กวนอู (เสียชีวิต เดือนมกราคมหรือกุมภาพันธ์ ค.ศ. 220) มีชื่อในภาษาจีนกลางว่า กวน ยฺหวี่ (จีน: 關羽; พินอิน: Guān Yǔ) มีชื่อรองว่า หุนเตี๋ยง หรือในภาษาจีนกลางว่า ยฺหวินฉาง (จีน: 雲長; พินอิน: Yúncháng) เป็นขุนพลของขุนศึกเล่าปี่ในช่วงปลายราชวงศ์ฮั่นตะวันออกของจีน กวนอูมีความสัมพันธ์ฉันพี่น้องกับเล่าปี่รวมถึงเตียวหุยและติดตามเล่าปี่ตลอดช่วงเริ่มตั้งตัว กวนอูมีบทบาทสำคัญในเหตุการณ์ที่นำไปสู่ยุคสิ้นราชวงศ์ฮั่นและการสถาปนารัฐจ๊กก๊กของเล่าปี่ในยุคสามก๊ก กวนอูมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักจากการตอบแทนบุญคุณของโจโฉด้วยการสังหารงันเหลียงขุนพลของอ้วนเสี้ยวข้าศึกของโจโฉในยุทธการที่แปะแบ๊โดยที่ตัวกวนอูยังคงภักดีต่อเล่าปี่ หลังจากเล่าปี่ยึดได้แคว้นเอ๊กจิ๋วในปี ค.ศ. 214 กวนอูยังคงอยู่ที่แคว้นเกงจิ๋วเพื่อปกครองและป้องพื้นพื้นที่เป็นเวลาประมาณเจ็ดปี ในปี ค.ศ. 219 ระหว่างที่กวนอูนำทัพไปรบกับกองกำลังของโจโฉในยุทธการที่อ้วนเสีย ซุนกวนพันธมิตรของเล่าปี่ได้ทำลายความเป็นพันธมิตรซุน-เล่าแล้วส่งขุนพลลิบองเข้ายึดครองอาณาเขตของเล่าปี่ในแคว้นเกงจิ๋ว กว่าที่กวนอูซึ่งพ่ายแพ้ในการรบที่อ้วนเสียจะทราบข่าวการเสียแคว้นเกงจิ๋วก็สายเกินแก้ ภายหลังกวนอูถูกกองกำลังของซุนกวนซุ่มจับตัวได้และถูกประหารชีวิต
หลักฐานทางประวัติศาสตร์เกี่ยวกับชีวประวัติของกวนอูที่เชื่อถือได้คือ จดหมายเหตุสามก๊ก (ซันกั๋วจื้อ) เขียนโดยตันซิ่วในศตวรรษที่ 3 ครั้นศตวรรษที่ 5 เผย์ ซงจือได้เพิ่มอรรถาธิบายให้กับจดหมายเหตุสามก๊ก โดยได้รวบรวมข้อมูลจากหลักฐานอื่น ๆ เพิ่มเติมให้กับงานต้นฉบับของตันซิ่ว และได้เพิ่มความคิดเห็นส่วนตัวไปด้วย บันทึกส่วนหนึ่งที่ใช้ในการเพิ่มอรรถาธิบายให้กับชีวประวัติของกวนอู ได้แก่ ฉู่จี้ (จดหมายเหตุจ๊กก๊ก) โดยหวัง อิ่น; เว่ย์ชู (จดหมายเหตุวุยก๊ก) โดยหวัง เฉิน, สฺวิน อี่ และ หร่วน จี๋; เจียงเปี่ยวจฺวั้น โดย ยฺหวี ผู่; ฟู่จื่อ โดย ฟู่ เสฺวียน; เตี่ยนเลฺว่ โดย ยฺหวี ฮฺว่าน; อู๋ลี่ (ประวัติศาสตร์ง่อก๊ก) โดย หู ชง; และ หฺวาหยางกั๋วจื้อ โดย ฉาง ฉฺวี
ในบันทึกทางประวัติศาสตร์ไม่มีข้อความที่บรรยายลักษณะภายนอกของกวนอูอย่างแน่ชัด แต่ในจดหมายเหตุสามก๊กได้บันทึกไว้ว่า ครั้งหนึ่งจูกัดเหลียงได้กล่าวถึงกวนอูว่ามี "เคราที่มิมีผู้ใดเทียบ"
ตามความเชื่อดั้งเดิม กวนอูถูกบรรยายลักษณะว่าเป็นนักรบใบหน้าแดงที่มีเคราดกยาว แนวคิดเรื่องหน้าแดงนี้มาจากคำบรรยายลักษณะของกวนอูในตอนที่ 1 ของนิยายอิงประวัติศาสตร์เรื่อง สามก๊ก ซึ่งประพันธ์ในศตวรรษที่ 14 ตามเนื้อความต่อไปนี้:
