เจ้าพ่อเสือ เทพดาราเจ้าแห่งทิศเหนือ
เทพ “เสวียนเทียนสั้งตี้” 玄天上帝 ภาษาฮกเกี้ยนเรียกว่า “เฮี่ยงเทียนส่งเต่” และแต้จิ๋วเรียกว่า “เฮี่ยงเทียนเซี่ยงตี่” เป็นเทพที่จัดอยู่ประเภท “เท พดารา” 星神 เป็นเ ทพระดับสูงในศาสนาเต๋า โดยมีฐานะเป็นรองเพียง “ผานกู่” 盘古 ซันชิง 三清 อู่เหลา 五老 และ อฺวี้หวงต้าตี้ 玉皇大帝 (เง็กเซียนฮ่องเต้)
ประวัติของท่านมีต่างๆกันดังต่อไปนี้
1. กล่าวกันว่าท่านเป็นนักพรตคนหนึ่งที่บำเพ็ญพรตอยู่ที่เขา “อู่ตังซาน” 武当山 (บู๊ตึ๊ง) ซึ่งบรรลุธรรมจนได้เป็นเซียน
2. ท่านกำเนิดจากการที่ปราณแห่งฟ้าและดินที่ผสมผสานจึงถือกำเนิดขึ้น
3. ในคัมภีร์ 太上说玄天玄武本传神咒妙经 ระบุว่าท่านเป็นอวตารภาคที่ 82 ของปรมาจารย์ไท้สั้งเหล่าจวิน 太上老君
4. ในคัมภีร์ 三教源流搜神大全 ระบุว่าท่านเป็นร่างอวตารภาคที่ 82 ของปรมาจารย์เหยฺวียนซื่อเทียนจุน 元始天尊 โดยอวตารในโลกนี้ 4 ครั้งคือกล่าวคือก่อนสมัย 3 ราชันย์ 三皇 เป็นเรื่องราวของกษัตริย์ทั้ง 3 ในสมัยโบราณของจีนซึ่งเก่าแก่กว่าสมัย “5 มหาราช” 五帝 เรื่องราวของ 3 ราชันย์ว่าเป็นใครบ้างนั้นนั้นมีตำนานต่างๆกันไปถึง 7 ตำนาน อวตารเป็น “ไท้ซื่อเจินเหริน” 太始真人
สมัย 3 ราชันย์อวตารเป็น “ไท้เหยวียนเจินเหริน” 太元真人 หลังจากสมัย 3 ราชันย์อวตารเป็น “ ไท้อี่เจินเหริน” 太乙真人 ฮกเกี้ยนเรียกว่า “ไท้อิดจินหยิน และในสมัยหวงตี้ 黄帝
หวงตี้เป็นกษัตริย์ในตำนานของจีนอยู่ในสมัย“5 มหาราช” 五帝 ซึ่งสันนิษฐานว่าน่าจะมีอายุอยู่ในช่วง ก่อนพ.ศ.ประมาณ 2,000 ปี อวตารเป็น “เสวียนเทียนต้าตี้” 玄天大帝 รัชสมัยของพระเจ้าสุยหยางตี้
隋炀帝 พ.ศ. 1148-1160 อฺวี้หวงต้าตี้ 玉皇大帝 ทรงแบ่งวิญญาณ 1 ใน 3 ออกมาแล้วอวตารมาเกิดในโลกมนุษย์เป็นเจ้าชายแล้วออกบำเพ็ญพรตที่เขาอู่ตังจนสำเร็จเป็นเซียน
6. ท่านคือดาวเหนือ 北斗 Big Dipper หรือ Ursa major
7. ท่านคือดาว “เป่ยจี๋ซิง” 北极星 Polaris
8. ท่านคือกลุ่มดาว “เสวียนอู่” 玄武 ซึ่งมี 7 กลุ่มในทางทิศเหนือ จากกลุ่มดาวทั้ง 4 ทิศๆละ 7 กลุ่มรวม 28 กลุ่ม เทพเสวียนเทียนสั้งตี้ 玄天上帝 นั้นถือกันว่าเป็นเทพแห่งสงครามโดยมีตำนานเล่ากันว่า สมัยหนึ่งปีศาจมีอำนาจกล้าแข็งพยามจะลุกล้ำแดนสวรรค์ และขณะที่ขณะที่ปรมาจารย์เหยฺวียนซื่อเทียนจุน
