการให้พลเมืองเลิกนับถือผีสางเทวดา เลิกการทรงเจ้าเข้าผีทั่วพระราชอาณาจักร ให้รื้อศาลหลวง ศาลเจ้าผีเสื้อเมืองทรงเมือง และให้หันมานับถือพระพุทธศาสนาแทน ทรงสร้างวัดสุวรรณเทวโลกเพื่อเป็นสัญลักษณ์แห่งพระพุทธศาสนา แต่เนื่องจากประเพณีการนับถือผีนั้นมีมาช้านาน และได้ฝังเข้าไปในจิตใจของประชาชนทั่วไป จึงยากที่จะเลิกอย่างเด็ดขาดได้

ครั้นต่อมาทางอาณาจักรล้านนาว่างกษัตริย์ปกครอง จึงได้อัญเชิญเจ้าไชยเชษโฐหรือเชษฐวังโส พระโอรสของพระยาโพธิสาลราช หรือเจ้าชายแห่งเมืองหลวงพระบาง(เสด็จพระราชสมภพและเติบโตอยู่ที่เมืองหลวงพระบาง) ไปครองนครล้านนา เมื่อปี พ.ศ. 2089 ทรงครองราชเป็นกษัตย์เป็นพระองค์ที่ 15 สาเหตุที่ท่านทรงมีอำนาจในแคว้นล้านนาหรือนครเชียงใหม่เนื่องด้วยอำนาจของบิดาที่เคยเข้าไปแทรกแซงในล้านนาเป็นสำคัญ เมื่อพระยาโพธิสาลราชเสด็จสวรรคต พ.ศ. 2090 ด้วยถูกช้างล้มทับขณะประพาสป่า ทรงกลับนครได้เพียง 3 สัปดาห์ก็สวรรคต เมื่อสวรรคตแล้ว พระโอรสทั้งหลายต่างแย่งชิงราชสมบัติกัน อาณาจักรล้านช้างได้แตกเป็น 2 ฝ่ายคืออาณาจักรฝ่ายเหนือและฝ่ายใต้ ได้แก่ พระมหาอุปราช และเจ้ากิจธนวราธิราช (เจ้าท่าเรือ) ผู้เป็นพระราชโอรสองค์รองต่างพยายามจะขึ้นครองราชย์สมบัติเป็นกษัตริย์องค์ใหม่ ในที่สุดเจ้าท่าเรือสามารถยึดครองเมืองหลวงพระบางไว้ได้ ขุนนางล้านช้างและพระมหาอุปราชจึงเชิญพระเจ้าไชยเชษฐาธิราชเสด็จกลับมานครหลวงพระบางเพื่อรับเถลิงถวัลยราชสมบัติระงับเหตุวุ่นวายที่จะเกิดขึ้น และได้อัญเชิญพระแก้วมรกตที่ประดิษฐานอยู่ที่วัดบุปผาราม เชียงใหม่ รวมทั้งพระพุทธสิหิงค์และพระแก้วขาวไปด้วย เมื่อเสด็จถึงล้านช้าง ทรงยึดราชสมบัติจากเจ้าท่าเรือไว้ได้ โดยการสนับสนุนของพระมหาอุปราช(ภายหลังได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้ามหาอุปราชศรีวรวงษาในรัชสมัยของพระไชยเชษฐาธิราช และได้รับแต่งตั้งเป็นกษัตริย์องค์แรกในยุคล้านช้างตกเป็นเมืองขึ้นของพม่าซึ่งได้รับการสนับสนุนและแต่งตั้งจากพระเจ้าบุเรงนอง)เป็นสำคัญซึ่งทั้งช่วยเป็นทัพร่วมตีขนาบยึดเมืองหลวงพระบางจากเจ้าท่าเรือและเสนอชื่อให้พระเจ้าไชยเชษฐาธิราชทรงดำรงตำแหน่งกษัตริย์ ภายหลังได้รับแต่งตั้งเมืองหลวงพระบางได้เปลี่ยนชื่อเป็น "กรุงศรีสัตนาคนหุต" พระองค์จึงขึ้นครองราชสมบัติ นับเป็นมหาราชองค์ที่ 2 ของลาว ที่ทรงพระปรีชาสามารถ ทรงพระนามว่า "พระเจ้าไชยเชษฐาธิราช"

พระพุทธศาสนาในยุคของพระเจ้าไชยเชษฐาธิราช นับว่ามีความเจริญถึงขั้นขีดสุด ทรงได้สร้างวัดสำคัญมากมาย ที่สำคัญที่สุดคือ การสร้างองค์พระธาตุหลวงขึ้นมาใหม่ให้ใหญ่โตมโหฬารสมกับที่เป็นปูชนียสถานคู่แผ่นดินพระราชอาณาจักร และได้สร้างวัดในกำแพงเมืองอยู่ประมาณ 120 วัด และยังได้สร้างวัดพระแก้ว ซึ่งเป็นที่ประดิษฐานของพระแก้วมรกต ที่นำมาจากเมืองเชียงใหม่ ในสมัยนี้ได้มีการแต่งวรรณกรรมหลายเรื่อง เช่น สังสินชัย การเกต พระลักพระราม เป็นต้น และทรงเป็นผู้ตราจารีต12ครรลอง14ขึ้นให้ประชาชนและบรรดาเจ้าแลพระยาทั้งหลายภายในอาณาจักรได้ปฏิบัติสืบทอดกันมา หรือที่เรียกว่า "ฮีต12คอง14"นั่นเอง