"เหี้ยนเต๊ก (เล่าปี่) มองไปที่บุรุษนั้นผู้มีสูงเก้าฉื่อ และมีเครายาวสองฉื่อ ใบหน้ามีสีเหมือนผลพุทราสุก ริมฝีปากแดงและอวบอิ่ม ดวงตาเหมือนกับหงส์แดง คิ้วคล้ายหนอนไหม มีท่าทางสง่างามองอาจ"
ยุทธการอันโด่งดังที่แปะแบ๊ (白馬 )
อ้วนเสี้ยวให้ขุนพลงันเหลียงนำทหารเข้าโจมตีกองทหารรักษาการณ์ของโจโฉที่แปะแบ๊ (白馬 ปั๋วหม่า; ปัจจุบันอยู่บริเวณใกล้กับอำเภอหฺวา มณฑลเหอหนาน) ซึ่งป้องกันโดยเล่าเอี๋ยน (劉延 หลิว เหยียน) โจโฉให้เตียวเลี้ยวและกวนอูนำทหารกองหน้าไปรบกับข้าศึก ระหว่างการรบกวนอูจำสัปทนของงันเหลียงได้จึงมุ่งตรงไปหางันเหลียง ตัดศีรษะงันเหลียงได้แล้วหิ้วศีรษะนั้นกลับมา ทหารของงันเหลียงไม่สามารถต้านทานกวนอูไว้ได้ การล้อมที่แปะแบ๊จึงคลี่คลายไป โจโฉถวายคำแนะนำให้พระเจ้าเหี้ยนเต้พระราชทานบรรดาศักดิ์ให้กวนอูเป็น "หั้นสือแต่งเฮา " (漢壽亭侯 ฮั่นโซ่วถิงโหฺว)
ยุทธการที่ผาแดง
เล่าเปียวเสียชีวิตในปี ค.ศ. 208 เล่าจ๋องบุตรชายคนเล็กของเล่าเปียวสืบทอดตำแหน่งแทนและต่อมาก็ยอมจำนนมอบแคว้นเกงจิ๋วให้โจโฉเมื่อโจโฉเริ่มการทำศึกเพื่อปราบปรามกองกำลังฝ่ายตรงข้ามทางตอนใต้ของจีน เล่าปี่พร้อมด้วยผู้ติดตามอพยพจากซินเอี๋ยมุ่งไปยังแฮเค้า (夏口 เซี่ยโข่ว; ปัจจุบันคือเมืองอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ย์) ซึ่งรักษาป้องกันโดยเล่ากี๋บุตรชายคนโตของเล่าเปียวและเป็นอิสระจากความควบคุมของโจโฉ ในการเดินทางครั้งนั้นเล่าปี่ได้แบ่งคนของตนออกเป็นสองกลุ่ม กลุ่มหนึ่งนำโดยกวนอูให้แล่นเรือไปตามแม่น้ำมุ่งไปยังกังเหลง (江陵 เจียงหลิง; ปัจจุบันคือเมืองจิงโจว มณฑลหูเป่ย์) อีกกลุ่มนำโดยตัวเล่าปี่เองเดินทางไปทางบก ทหารส่งทหารม้าฝีมือดี 5,000 นายให้ไล่ตามกลุ่มของเล่าปี่และไล่ตามทันทีเตียงปัน (長坂 ฉางป่าน; ปัจจุบันคือเมืองตางหยาง มณฑลหูเป่ย์) แล้วเกิดยุทธการที่สะพานเตียงปันเกี้ยวขึ้น เล่าปี่และผู้ติดตามที่เหลือหนีกองกำลังของโจโฉจนมาถึงท่าน้ำฮันจิ๋น (漢津 ฮั่นจิน) ที่ซึ่งกลุ่มของกวนอูได้ช่วยพาทั้งหมดขึ้นเรือแล้วแล่นไปแฮเค้าด้วยกัน
ในปี ค.ศ. 208 เล่าปี่เป็นพันธมิตรกับซุนกวนและเอาชนะโจโฉได้อย่างแตกหักในยุทธการที่ผาแดง โจโฉถอยหนีขึ้นทางเหนือหลังการพ่ายแพ้และมอบหมายให้โจหยินอยู่ป้องกันแคว้นเกงจิ๋ว ในระหว่างยุทธการที่กังเหลง กวนอูได้รับมอบหมายให้แทรกซึมไปสกัดเส้นทางลำเลียงเสบียงของโจหยิน กวนอูจึงนำกองกำลังพิเศษเข้าโจมตีเมืองซงหยงที่มีงักจิ้นขุนพลของโจโฉเป็นผู้รักษา งักจิ้นเอาชนะกวนอูและซู เฟย์ (蘇非) ให้ล่าถอยไปได้[ซันกั๋วจื้อ อื่น ๆ 6] หลังเล่าปี่ยึดครองได้หลายเมืองของแคว้นเกงจิ๋วใต้ เล่าปี่ได้แต่งตั้งให้กวนอูเป็นเจ้าเมือง (太守 ไท่โฉ่ว) ของเมืองซงหยงและเป็นขุนพลปราบโจร (盪寇將軍 ต้างโค่วเจียงจฺวิน) และมอบหมายให้กวนอูไปตั้งกองกำลังที่ทางฝั่งเหนือของแม่น้ำแยงซี