元始天尊 แสดงธรรมอยู่บนสวรรค์นั้น ไอปีศาจได้เข้ามาถึงประตูสวรรค์ทางด้านทิศใต้ ครั้งนั้นปรมาจารย์เหยฺวียนซื่อเทียนจุนพิโรธมากมีบัญชาให้เ ทพเสวียนเทียนสั้งตี้นำทหารสวรรค์ 3 แสนเข้าปราบอสูรและอสูรทั้งหมดก็ถูกปราบจนสิ้นในเวลาเพียงข้ามคืน หลังจากการศึกครั้งนี้ปรมาจารย์เหยฺวียนซื่อเทียนจุนจึงได้สถาปนาท่านเป็นเท พอารักษ์ประจำทิศเหนือโดยมีนัยถึงการยกทัพจากทิศเหนือลงสู่ทิศใต้ ( ประตูสวรรค์ทางด้านทิศใต้ )
เรื่องที่เท พเสวียนเทียนสั้งตี้เป็นเทพอารักษ์ประจำทิศเหนือนั้นแท้จริงแล้วมาจากความเชื่อเรื่องเท พอารักษ์ประจำทิศทั้ง 4 อันได้แก่ ทิศเหนือเต่าดำ 玄武 ทิศใต้หงส์แดง 朱凤 บางแห่งกล่าวว่าเป็นนกกระจอกแดง 朱雀 ทิศตะวันออกมังกรเขียว 青龙 และทิศตะวันตกพยัคฆ์ขาว 白虎 ที่มีมาตั้งแต่สมัยราชวงศ์ซาง 商朝 ก่อนพ.ศ.1597- 1168 ปี โดยเรื่องของเทพอารักษ์เสวียนอู่ 玄武 ( เต่าดำ )
นั้นมีการพัฒนามาเป็นลำดับและเริ่มพัฒนาขึ้นเป็นเทพเชิงบุคคลในสมัยราชวงศ์ฮั่นตะวันออก 东汉
พ.ศ. 568-763 จนกระทั่งสมบูรณ์เป็นเทพเสวียนเทียนสั้งตี้ในสมัยราชวงศ์ซ่งเหนือ 北宋 พ.ศ. 1503-1670 ในการสร้างรูปเคารพของท่านเท พปรมาจารย์เสวียนเทียนสั้งตี้ 玄天上帝 นั้นมักจะสร้างเป็นนักรบพระหัตถ์ขวาถือกระบี่พระหัตถ์ซ้ายถือธงสีดำ “เฮยลิ่งฉี” 黑令旗 ( ฮกเกี้ยนออกเสียงว่า “ออเหล่งกี” ) อันเป็นสัญลักษณ์ของการบัญชาทหารสวรรค์ทางด้านทิศเหนือ บางครั้งจะพบว่าพระหัตถ์ซ้ายไม่ได้ถืออะไรหากแต่อยู่ในท่ามหามุทรา 玄天上帝之手印 ส่วนพระบาททั้ง 2 ข้างนั้นเหยียบเต่าและงู ซึ่งเต่าและงูนี้แฝงไว้ด้วยความหมาย 4 ประการคือ 1. เต่าคือเท พอารักษ์ประจำทิศเหนือ อันเป็นสัญลักษณ์ซึ่งแสดงว่าท่าน ( เทพเสวียนเทียนสั้งตี้ ) เป็นเทพประจำทิศเหนือ
2. เต่าและงูเป็นสัญลักษณ์ของกลุ่มดาวฤกษ์ “ซวี” 《 虚 》และ “เวย” 《 危 》( กลุ่มดาวทั้ง 2 นี้เป็น 2 ใน 28 กลุ่มดาวฤกษ์ของดาราศาสตร์จีน ซึ่งตามหลักดาราศาสตร์อินเดียจะมีเพียง 27 กลุ่มเท่านั้น ) ตามความเชื่อของศาสนาเต๋ากลุ่มดาวทั้ง 2 คือเทพประเภทดุร้าย《 凶神 》อันจะทำร้ายบุคคลเมื่อเท พ 2 องค์นี้เข้าเสวยอายุในดวงชะตา ( ตามหลักโหราศาสตร์จีน ) การเหยียบเท พทั้ง 2 นี้ไว้แสดงถึงการขจัดภัยให้มวลมนุษย์
3. มีตำนานเล่าว่าเต่าและงูนั้นเดิมทีเป็นปีศาจต่อมาถูกเท พเสวียนเทียนสั้งตี้ปราบและมาเป็นบริวาณของท่านในที่สุด นัยหนึ่งนั้นโดยกล่าวว่าเต่านั้นคือโมหะ ( ความหลง ) ส่วนงูคือโลภะ ( ความโลภ ), โทสะ ( ความโกรธ ) และริษยา อันเป็นอกุศลธรรมที่จะต้องละตามการปฏิบัติธรรมสายของเ ทพปรมาจารย์เสวียนเทียนสั้งตี้
