ปางสมาธิ ยุคศตวรรษที่ 19 - 20
เวียงเชียงรุ้งมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ของอาณาจักรล้านนา เคยเจริญรุ่งเรืองและเสื่อมไปหลายยุคหลายสมัย สันนิษฐานว่าเวียงเชียงรุ้ง คงจะทำหน้าที่เป็นเมืองเชื่อมต่อกับเมืองต่าง ๆ ทั้งภายในและภายนอกพื้นที่เช่นเดียวกัน เวียงเชียงรุ้งน่าจะเป็นพันนาหนึ่งเรียกว่า พันนาเชียงรุ้ง ซึ่งมีหลักฐาน ปรากฏในสมัยพระเจ้าติโลกราช เมื่อพระองค์ขึ้นครองราชย์ที่เมืองเชียงใหม่ ได้โปรดให้นายร้อยก้อนทองมาเป็นหมื่นขวาที่พันนาเชียงรุ้ง ดังความว่า
"...ในกาละเมื่อ พะญาผู้ชื่อท้าวติโลกะติลกสารราชาธิบดีสรีธรรมิกะจักะวัดติราชเจ้า เสวยในเมิงเนาวะชาติบุรีเชียงใหม่ใส่กูผู้ชื่อ ร้อยก้อนทองมาเป็นหมื่นขวาในพันนาเชียงรุ้ง..."
มีความเป็นไปได้ว่าพันนาเชียงรุ้งเพิ่งจะตั้งขึ้นในสมัยพระเจ้าติโลกราช เนื่องจากเมื่อตรวจสอบรายชื่อพันนาของเชียงแสน เชียงราย และพะเยาก็ไม่พบชื่อพันนาเชียงรุ้งอยู่ในรายชื่อพันนาของเมืองทั้งสามเช่นกัน
เวียงเชียงรุ้งค้นพบเมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2523 โดยปลัดอำเภอเวียงชัย นายโกเมศ ขุนศรี พร้อมกำนัน ผู้ใหญ่บ้านบ้านห้วยเคียน ชาวบ้านได้เดินตรวจงานโครงการสร้างงานในชนบท ได้พบที่ดินลักษณะเป็นเนินสูง มีซากปรักหักพังของวัตถุโบราณปรากฏอยู่ เช่นซากเจดีย์ พระพุทธรูปหิน กองอิฐ หิน โอ่ง ไห ถ้วยชาม เสาหินและใบเสมา และกรมศิลปากรได้ขึ้นทะเบียนเป็นเขตอนุรักษ์ไว้ทั้งหมด 508 ไร่ เป็นวนอุทยานประวัติศาสตร์เวียงเชียงรุ้ง ได้มีการสร้างวัด สิ่งปลูกสร้าง และยกฐานะจากวัดร้างเป็นวัดที่มีพระสงฆ์ใช้ชื่อว่า วัดเวียงเชียงรุ้ง บนพื้นที่ 50 ไร่ เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2538
พระเชียงรุ้ง เป็นพระพุทธรูปศิลปะลานช้าง ซึ่งนับเข้าในพระพุทธรูปยุค 7 เชียง ได้แก่ เชียงแสน เชียงรุ้ง เชียงใหม่ เชียงราย เชียงของ เชียงตุง เชียงดาว เชียงขาง (หลวงพระบาง)
การสร้างพระชัยเชียงรุ้ง พระชัยหลังช้าง พระชัยยอดธง กล่าวไว้ในตำราว่า ผู้ใดได้สร้างพระชัยเชียงรุ้งไว้สักการบูชา ผู้นั้นจะมีชัยชนะแก่อริราชศัตรู หมู่มาร พ้นจากภัยพิบัติทั้งปวง เป็นผู้ทรงอำนาจราชศักดิ์ มั่งคั่งด้วยทรัพย์สินเงินทอง เกือ้หนุนวงศ์ตระกูลให้สูงยิ่งๆขึ้นไป ด้วยเหตุนี้โบราณกาล เชื้อพระวงศ์ต่างๆรวมทั้งชาวบ้านทั่วไป จึงนิยมสร้างพระชัยเชียงรุ้งไว้สักการบูชาเป็นพระประจำตระกูล