ประวัติ “พระแม่ลักษมี”
ตามตำนานของศาสนาพราหมณ์-ฮินดูเชื่อว่า “พระแม่ลักษมี” (Lakshmi) มีกำเนิดจากฟองน้ำ ในคราวที่เหล่าเทวดาและอสูรกวนเกษียรสมุทรเพื่อทำน้ำอมฤต โดยขณะที่ผุดขึ้นมานั้นทรงประทับนั่งในดอกบัวและพระหัตถ์ถือดอกบัวด้วย จึงมีอีกพระนามว่า “ปัทมา” หรือ “กมลา”
แต่ด้วยขณะที่กวนเกษียรสมุทรนั้น ได้เกิดของวิเศษผุดขึ้นมาตามลำดับ ได้แก่ พิษ เพชร พระแม่ลักษมี จันทรา ช้าง ม้า วัว และกระบือ ซึ่งจะเห็นได้ว่าพระแม่ลักษมีทรงนำเพชรขึ้นมาก่อน ตามความเชื่อของศาสนาฮินดูจึงเชื่อกันว่าพระองค์ยังเป็นเทวีแห่งความอุดมสมบูรณ์ และโชคลาภ
พระแม่จะประทานทรัพย์สินเงินทอง ความมั่งคั่งร่ำรวย และความสำเร็จในการทำมาค้าขาย เการจรจาต่อรอง และการประกอบธุรกิจให้แก่ผู้บูชาและประกอบความดีอยู่เป็นนิจ
นอกจากนี้พระแม่ลักษมี เป็นพระชายาคู่บารมีของพระวิษณุ ไม่ว่าพระองค์จะอวตารไปอยู่ในปางไหน พระแม่ก็จะอวตารไปเป็นชายาของพระองค์เสมอ เช่น อวตารไปเป็นพระนางสีดาคู่กับพระราม อวตารไปเป็นพระนางรุกมิณี หรือพระนางธาราเทวี คู่กับพระกฤษณะ เป็นต้น ด้วยความรักอันมั่นคงของทั้ง 2 พระองค์ จึงทำให้ผู้คนนิยมมาขอพรในเรื่องของความรัก ชีวิตคู่ ชีวิตครอบครัว อีกด้วย
เทวีแห่งความงามของศาสนาพราหมณ์-ฮินดู
ตามคติความเชื่อของชาวอินเดียกล่าวกันว่า พระแม่ลักษมีทรงเป็นเทวีแห่งความงาม และทรงงามเลิศกว่าเทวนารีใด โดยรัศมีแห่งองค์พระแม่ สุกปลั่งเป็นประกายอย่างสายฟ้าแลบ และกลิ่นหอมจากพระวรกายนั้น ประหนึ่งกลิ่นดอกบัว หอมจรุงไปไกลถึงหลายร้อยโยชน์
นอกจากนี้สิ่งที่พระแม่ลักษมีทรงถืออยู่ที่เห็นกันบ่อยที่สุด คือ “ดอกบัว” ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ประจำพระองค์ และมักจะถือไว้ 2 ดอก หรือไม่ก็ทรงถือ “หม้อน้ำ” พระหัตถ์หนึ่ง อีก พระหัตถ์หนึ่งหงายลงสู่พื้น “มีเหรียญทองโปรยปราย” ลงจากใจกลางพระหัตถ์ หรือไม่ก็เทออกมาจากในหม้อ เป็นสัญลักษณ์ของเทวีแห่งโชคลาภและความร่ำรวย บางครั้งก็ทรงอาวุธบ้าง เช่น “จักร” อันบ่งความหมายถึงพระวิษณุเทพนั่นเอง
ส่วนพาหนะขององค์พระแม่ลักษมี คือ “ช้าง” เพราะคนอินเดียถือว่า ช้าง เป็นสัญลักษณ์แห่งบุญญาธิการ พลังอำนาจ และความมั่งคั่ง ดังกำเนิดพระลักษมีที่มีช้างโปรยน้ำถวาย
กำเนิด “พระแม่ลักษมี” จุดเริ่มต้นหญิงสู่ขอชาย
อย่างไรก็ตามด้วยความที่พระแม่งามเลิศกว่าเทวนารีใด ทำให้มีเทพเจ้าและอสูรมากมายที่หมายปอง จนองค์พระพรหมต้องเสด็จมารับและให้นางเลือกคู่ ครองเอง จนพระนางเลือกพระวิษณุเป็นเทพสวามี ตรงนี้เองเป็นที่มาของพิธีวิวาห์แบบหนึ่งที่หญิงต้องไปสู่ขอผู้ชายจากผู้ใหญ่ฝ่ายชาย หรือเป็นผู้เลือกฝ่ายชายเป็นสามีเองที่เรียกกันว่า “สยุมพร”
อย่างไรก็ตามประเพณีนอกจากจะพบในอินเดียแล้ว ยังคงพบในบางจังหวัดของประเทศไทย อย่างจังหวัดแพร่แถบอำเภอสอง ก็ยังมีประเพณีทำนองนี้ให้พบเห็นอยู่
พระพิฆเนศ เป็นพระโอรสของ พระศิวะ และ พระปารวตี มีพระวรกายเป็นมนุษย์ มีพระเศียรเป็นช้าง ทุกคนเคารพนับถือพระองค์ในฐานะที่ทรงเป็น “วิฆเนศ” นั่นคือ เจ้า (อิศ) แห่งอุปสรรค (วิฆณ) เพราะเจ้าแห่งอุปสรรคสามารถปลดปล่อยอุปสรรคได้ และยังหมายถึงทรงเป็นเทพแห่งความสำเร็จในทุกศาสตร์สรรพสิ่งหรือเทพแห่งการเริ่มต้นใหม่ทั้งปวง เมื่อพิจารณาความหมายในทางสัญญะ พระวรกายที่อ้วนพีนั้นหมายถึงความอุดมสมบูรณ์ พระเศียรที่เป็นช้างหมายถึงทรงมีปัญญามาก พระเนตรที่เล็กคือสามารถมองแยกแยะสิ่งถูกผิด พระกรรณและพระนาสิกที่ใหญ่หมายถึงทรงมีสัมผัสพิจารณาที่ดีเลิศ พระพิฆเนศทรงมีหนูเป็นพระสหาย (บางก็ว่าเป็นพระพาหนะ) ซึ่งอาจเปรียบได้กับความคิดที่พุ่งพล่าน รวดเร็ว ดังนั้นมนุษย์จึงต้องมีปัญญากำกับเป็นดั่งเจ้านายในใจตน
ข้อมูลpptv