เหรียญ ครูบาอานนท์ อาทิตฺตธมฺโม วัดท่ากระดาษ จ.เชียงใหม่ หลวงพ่อพุทธจักรลานนาไทย เนื้อทองแดงกะหลั่ยเงิน ขนาด 2 cm. สูง 3 cm.

เหรียญ ครูบาอานนท์ อาทิตฺตธมฺโม วัดท่ากระดาษ จ.เชียงใหม่ หลวงพ่อพุทธจักรลานนาไทย เนื้อทองแดงกะหลั่ยเงิน ขนาด 2 cm. สูง 3 cm.
เหรียญ ครูบาอานนท์ อาทิตฺตธมฺโม วัดท่ากระดาษ จ.เชียงใหม่ หลวงพ่อพุทธจักรลานนาไทย เนื้อทองแดงกะหลั่ยเงิน ขนาด 2 cm. สูง 3 cm.เหรียญ ครูบาอานนท์ อาทิตฺตธมฺโม วัดท่ากระดาษ จ.เชียงใหม่ หลวงพ่อพุทธจักรลานนาไทย เนื้อทองแดงกะหลั่ยเงิน ขนาด 2 cm. สูง 3 cm.
รหัสสินค้า TAKD01
หมวดหมู่ 35. พระเครื่อง จังหวัด เชียงใหม่
ราคา 850.00 บาท
สถานะสินค้า พร้อมส่ง
ลงสินค้า 28 มิ.ย. 2565
อัพเดทล่าสุด 17 ต.ค. 2568
จำนวน
เหรียญ
หยิบลงตะกร้า
บัตรประชาชน
บุ๊คแบ๊งค์
คุ้มครองโดย LnwPay
วัดท่ากระดาษ ตำบลฟ้าฮ่าม อำเภอเมืองเชียงใหม่
วัดท่ากระดาษ ตำบลฟ้าฮ่าม อำเภอเมืองเชียงใหม่ 38 ถนนฟ้าฮ่าม ตำบลฟ้าฮ่าม อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ 50100 โทรศัพท์:053-247-393 สร้างเมื่อปี พ.ศ. 1934

