สมเด็จ ชินบัญชร (เรือจ้าง) พระธรรมธีรราชมหามุนี (เที่ยง อคฺคธมฺโม) วัดระฆังโฆสิตาราม จ.กรุงเทพฯ ปี 2552 จัมโบ้

สมเด็จ ชินบัญชร (เรือจ้าง) พระธรรมธีรราชมหามุนี (เที่ยง อคฺคธมฺโม) วัดระฆังโฆสิตาราม จ.กรุงเทพฯ ปี 2552 จัมโบ้
สมเด็จ ชินบัญชร (เรือจ้าง) พระธรรมธีรราชมหามุนี (เที่ยง อคฺคธมฺโม) วัดระฆังโฆสิตาราม จ.กรุงเทพฯ ปี 2552 จัมโบ้สมเด็จ ชินบัญชร (เรือจ้าง) พระธรรมธีรราชมหามุนี (เที่ยง อคฺคธมฺโม) วัดระฆังโฆสิตาราม จ.กรุงเทพฯ ปี 2552 จัมโบ้
รหัสสินค้า PORAKSDCHBCH5201
หมวดหมู่ พระเครื่อง จังหวัด กรุงเทพมหานคร
ราคา 250.00 บาท
สถานะสินค้า พร้อมส่ง
ลงสินค้า 8 ก.ค. 2566
อัพเดทล่าสุด 23 ก.ค. 2568
จำนวน
องค์
หยิบลงตะกร้า
บัตรประชาชน
บุ๊คแบ๊งค์
คุ้มครองโดย LnwPay
พระธรรมธีรราชมหามุนี (เที่ยง อคฺคธมฺโม ป.ธ.๙)
สถานะเดิม
     พระธรรมธีรราชมหามุนี มีนามเดิมว่า เที่ยง ชูกระโทก เกิดวันที่ ๓๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๘ บ้านเลขที่ ๑๔๐ หมู่ที่ ๕ บ้านดอนชมพู ตำบลบิง อำเภอโนนสูง จังหวัดนครราชสีมา โยมบิดาชื่อนายโปย โยมมารดาชื่อนางสี ชูกระโทก

บรรพชาอุปสมบท
     บรรพชาเป็นสามเณร เมื่อวันที่ ๑๖ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๙๔ ณ วัดสมอราย ตำบลหนองจะบก อำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา โดยมี พระครูพรหมวิหารี(รอด) เป็นพระอุปัชฌาย์

     อุปสมบท เมื่อวันที่ ๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๐๑ ณ วัดบ้านดอนชมพู ตำบลบิง อำเภอโนนสูง จังหวัดนครราชสีมา โดยมี พระครูพินิจยติกรรม (แจ้ง) ภายหลังเป็นพระราชาคณะชั้นสามัญที่ พระอรุณธรรมโสภณ วัดใหม่สุนทร เป็นพระอุปัชฌาย์


การศึกษา
พ.ศ. ๒๔๙๒ สำเร็จการศึกษาชั้น ประถมศึกษาปีที่ ๔ โรงเรียนประชาบาลวัดดอนชมพู
พ.ศ. ๒๔๙๙ สอบได้ นักธรรมชั้นเอก สำนักเรียนวัดระฆังโฆสิตาราม
พ.ศ. ๒๕๑๔ สอบได้ เปรียญธรรม ๙ ประโยค สำนักเรียนวัดระฆังโฆสิตาราม

เกียรติคุณ
ได้รับถวายปริญญาพุทธศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์
ตำแหน่ง
ฝ่ายปกครอง
พ.ศ. ๒๕๑๔     เป็น ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหาร
พ.ศ. ๒๕๑๗     เป็น รองเจ้าคณะภาค ๑๑
พ.ศ. ๒๕๑๙     เป็น พระอุปัชฌาย์
พ.ศ. ๒๕๓๐ - ๒๕๓๒     เป็น ผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหาร
พ.ศ. ๒๕๓๖     เป็น เจ้าคณะภาค ๑๑
พ.ศ. ๒๕๔๗ - ๒๕๕๐     เป็น ผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหาร
พ.ศ. ๒๕๕๐ - ๒๕๖๔     เป็น เจ้าอาวาสวัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหาร
พ.ศ. ๒๕๕๘     เป็น ที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค ๑๑
ฝ่ายการศึกษา
พ.ศ. ๒๕๐๕     เป็น ครูสอนพระปริยัติธรรมสำนักเรียนวัดระฆังโฆสิตาราม
พ.ศ. ๒๕๐๖     เป็น กรรมการตรวจบาลีสนามหลวง
พ.ศ. ๒๕๐๗     เป็น เลขานุการเจ้าสำนักเรียนวัดระฆังโฆสิตาราม
พ.ศ. ๒๕๓๙     เป็น ประธานกรรมการมูลนิธิสหอภิธรรมมหาวิทยาลัย
พ.ศ. ๒๕๔๖ อาหารเจ     เป็น ผู้อำนวยการอภิธรรมมหาวิทยาลัยแห่งประเทศไทย
ความสามารถพิเศษ
เขียนกวีธรรมสาธกหรือกลอนธรรมะประมาณ ๒๐๐ เรื่อง
เป็นพระธรรมกถึก
เป็นพระวิปัสสนาจารย์
เป็นวิทยากรนักเผยแผ่อบรม
มรณกาล
     พระธรรมธีรราชมหามุนี (เที่ยง อคฺคธมฺโม ป.ธ.๙) มรณภาพ เมื่อวันที่ ๘ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๔ เวลา ๑๙.๔๐ น.ด้วยโรคเบาหวาน ณ โรงพยาบาลธนบุรี ๒ กรุงเทพมหานคร สิริอายุได้ ๘๕ ปี พรรษา ๖๓