ภายหลังกวนอูรบกับงักจิ้นและบุนเพ่งที่สฺวินโข่ว (尋口) และพ่ายแพ้ บุนเพ่งโจมตีคลังแสงและคลังเสบียงของกวนอูที่ท่าน้ำฮันจิ๋น (漢津 ฮั่นจิน) และเผาเรือของกวนอูที่จิงเฉิง (荊城)
เสียชีวิต
ขณะที่กวนอูถอยทัพจากเมืองอ้วนเสีย กองกำลังของซุนกวนได้เข้ายึดเมืองกังเหลง (江陵 เจียงหลิง; ปัจจุบันคืออำเภอเจียงหลิง มณฑลหูเป่ย์) และจับตัวครอบครัวของทหารกวนอูไว้ ลิบองถ่ายทอดคำสั่งให้ทหารปฏิบัติต่อราษฎรเป็นอย่างดีและให้อยู่ในความสงบปลอดภัย ทหารส่วนใหญ่ของกวนอูหมดกำลังใจรบจึงหนีทหารแล้วกลับไปเกงจิ๋วเพื่อกลับไปหาครอบครัว กวนอูรู้ว่าตนโดดเดี่ยวจึงถอยไปเมืองเป๊กเสีย (麥城 ไม่เฉิง; ปัจจุบันคือหมู่บ้านไม่เฉิง เขตเหลียงเหอ เมืองตางหยาง มณฑลหูเป่ย์) และมุ่งทางตะวันตกไปตำบลจางเซียง (漳鄉) ที่นั่นทหารที่เหลืออยู่ของกวนอูได้ทอดทิ้งกวนอูไปสวามิภักดิ์ต่อข้าศึก ซุนกวนส่งจูเหียนและพัวเจี้ยงไปสกัดทางถอยของกวนอู กวนอูพร้อมด้วยกวนเป๋งบุตรชายและเตียวลุย (趙累 จาง เล่ย์) ผู้ใต้บังคับบัญชาถูกซุ่มจับเป็นโดยม้าต๋ง (馬忠 หม่า จง) รองขุนพลของพัวเจี้ยง ภายหลังกวนอูและกวนเป๋งถูกประหารชีวิตในช่วงต้นปี ค.ศ. 220 โดยกองกำลังของซุนกวนนำโดยพัวเจี้ยงในหลินจฺหวี่ (臨沮; ปัจจุบันคืออำเภอหนานจาง มณฑลหูเป่ย์)
เกียรติยศหลังมรณกรรม
ซุนกวนส่งศีรษะของกวนอูไปให้โจโฉ โจโฉจัดพิธีศพให้กวนอูเทียบเท่าขุนนางผู้ใหญ่ และให้ฝังศีรษะของกวนอูตามธรรมเนียมโดยให้เกียรติสูงสุด ในเดือนตุลาคมหรือพฤศจิกายน พ.ศ. 260 เล่าเสี้ยนพระราชทานสมัญญานามให้กวนอูเป็น "จฺวั้งโหมวโหฺว" (壯繆侯) ตามหลักการตั้งสมัญญานามใน อี้โจวชู "จฺวั้งโหมว" มีความหมายถึงบุคคลผู้ผิดพลาดในการดำรงชีวิตตามชื่อเสียงแห่งตน
บทสรุป กาวนอู มีความซื่อสัตย์ คุณธรรม กตัญญูรู้คุณ หยิ่งทรนง และกล้าหาญ ผู้คนต่างสรรเสริญและนับถือกวนอูเป็นอย่างยิ่ง จึงพากันกราบไหว้และยกเป็นเทพเจ้า ยังมีอีกบางตำนานกล่าวว่า เทพเจ้ากวนอูก็คือเง็กเซียนฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน บางตำนาน ก็ว่า เป็นไฉ่ซิงเอี๊ย เป็นเปาบุ้นจิ้น เป็นยมบาล ท้าวเวสสุวรรณก็เรียก จากวันเวลาในยุค 3 ก๊กผ่านมา 1800 ปี กวนอูผ่านกาลเวลาเกิดดับเป็นเทพนับไม่ถ้วน อ่านแล้วลองพิจารณากันตามศรัทธากันเถิด