ประวัติความเป็นมาของวัดท่ากระดาษซึ่งกล่าวไว้ในตำนานเล่าสืบกันมาว่า เมื่อพระเจ้ากือนาธรรมิกราช กษัตริย์องค์ที่ 8 แห่งราชวงศ์มังราย ผู้ครองเมืองเชียงใหม่ เสด็จสวรรคตในปี พ.ศ. 1943 (จุลศักราช 762 ปีชวด โทศก) บรรดาขุนนาง ข้าราชการและไพร่บ้านพลเมือง ได้อัญเชิญพ่อท้าวแสนเมืองมา ผู้เป็นพระราชโอรสขึ้นเสวยราชย์สืบต่อมา ก่อนที่จะมีพิธีราชาภิเษกขึ้นนั้น เจ้าท้ามหาพรหมผู้เป็นพระเจ้าอาว์ซึ่งครองเมืองเชียงราย คิดการกบฏยกกองทัพจากเมืองเชียงรายมาแย่งชิงราชสมบัติจากพระองค์ แต่ถูกกองทัพเชียงใหม่ภายใต้การนำของขุนพลแสนผานองโจมตีจนพ่ายและหนีไปอาศัยอยู่ที่เมืองวชิรปราการ (กำแพงเพชร) ต่อมาเจ้าท้าวมหาพรหม เกิดเรื่องกินใจกับเจ้าเมืองกำแพงเพชร จึงได้อพยพกลับมาเชียงใหม่ และขอพระราชทานอภัยโทษ พระเจ้าแสนเมืองมาก็โปรดพระราชทานอภัย แล้วให้ไปครองเมืองเชียงรายตามเดิม ในการกลับจากกำแพงเพชรครั้งนั้น เจ้าท้าวมหาพรหมอัญเชิญพระพุทธสิหิงค์ มาถวายพระเจ้าแสนเมืองมาด้วย พระพุทธสิหิงค์นั้น ตำนานสิงหนปฏิมา และชินกาลมาลีปกรณ์ กล่าวว่า สร้างที่เมืองอนุราชสิงหน ประเทศศรีลังกา และพ่อขุนรามคำแหงเป็นผู้แต่งราชทูตไปขอ พระเจ้าแสนเมืองมานำพระพุทธสิหิงค์องค์นี้ไปประดิษฐาน ณ วัดเชียงพระ (วัดพระสิงห์) ต่อมาเจ้าท้าวมหาพรหม ได้ยืมพระพุทธสิหิงค์ไปเป็นแม่พิมพ์หล่อจำลอง ณ เมืองเชียงราย เมื่อจำลองสำเร็จแล้ว ได้อัญเชิญลงเรือกลับเชียงใหม่ทางลำน้ำ และมาขึ้นท่าที่สบฝางกุสะนคร (เมืองฝาง)แล้วอัญเชิญประดิษฐาน บนหลังช้างเดินทางต่อมาถึงเชียงดาว จากนั้น อัญเชิญลงเรือพายมาตามลำน้ำแม่ระมิงค์ (แม่น้ำปิง) มาถึงเชียงใหม่ ที่ท่าน้ำเหนือท่าเจดีย์งาม (หน้าเทศบาลนครเชียงใหม่ปัจจุบัน) ต่อมาท่าน้ำที่นำพระพุทธสิหิงค์ขึ้น ได้ชื่อว่า ท่าวังสิงห์คำ ขณะที่นำพระพุทธสิหิงค์มาถึงนั้นได้เกิดปาฏิหาริย์ขึ้นคือ ท้องฟ้าที่สว่างไสวกลับมืดครึ้มลงทันทีทันใด และแสงรัศมีจากองค์พระพุทะสิหิงค์พวยพุ่งไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือเป็นลำแสงสีทองอร่ามตา มีความยาวประมาณสองพันวา ซึ่งต่อมาพระเจ้าแสนเมืองมาโปรดให้สร้างวัดขึ้น ณ ตำบลที่แสงรัศมีอันงดงามอร่ามตาของพระพุทธสิหิงค์ทอดไปถึง และตั้งชื่อวัดนั้นว่า วัดฟ้าฮ่าม (ฮ่าม แปลว่า อร่าม) ตำนานกล่าวต่อไปว่า เมื่อรัศมีอันอร่ามตาของพระพุทธสิหิงค์สิ้นสุดลง ณ วัดฟ้าฮ่าม ประกายของรัศมีซึ่งทอดลงบริเวณ วัดท่าพลู (วัดท่าปู) และ บ้านท่าพลู (บ้านท่าปู) ทำให้บริเวณดังกล่าวกลายเป็นสีเหลืองอ่อนโดยทั่ว กระทั่งใบพลูที่ชาวบ้านปลูกกันไว้ทุกครัวเรือนก็กลับกลายสีไปด้วยคือ จากสีเขียวเป็นสีเหลืองเรื่อเรืองคล้ายพลูคำ (ใบพลูทอง) อย่างน่าอัศจรรย์ แต่นั้นมาชาวบ้านจึงเรียยกว่าวัดท่าพลู เป็น วัดท่าพลูเหลือง กาลต่อมากระแสน้ำปิงได้เปลี่ยนทางเดิน ทำให้สายน้ำไหลมาเซาะฝั่งทลายลง กระทั่งใกล้เขตวัดท่าพลูเหลือง ทุกขณะ ชาวบ้านเห็นว่าจะเกิดความเสียหายและเป็นอันตราย จึงพร้อมใจกันย้ายวัดไปตั้งทางทิศตะวันออก ห่างจากที่เดิมปราณ 1 กิโลเมตร ปัจจุบันสถานที่ตั้งเดิมของวัดท่าพลูเหลือง เป็นสวนลำไย โดยยังคงเหลือซากอิฐ และแนวกำแพงวัด ให้เห็นอยู่เป็นบางส่วน หลังจากย้ายวัดไปตั้งอยู่ที่ใหม่แล้ว ชาวบ้านยังคงใช้ประโยชน์ของท่าน้ำแห่งนั้นร่วมกัน พ่อค้าเรือแพหลายเผ่าพันธุ์ที่ล่องแพมาจะจอดแพเพื่อขนถ่ายสินค้าเป็นประจำ ต่อมามีการผลิตกระดาษสาในบริเวณ ท่าพลูเหลือง ชาวบ้านจึงเรียก ท่าพลูเหลือง เป็นท่ากระดาษ ทั้งนี้คงจะหมายถึงบริเวณว่าบริเวณนั้นมีการทำกระดาษสานั่นเอง วัดท่าพลูเหลือง จึงได้รับการขนานนามว่า วัดท่ากระดาษ ตามไปด้วย

