รูปเหมือนหล่อ หลวงพ่อพระใส วัดโพธิ์ชัย ปี 2537 สร้างศาลา พิมพ์เล็ก

รูปเหมือนหล่อ หลวงพ่อพระใส วัดโพธิ์ชัย ปี 2537 สร้างศาลา พิมพ์เล็ก
รูปเหมือนหล่อ หลวงพ่อพระใส วัดโพธิ์ชัย ปี 2537 สร้างศาลา พิมพ์เล็กรูปเหมือนหล่อ หลวงพ่อพระใส วัดโพธิ์ชัย ปี 2537 สร้างศาลา พิมพ์เล็กรูปเหมือนหล่อ หลวงพ่อพระใส วัดโพธิ์ชัย ปี 2537 สร้างศาลา พิมพ์เล็ก
รหัสสินค้า PCHSSCL3703
หมวดหมู่ 56.พระเครื่อง จังหวัด หนองคาย
ราคา 750.00 บาท
สถานะสินค้า พร้อมส่ง
ลงสินค้า 25 เม.ย. 2558
อัพเดทล่าสุด 8 ก.ค. 2568
จำนวน
องค์
หยิบลงตะกร้า
บัตรประชาชน
บุ๊คแบ๊งค์
คุ้มครองโดย LnwPay
หลวงพ่อพระใส วัดโพธิ์ชัย พระพุทธรูปล้านช้าง ศักดิ์สิทธิ์แห่งเมืองหนองคาย
ตำนาน ประวัติ
หลวงพ่อพระใส
วัดโพธิ์ชัย
อ.เมือง จ.หนองคาย

“อุกาสะ วันทามิ ภันเต เจติยัง สัพพัง สัพพัตถะ ฐาเน สุประติฏฐิตั้ง สารีริกธาตุง มะหาโพธิง พุทธะรูปัง สะกะลัง สะทา กายะสา วะจะสา มะนะสา เจวะ วันทาเมเต ตะถาคะเต สะยะเน อาสะเน ฐาเน คะมะเน จาปี สัพพะทา”


ข้าพเจ้าขอเคารพกราบไหว้บูชา ซึ่งพระบรมสารีริกธาตุ พระพุทธบาท พระเจดีย์ พระศรีมหาโพธิ์ พระพุทธรูป มีหลวงพ่อใส เป็นต้น

และพระพุทธสถานทั้งหลายที่ พระพุทธเจ้าทรงประทับ โปรดสัตว์โลก ไม่มีประมาณ ทั้งในมนุษย์ ในสวรรค์ แม้ตลอดพรหมโลก ด้วยเครื่องสักการบูชา มีดอกไม้ ธูปเทียน เครื่องสักการะ พร้อมกาย วาจา ใจ ด้วยคารวะอันยิ่ง เทอญ

หลวงพ่อพระใส เป็นพระพุทธรูป ที่ชาวเมืองหนองคายเชื่อกันว่า “ศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนัก” และมีประชาชนทั้งหลาย เข้ากราบสักการะเป็นจํานวนมาก

เช่นเดียวกัน ถ้าท่านผู้อ่านท่านใด เดินทางไปยังจังหวัดหนองคาย ซึ่งเป็นดินแดนฝั่งแม่น้ำโขงของไทยและฝั่ง

ตรงข้ามของนครเวียงจันทน์แล้ว มิได้แวะเข้าไปยัง วัดโพธิ์ชัย เพื่อกราบสักการะหลวงพ่อพระใสก็นับได้ว่า ยังไปไม่ถึงเมืองหนองคายที่แท้จริง


ดังนั้น เมื่อไปถึงเมืองหนองคาย ก็สมควรที่จะเข้ากราบไหว้บูชาหลวงพ่อพระใส พระพุทธรูปเก่าแก่คู่บ้านคู่เมือง

หลวงพ่อพระใส จากคําบอกเล่าของคนโบราณโดยอ้างถึงพระพุทธลักษณะ ได้ดังนี้


หลวงพ่อพระใส เป็นพระพุทธรูปขัดสมาธิราบ ปางมารวิชัย มีพระพุทธลักษณะงดงามมาก หล่อด้วยทองสีสุก หรือที่เราเรียกกันว่าทองลูกบวบ สีสดใส มีขนาดหน้าตักกว้าง 2 คืบ 8 นิ้ว สูงจากพระชงฆ์เบื้องล่างถึงยอดพระรัศมี (เกตุ) 4 คืบ 1 นิ้ว ปัจจุบันได้ประดิษฐานอยู่ ณ พระ อุโบสถวัดโพธิ์ชัย อําเภอเมือง จังหวัดหนองคาย

การหล่อมีประวัติน่าอัศจรรย์มาก ตามประวัติกล่าวไว้ว่า ประวัติการหล่อเชื่อแน่ว่าเป็น พระพุทธรูปหล่อสมัยล้านช้าง ในอดีตเมื่อครั้งอาณาจักรล้านช้างมีความเจริญรุ่งเรืองมากพระพุทธศาสนาในแคว้นล้านช้าง ก็เจริญรุ่งเรืองด้วยพระมหากษัตริย์ ทรงใฝ่พระทัยยิ่งต่อพระพุทธศาสนา (เราจักมองเห็นภาพความเจริญในอดีตได้จากการหล่อสร้าง ว่ามีความสวยสดงดงามเพียงใด)

อนึ่ง พระเจ้าบรมวงศ์เธอกรม พระยาดํารงเดชานุภาพ ทรงลงความเห็นไว้ในหนังสือตํานานพุทธเจดีย์ ว่า “พระพุทธรูปล้านช้างที่งดงามยิ่งกว่าองค์อื่นคือ พระเสริม อยู่ในวิหาร วัดปทุมวนาราม”


