พระพุทธชินสีห์
พระพุทธชินสีห์ ประดิษฐานอยู่หน้าพระสุวรรณเขต มีขนาดย่อมกว่า ขนาดหน้าต่างกว้าง 5 ศอก 1 คืบ 4 นิ้ว (ประมาณ 2.8 เมตร)
พงศาวดารเหนือ ได้เล่าถึงตำนานของพระพุทธรูปองค์นี้ว่า ในปีพ.ศ. 1498 กษัตริย์เชียงแสนนาม พระเจ้าศรีธรรมไตรปิฎก มีพระประสงค์จะหล่อพระพุทธรูป 3 องค์ แต่ไม่สำเร็จ จนถึงปีพ.ศ. 1500 พระอินทร์ได้จำแลงเป็นชีปะขาวมาช่วยให้แล้วเสร็จ หล่อได้พระพุทธรูปองค์ใหญ่ 3 องค์ องค์เล็ก 1 องค์ นามว่า พระพุทธชินราช พระพุทธชินสีห์ พระศรีศาสดา และ พระเหลือ ทั้งหมดประดิษฐานอยู่ที่ วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ เมืองพิษณุโลก กระทั่งเมื่อวัดทรุดโทรมลง ไม่มีใครดูแลรักษา สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาศักดิพลเสพ จึงโปรดให้อัญเชิญลงแพล่องไปจนถึงพระนครในวันที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2374
ในตอนแรก ได้มีการสร้างห้องใหม่ที่ด้านหลังพระอุโบสถเพื่อประดิษฐานพระพุทธรูปองค์นี้ จนในปีพ.ศ. 2380 พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ขณะทรงผนวช ได้กราบทูลขอพระราชทานพระบรมราชานุญาต อัญเชิญย้ายพระพุทธชินสีห์จากมุขหลังมาประดิษฐานหน้าพระสุวรรณเขต ในการนี้ได้ติดกะไหล่ทองพระรัศมี ฝังพระเนตร พระอุณาโลม และปิดทององค์พระใหม่ด้วย
พุทธลักษณะของพระพุทธชินสีห์ เป็นพุทธศิลป์สมัยสุโขทัย มีลักษณะร่วมกับพระพุทธรูปสุโขทัย หมวดใหญ่ คือ
พระรัศมี เป็นรูป เปลวไฟ
แนวพระศก เหนือพระนลาฏ (หน้าผาก) โค้งตามแนวพระขนง (คิ้ว)
ครองจีวรห่มเฉียง สังฆาฏิเป็นแถบเล็ก พาดจากพระอังสา (ไหล่) ซ้าย ไปถึงพระนาภี (สะดือ) ปลายทับซ้อนเป็นเขี้ยวตะขาบ
แต่อย่างไรก็ตาม พระพุทธชินสีห์กลับมีพุทธลักษณะที่แตกต่างไปจากหมวดใหญ่ และพบลักษณะนี้กับพระพุทธชินราช และพระศรีศาสดาด้วย รายละเอียดที่ว่านั้นคือ
พระพักตร์ มีเค้าเป็นวงรี แต่กลมแป้น ต่างจากหมวดใหญ่ที่เป็นวงรีรูปไข่
นิ้วพระหัตถ์ ยกเว้นพระอังคุฐ (นิ้วโป้ง) ยาวเท่ากัน ต่างจากหมวดใหญ่ที่นิ้วพระหัตถ์จะสั้นยาวสมจริง
ขนาดพระองค์ค่อนข้างใหญ่ เมื่อเทียบกับในหมวดใหญ่ที่มักจะสร้างให้พระองค์นั้นเพรียวสวย
ด้วยรายละเอียดที่แตกต่างออกไป และพบใน พระพุทธชินราช พระพุทธรูปสำคัญของไทย จึงได้แยกหมวดของพระพุทธรูปลักษณะเช่นนี้ เรียกว่า พระพุทธรูปสุโขทัย หมวดพระพุทธชินราช
ลักษณะทางศิลปกรรมสะท้อนออกมาชัดเจนว่าพระพุทธชินสีห์หล่อขึ้นในสมัยสุโขทัย …อ้าว! แล้วตำนานที่ระบุว่ากษัตริย์เชียงแสนเป็นผู้โปรดให้สร้างล่ะ สรุปว่าเป็นอย่างไรกันแน่
ทีนี้ต้องเข้าใจก่อนว่า พงศาวดารเหนือ นั้น เป็นวรรณกรรมที่รวบรวม คำบอกเล่า ในอดีตกาลหลาย ๆ เรื่อง และแน่นอนว่ามีการดัดแปลงต่อเติมให้เนื้อหาออกแนว แฟนตาซี มีความน่าสนใจมากยิ่งขึ้น บุคคลในเรื่องบางท่านก็อาจใช้เค้ามาจากบุคคลจริงในประวัติศาสตร์