จากประวัติความเป็นมา วัดท่ากระดาษสร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าแสนเมืองมา ไม่ปรากฏชื่อผู้สร้าง แต่เดิมชื่อว่า ?วัดท่าพลูเหลือง? ต่อมาเปลี่ยนเป็น ?วัดท่ากระดาษ? ตามอาชีพการทำกระดาษสาของชาวบ้านในละแวกนี้ แต่ทว่าในปัจจุบันไม่มีผู้ประกอบอาชีพทำกระดาษสาในชุมชนบริเวณนี้แล้ว

ในส่วนสิ่งที่น่าสนใจในวัด อย่างแรก คือพระวิหารสถาปัตยกรรมล้านนา เป็นอาคารก่ออิฐถือปูน หน้าบันแบ่งออกเป็นช่องตามลักษณะโครงสร้างม้าต่างไหม คล้ายกับฝาประกนของบ้านภาคกลาง แต่ละช่องประดับด้วยลายปูนปั้นรูปดอกบัวบนเกลียวคลื่น แต่งด้วยกระจกสี และมีสองช่องที่เป็นรูปงู ส่วนที่บันไดตรงราวด้านหน้า เป็นมกรคายนาคสามเศียร และราวบันไดด้านข้างพระวิหารเป็นรูปเสือมีหางเป็นพญานาค

ทั้งนี้ ภายในพระวิหารประดิษฐานพระพุทธรูปปางมารวิชัย (พระเจ้าทันใจ) ซึ่งได้ทราบจากท่านเจ้าอาวาสท่านปัจจุบันว่า พระพูทธรูปเป็นพระคู่วัด ซึ่งได้ปิดทองทับอีกชั้น ตอนสร้างวิหารหลังใหม่ โดยใบหน้าของพระพุทธรูป ได้มาจากเค้าโครงใบหน้าสาวงามในตำบล เพราะมีความเชื่อว่า ?พระงาม คนก็งามด้วย? ส่วนบริเวณฝาผนังเป็นงานจิตรกรรมฝาผนังฝีมือช่างไทลื้อที่หาชมได้ยาก เป็นลวดลายที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ในจังหวัดเชียงใหม่ โดยภาพจิตกรรมฝาผนังนั้น ได้นำเรื่องราว นิทานชาดก ?เรื่อง เจ้าบุญหลง? มาถ่ายทอดเป็นภาพวาด
วรรรกรรมชาดกเรื่อง เจ้าบุญหลง มีความแพร่หลายในหมุ่ของชาวล้านนาไทลื้อ ไทเขิน ในฐานะธรรมเทศนาที่วัดต่างๆ ใช้เทศนาเพื่อสั่งสอนคุณธรรมจริยธรรมให้แก่ชาวบ้านมาแต่โบราณกาล โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่ออาจารย์อนาโตล โรเจอร์เป็ลติเยร์ ผู้เชี่ยวชาญวรรณกรรมไทเขินได้ปริวรรตธรรมชาดก เจ้าบุญหลง จากฉบับ ไทเขินมาเป็นภาษาไทย ฝรั่งเศส อักฤษ และถวายเป็นธรรมทางให้แก่วัดต่างๆ