4. เชื่อกันว่าเต่าและงูเป็นสัญลักษณ์ของชนเผ่าโบราณที่นำโดย “อวี่” 《 禹 》( “อวี่”เป็นปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์เซี่ย《 夏朝 》เป็นผู้แก้ไขปัญหาอุทกภัยคนแรกของจีน รัชกาลของพระองค์อยู่ในช่วง 1597-1552 ปีก่อนพ.ศ. ศาสนาเต๋าสถาปนาท่านเป็นที่ “สุยกวนต้าตี้” 《 水官大帝 》 ถือเป็น 1 ใน 3 เทพ “ซันกวนต้าตี้” 《三官大帝》
เท พเสวียนเทียนสั้งตี้《 玄天上帝 》นั้นได้รับการยกย่องจากกษัตริย์ตั้งแต่สมัยราชวงศ์ซ่งเป็นต้นมา โดยในสมัยราชวงศ์ซ่งในปี “ไท้ผิงซิงกว๋อ” 《 太平兴国 》 ที่ 6 ( พ.ศ. 1524 ) สถาปนาท่านเป็นที่ “อี้เซิ่งเจียงจวิน” 《 翌盛将军 》ในปี “ต้าจงเสียงฝู” 《 大中祥符 》 ที่ 7 ( พ.ศ. 1557 ) สถาปนาเป็นที่ “อี้เซิ่งเป่าเต๋อเจินจวิน” 《 翌圣保德真君 》สมัยราชวงศ์เหยฺวียน ในปี “จื้อเจิ้ง” 《 至正 》ที่ 4 ( พ.ศ. 1887 ) สถาปนาเป็นที่ “เหยฺวียนเซิ่งเหรินเวยเสวียนเทียนต้าตี้” 《 元圣仁威玄天上帝 》แต่อย่างไรก็ตามการที่เทพเสวียนเทียนสั้งตี้《 玄天上帝 》จะได้การยกย่องว่าเป็นเทพสูงสุดนั้นเพิ่งจะมีมารัชสมัย “หย่งเล่อ” 《 永乐 》 แห่งราชวงศ์หมิง ( พ.ศ.1946-1968 )
เขาอู่ตังซาน《 武当山》( บู๊ตึ๊ง ) ถือกันว่าเป็นธรรมสถานของเ ทพเสวียนเทียนสั้งตี้《 玄天上帝 》ความเชื่อนี้มีมาตั้งแต่สมัยราชวงศ์ซ่งจนกระทั่งถึงสมัยราชวงศ์หมิง อู่ตังซานได้รับการอุปถัมภ์จากราชสำนักจนเป็นอารามของศาสนาเต๋าที่ใหญ่ที่สุดในประเทศจีน ฮ่องเต้ในสมัยราชวงศ์หมิงมีรับสั่งให้สร้างวิหารทอง《 金殿 》เพื่อเป็นที่สถิตของเ ทพเสวียนเทียนสั้งตี้ โดยสร้างจากทองแดงน้ำหนัก 20 ตันและทองคำ 300 กิโลกรัม โดยสร้างที่ปักกิ่งแล้วนำไปประดิษฐานที่ยอดเขาที่สูงที่สุดของเขาอู่ตัง ( อยู่ในมณฑลหูเป่ย ) วิหารทองดังกล่าวนั้นสูง 5. 54 เมตร กว้าง 4.4 เมตรและลึก 3.15 เมตร ซึ่งโดยธรรมชาติของสิ่งปลูกสร้างที่อยู่ในที่สูงนั้นโอกาสที่จะถูกฟ้าผ่านั้นมีสูงมาก ( ไม่ว่าจะสร้างจากวัสดุอะไรก็ตาม ) แต่ทว่าวิหารทองซึ่งสร้างจากทองแดงและทองคำ ( ซึ่งเป็นวัสดุล่อฟ้าอย่างดี ) กลับไม่เป็นเช่นนั้น เพราะเมื่อฟ้าผ่าลงมาแล้วสายฟ้าจะวนภายนอกวิหารแล้วสลายไปซึ่งนับเป็นเรื่องที่น่าอัศจรรย์มากที่มาเฮี่ยนเทียนส่งเต่ 玄天上帝