พระเจ้าไชยเชษฐาธิราชได้ทรงย้ายเมืองหลวงจากเมืองเชียงทองมาอยู่ที่เวียงจันทน์ ได้ประดิษฐานพระแก้วมรกต และพระแซกคำ (พระพุทธสิหิงค์ หรือพระสิงค์) ไว้ที่เวียงจันทน์ เรียกว่าเวียงจันทน์ล้านช้างส่วนพระบางประดิษฐานไว้ที่เมืองเชียงทอง จึงได้ชื่อว่าหลวงพระบางมาจนถึงบัดนี้ บางครั้งก็เรียกชื่อว่าล้านช้างหลวงพระบาง และได้สร้างวัดเป็นที่ประดิษฐานพระแก้วมรกตขึ้นเป็นพิเศษ พระองค์ได้ทรงสร้างพระธาตุหลวง ซึ่งถือเป็นสถาปัตยกรรมชิ้นยอดเยี่ยมของลาวเมื่อ พ.ศ. 2109 ซึ่งต่อมาได้ถูกพวกปล้นจากยูนนานทำลายเสียหายไปมาก

นอกจากพระองค์จะได้ทรงสร้างพระธาตุ อื่น ๆ และพระพุทธรูปสำคัญ ๆ อีกมากมาย เช่น พระเจ้าองค์ตื้อ ที่เวียงจันทน์ พระเจ้าองค์ตื้อ ที่อำเภอท่าบ่อ จังหวัดหนองคาย พระเสริม พระสุก พระใส พระอินทร์แปลง พระองค์แสน ทรงสร้างวัดพระธาตุ ที่จังหวัดหนองคาย และพระธาตุที่จมน้ำโขงอยู่ พระธาตุบังพวน อำเภอเมืองหนองคาย สร้างวัดศรีเมือง จังหวัดหนองคาย และพระประธานในโบสถ์ นามว่า พระไชยเชษฐา พระศรีโคตรบูร ที่แขวงคำม่วน พระธาตุอิงรัง ที่แขวงสุวรรณเขต (สุวรรณเขต) พระธาตุศรีสองรัก อำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย และทรงปฏิสังขรณ์พระธาตุพนม เป็นต้น

พระเจ้าไชยเชษฐาธิราชทรงประคับประคองนำราชอาณาจักรล้านช้างผ่านพ้นภัยการเป็นเมืองขึ้นของพม่าไปได้ ตลอดรัชสมัยของพระองค์ แม้ว่าในขณะนั้นอาณาจักรล้านนา (เสียแก่พม่า พ.ศ. 2101) และอาณาจักรอยุธยา (เสียแก่พม่า พ.ศ. 2107) ต้องตกเป็นเมืองขึ้นของพม่าแล้ว แต่หลังจากพระองค์สวรรคตในปี พ.ศ. 2114 เนื่องจากท่านต้องไปปราบกบฎที่เมืองโองการหรือเมืองอัตปือแต่ท่านกลับเสียท่าให้กับหัวหน้ากบฎชาวกูยที่แข็งเมืองซ้อนกลจนทัพของมหาราชแห่งล้านช้างต้องแตกพ่ายและท่านถูกสำเร็จโทษในเวลาต่อมา พอมาถึง พ.ศ. 2117-2118 พระเจ้าบุเรงนองได้ยกทัพมาตีลาวและได้รับชัยชนะ และทรงนำโอรสองค์เดียวของพระเจ้าไชยเชษฐาธิราชซึ่งประสูติในปีที่สวรรคต ไว้เป็นประกันที่หงสาวดีด้วย ต่อจากนั้นมาหลายปีแผ่นดินลาวก็วุ่นวายด้วยเรื่องราชสมบัติ

จน พ.ศ. 2134 พระเถระเจ้าอาวาสวัดต่าง ๆ จึงได้ประชุมกันลงมติให้ส่งทูตไปเชิญพระหน่อแก้วกุมาร ซึ่งเป็นตัวประกันอยู่ประเทศพม่ากลับมาครองราชย์ และในเวลานั้นพระเจ้าบุเรงนองสวรรคตลง พม่าเริ่มอ่อนแอลง และพระหน่อแก้วกุมารขึ้นครองราชย์สมบัติ พ.ศ. 2135 และประกาศอิสรภาพไม่ขึ้นกับพม่าต่อไป
ข้อมูลจารึกในประเทศไทย,วิกิพีเดีย

วิธีการชำระเงิน

ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) สาขาปตท.ถนนกาญจนาภิเษก 2 ออมทรัพย์

JEWELRY-ANTIQUE-AMULET

ระบบสมาชิก

สถิติร้านค้า

หน้าที่เข้าชม4,444,927 ครั้ง
ผู้ชมทั้งหมด3,381,225 ครั้ง
เปิดร้าน4 ก.พ. 2558
ร้านค้าอัพเดท5 ก.ย. 2568

ติดต่อเรา

ติดตามสินค้า

พูดคุย-สอบถาม