ดังนั้นจึงเชื่อได้อย่างแน่นอนว่า พระใสก็คือพระพุทธรูปในสมัยแคว้นล้านช้างที่กําลังเจริญรุ่งเรือง เพราะพระพุทธรูป 3 องค์ ซึ่งมี พระสุก พระเสริม พระใส นั้นหล่อในคราวเดียวกัน

ตํานานพระใส

จากประวัติโบราณแห่งวงศ์กษัตริย์แคว้นล้านช้าง พระเจ้าแผ่นดิน มีพระราชธิดาผู้เลอโฉมถึง 3 พระองค์ “พระราชธิดาทั้งสามพระองค์นั้น ก็ล้วนทรงเป็นเจ้าศรัทธาอันยึดมั่นต่อคุณงามความดีมาโดยตลอด โดยเฉพาะพระพุทธศาสนา พระธิดาทั้งสาม ในตํานานเพียงแต่กล่าวไว้โดยย่อว่า พระธิดาสุก คือพระพี่นางองค์ใหญ่ พระธิดาเสริม คือองค์กลาง และพระธิดาใส คือพระองค์น้องสุดท้อง

ความที่พระราชธิดาทั้งสามเป็นเจ้าศรัทธา เป็นที่รักของปวงประชาทั้งหลาย จึงทรงตั้งพระทัยว่า ควรสร้างพระพุทธรูปประจําองค์ไว้สักการบูชา จึงเสด็จไปขอพรจากพระบิดาและพระบิดาเห็นชอบจึงทรงประทานพร ทั้งยังให้ช่างหลวงหล่อพระพุทธรูป 3 องค์พร้อมๆ กัน


ในประวัติกล่าวไว้ว่า มีเทวดาคือมนุษย์ผู้ทรงศีลทรงธรรม นุ่งขาวห่มขาวมาช่วยทําการหล่อจึงสําเร็จ การหล่อต้องสูบเตาหลอมทอง ถึง 8 วัน จึงจะแล้วเสร็จ และเมื่อทําการหล่อเสร็จแล้วจึงขนานพระนาม ตามลําดับว่า

1. หลวงพ่อพระสุก (ประจํา องค์พี่ใหญ่)

2. หลวงพ่อพระเสริม (ประจํา องค์กลาง)

3. หลวงพ่อพระใส (ประจําองค์ สุดท้อง)

ลักษณะพิเศษของหลวงพ่อพระใส จะมีห่วงกลมๆ อยู่ 3 ห่วง สําหรับเป็นที่ร้อยเชือก ติดอยู่กับพระแท่นขนาดนิ้วมือลอดได้

ในประวัติศาสตร์แคว้นล้านช้าง ได้จารึกไว้ว่า “พระสุก พระเสริม และพระใส พระพุทธรูปสําคัญของสามพระธิดานี้ แต่เดิมได้ประดิษฐานอยู่ ณ นครสําคัญๆ มานานแค่ไหนก็ไม่ปรากฏแต่ที่ระบุไว้ก็คือ พระพุทธรูปทั้งสามองค์ได้มาประดิษฐาน ณ นครเวียงจันทน์เป็นเวลาช้านานแล้ว


ต่อมาพระเจ้าธรรมเทวงษ์ พระมหากษัตริย์แห่งนครเวียงจันทน์ ได้อัญเชิญไปประดิษฐานเสียที่เมืองเชียงคําหรือเมืองตุลาคม เพราะในกาลนั้นเมืองเวียงจันทน์เกิดกลียุค ชาวประชาเดือดร้อนวุ่นวายมาก

จากนั้นหลังจากเมืองเวียงจันทน์ เปลี่ยนแปลงเจ้าผู้ครองนคร จะเป็นยุคใดไม่ปรากฏหลักฐาน ซึ่งในครั้งนั้นได้มีการอัญเชิญพระพุทธรูปสําคัญทั้ง 3 องค์ มาประดิษฐ์เสียที่นครเวียงจันทน์ อีกครั้ง”

ครั้นในปีพ.ศ.2321 เมื่อรัชกาลของพระเจ้ากรุงธนบุรี ทรงครองราชได้ 10 ปี ก็เกิดสงคราม ขึ้นระหว่างกรุงธนบุรีกับกรุงศรีสัตนาคนหุต (เวียงจันทน์)

ครั้งนั้นพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก เสด็จดํารงพระยศเป็นสมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก ได้เป็นจอมพลยกทัพไปตีนครเวียงจันทน์ พระพุทธรูปทั้งสามพระองค์จึงถูกพาไปหลบซ่อนเสียในเมืองเชียงคําดังกล่าว นี่เป็นเหตุผลในการถูกย้ายหนี อยู่หลายครั้งหลายคราว ดังที่มีการจารึกไว้ในประวัติเมืองเวียงจันทน์
ข้อมูล108prageji

วิธีการชำระเงิน

ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) สาขาปตท.ถนนกาญจนาภิเษก 2 ออมทรัพย์

JEWELRY-ANTIQUE-AMULET

ระบบสมาชิก

สถิติร้านค้า

หน้าที่เข้าชม4,444,762 ครั้ง
ผู้ชมทั้งหมด3,381,060 ครั้ง
เปิดร้าน4 ก.พ. 2558
ร้านค้าอัพเดท5 ก.ย. 2568

ติดต่อเรา

ติดตามสินค้า

พูดคุย-สอบถาม