สมณศักดิ์
พ.ศ. ๒๕๑๔ เป็น เปรียญธรรม ๙ ประโยค
๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๑๖ เป็น พระราชาคณะชั้นสามัญเปรียญ ที่ พระศรีวิสุทธิโสภณ
๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๒๖ เป็น พระราชาคณะชั้นราช ที่ พระราชวิสุทธิเวที ตรีปิฎกบัณฑิต มหาคณิสสร บวรสังฆาราม คามวาสี
๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๓๘ เป็น พระราชาคณะชั้นเทพ ที่ พระเทพวิสุทธิเมธี ศรีธรรมสาธก ตรีปิฎกบัณฑิต มหาคณิสสร บวรสังฆาราม คามวาสี
๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๑ เป็น พระราชาคณะชั้นธรรม ที่ พระธรรมธีรราชมหามุนี คัมภีรญาณวิมล โสภณธรรมานุสิฐ ตรีปิฎกบัณฑิต มหาคณิสสร บวรสังฆาราม คามวาสี

วัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหาร เป็นวัดพุทธในประเทศไทย ตั้งอยู่ในแขวงศิริราช เขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร เป็นพระอารามหลวงชั้นโท ชนิดวรมหาวิหาร อยู่ในเขตการปกครองคณะสงฆ์มหานิกาย ภาค 1 วัดแห่งนี้เป็นวัดเก่าที่สร้างขึ้นในสมัยกรุงศรีอยุธยา เดิมชื่อว่า "วัดบางหว้าใหญ่" ต่อมาในสมัยกรุงธนบุรี สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีทรงสถาปนาพระราชวังใกล้เคียงกับวัดดังกล่าว และโปรดเกล้าฯ ให้ยกวัดนี้ขึ้นเป็นพระอารามหลวง โดยใช้เป็นที่ประทับของสมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก

ในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช วัดบางหว้าใหญ่อยู่ภายใต้พระอุปถัมภ์ของสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากรมพระเทพสุดาวดี พระเชษฐภคินีของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช และเป็นพระชนนีของกรมพระราชวังบวรสถานพิมุข พระองค์ทรงมีตำหนักที่ประทับอยู่ติดกับวัด และทรงบูรณปฏิสังขรณ์วัดร่วมกับพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ระหว่างการบูรณปฏิสังขรณ์ได้ขุดพบระฆังสัมฤทธิ์ใบหนึ่ง ซึ่งพระองค์ทรงโปรดให้นำไปไว้ที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้ว) และทรงพระกรุณาให้สร้างระฆังขึ้นใหม่จำนวน 5 ใบมาทดแทน พร้อมพระราชทานนามวัดใหม่ว่า "วัดระฆังโฆสิตาราม" เพื่อรำลึกถึงเหตุการณ์นั้น และฟื้นฟูตามแบบแผนในสมัยกรุงศรีอยุธยา ที่เคยมีวัดชื่อเดียวกัน ในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการให้เปลี่ยนชื่อเป็น "วัดราชคัณฑิยาราม" (คำว่า "คัณฑิ" แปลว่า ระฆัง) แต่เนื่องจากประชาชนไม่นิยมเรียกชื่อนี้ จึงยังคงใช้ชื่อว่า "วัดระฆังโฆสิตาราม" จนถึงปัจจุบัน

วัดระฆังโฆสิตารามมีหอพระไตรปิฎกซึ่งถือเป็นสถาปัตยกรรมที่วิจิตรสวยงาม เดิมทีเป็นพระตำหนักและหอประทับนั่งของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ขณะยังทรงรับราชการในสมัยกรุงธนบุรี และเมื่อเสด็จขึ้นครองราชสมบัติแล้ว ได้โปรดเกล้าฯ ให้นำอาคารดังกล่าวมาถวายวัด พร้อมทรงมีพระราชประสงค์ให้บูรณปฏิสังขรณ์ให้วิจิตรงดงาม เพื่อใช้เป็นหอพระไตรปิฎกประจำพระอารามแห่งนี้
ข้อมูลsangkhatikan,วิกิพีเดีย

วิธีการชำระเงิน

ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) สาขาปตท.ถนนกาญจนาภิเษก 2 ออมทรัพย์

JEWELRY-ANTIQUE-AMULET

ระบบสมาชิก

สถิติร้านค้า

หน้าที่เข้าชม4,444,927 ครั้ง
ผู้ชมทั้งหมด3,381,225 ครั้ง
เปิดร้าน4 ก.พ. 2558
ร้านค้าอัพเดท6 ก.ย. 2568

ติดต่อเรา

ติดตามสินค้า

พูดคุย-สอบถาม