เหตุนี้เอง สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ พระบิดาแห่งประวัติศาสตร์ไทย จึงทรงสันนิษฐานว่า พระเจ้าศรีธรรมไตรปิฎก ก็คือ สมเด็จพระมหาธรรมราชาที่ 1 (ลิไทย) ดังเหตุผลว่า
นาม พระเจ้าศรีธรรมไตรปิฎก สะท้อนถึงกษัตริย์ผู้ยึดมั่นในพระพุทธศาสนา ตรงกับสมเด็จพระมหาธรรมราชาที่ 1 (ลิไทย) ผู้ทรงแตกฉานในพระไตรปิฎก ริเริ่มการปกครองด้วยทศพิธราชธรรม และได้ทรงทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาให้รุ่งเรืองมาก
พงศาวดารเหนือระบุว่า พระเจ้าศรีธรรมไตรปิฎก เป็นผู้สร้างเมืองพิษณุโลก ตรงกับข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์ที่ว่า สมเด็จพระมหาธรรมราชาที่ 1 (ลิไทย) โปรดเกล้าฯ ให้ย้ายตัวเมืองพิษณุโลก จากบริเวณวัดจุฬามณี มายังริมฝั่งแม่น้ำน่าน ณ ที่ปัจจุบัน
ทฤษฎีของสมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ว่าพระพุทธชินราช พระพุทธชินสีห์ และพระศรีศาสดานั้น สร้างในสมัยสมเด็จพระมหาธรรมราชาที่ 1 (ลิไทย) แห่งกรุงสุโขทัย ได้เป็นที่ยอมรับมากในปัจจุบัน
อย่างไรก็ตาม สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ มีพระดำริว่า พระพุทธชินสีห์น่าจะหล่อหลังจากพระพุทธชินราชแล้ว เนื่องจากมีพุทธลักษณะที่สวยงาม ประณีตกว่าพระพุทธชินราช โดยฝีมือช่างชุดเดียวกัน ข้อนี้สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพทรงเห็นด้วย
ถึงตรงนี้บางท่านน่าจะเริ่ม อิ่ม กับปริมาณข้อมูลบ้างแล้ว ซึ่งบอกเลยว่าทั้งประวัติและรายละเอียดของพระพุทธชินสีห์มีเยอะมากกกกก และความสำคัญของพระพุทธรูปองค์นี้ก็มากกกกก เช่นกัน ฉะนั้นแง้มฯ ขอเสนอ fact น่ารู้เกี่ยวกับความสำคัญของพระพุทธรูปองค์นี้เป็นการปิดท้าย
นพปฎลมหาเศวตฉัตร หรือฉัตร 9 ชั้นที่กางกั้นเหนือพระพุทธชินสีห์ เป็นพระมหาเศวตฉัตรที่ใช้ทรงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว
พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระราชศรัทธากับองค์พระพุทธชินสีห์มาก ได้โปรดเกล้าฯ ให้บูรณะอยู่หลายครั้ง ทั้งได้ถวายสิ่งของหลายอย่างเป็นพุทธบูชา
ในช่วงพระราชพิธีถวายผ้าพระกฐิน หรือวาระสำคัญอย่างการเสด็จพระราชดำเนินเลียบพระนครโดยขบวนพยุหยาตราทางสถลมารค จะมีการประดับองค์พระด้วย พระรัศมีทองคำลงยาราชาวดี ผ้าทรงสะพักตาดขลิบครุยทอง ผ้าทิพย์ตาดมีลูกรุ่ยกรุยทอง และพระวิสูตร (ม่าน) ตาดทอง ที่หาโอกาสชมได้ยากคือพระรัศมีฯ เพราะเมื่อเสร็จสิ้นพระราชพิธีแล้วจะเชิญเก็บทันที
ฐานพุทธบัลลังก์พระพุทธชินสีห์ เป็นที่ประดิษฐานพระบรมราชสรีรางคารของพระมหากษัตริย์ 2 รัชกาล ได้แก่ พระบรมราชสรีรางคาร พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 บรรจุภายหลังการพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพในปีพ.ศ. 2469 และพระบรมราชสรีรางคาร พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 บรรจุเมื่อวันที่ 29 ตุลาคม พ.ศ.2560
ข้อมูลแง้มประตู ดูจิตรกรรม