เจ้าบุญหลงเป็นโอรสองค์ที่สองของพระเจ้าพรหมทัต กับพระนางประทุมมา กษัตริย์แห่งเมืองพาราณสี ส่วนโอรสองค์โตชื่อเจ้าพรหมปั้น เมื่อโตเป็นหนุ่ม เจ้าชายทั้งสององค์ชอบออกไปล่าสัตว์เป็นประจำ จึงเป็นเหตุให้ถูกขับไล่ออกจากบ้านเมืองในที่สุด เจ้าพรหมปั้นกับเจ้าบุญหลงได้พากันเดินทางมาถึงเมืองผาหง และพลัดพรากจากกันไป อยู่มาวันหนึ่ง เจ้าบุญหลงได้กินเนื้อนกยูงทอง ทำให้เวลาพูดจามีเงินทองไหลออกมาจากปากด้วย เมื่อเศรษฐีผู้หนึ่งเห็นเช่นนั้นจึงจับตัวเจ้าบุญหลงขังไว้ และในเวลาต่อมาจึงยกลูกสาวให้เป็นคู่ครอง เจ้าบุญหลงจึงได้อาศัยอยู่ในเมืองผาหงแห่งนั้น

ฝ่ายเจ้าพรหมปั้นได้เดินทางมาอาศัยอยู่ในเมืองปํญจล ครั้นเมื่อพระยาเจ้าเมืองสวรรคตจึงได้ขึ้นครองราชย์สืบแทน อยู่มาวันหนึ่งเจ้าพรหมปั้นมีความคิดถึงเจ้าบุญหลงผู้เป็นอนุชา จึงส่งทหารออกติดตามหา จนกระทั่งมาถึงเมืองผาหง เมื่อทราบว่าเจ้าบุญหลงได้แต่งงานกับลูกสาวเศรษฐี เจ้าพรหมปั้นจึงรับตัวเจ้าบุญหลงมาอยู่ในเมืองปัญจล ส่วนทางเมืองพาราณสี เมื่อพระเจ้าพรมทัตผู้เป็นบิดาสิ้นพระชนม์แล้ว พระนางประทุมมาผู้เป็นมารดาจึงได้อัญเชิญให้เจ้าบุญหลงและชายา กลับไปครองราชย์สมบัติสืบต่อมา

(ขอขอบคุณข้อมูลจากพระครูปลัดอานนท์ อาทิตตฺธมฺโม ท่านเจ้าอาวาสวัดท่ากระดาษ และ สำนักหอสมุด มหาวิทยาลัยเชียงใหม่)

ลำดับเจ้าอาวาส:
1. พระแก้ว อินฺทปญฺโญ
2. พระบุญตัน รังษี
3. พระบุญปั๋น รังษี
4. พระคำมูล
5. พระศรีนวล
6. พระคำปัน รังษี
7. พระคำปัน อินทะชัย
8. พระอธิการบุญเตือน ฐิตสีโล
9. พระบุญศรี อภินนฺโท
10. พระหน่อแก้ว อภิปฺโญ
11. พระวัน ฐิติปฺโญ 1
2. พระบุญเชิด ฐิติฉนฺโท 1
3.พระอธิการบุญชื่น ชิตจิตฺโต 1
4. พระพงษ์ศักดิ์ ปั๋นแก้ว 1
5. พระสวัสดิ์ สุขวฑฺฒโน 1
6. พระวิชิต วิชิตฺตญาโณ 1
7. พระอธิการอานนท์ อาทิตฺตธมฺโม (พ.ศ 2529-ปัจจุบัน)

วิธีการชำระเงิน

ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) สาขาปตท.ถนนกาญจนาภิเษก 2 ออมทรัพย์

JEWELRY-ANTIQUE-AMULET

ระบบสมาชิก

สถิติร้านค้า

หน้าที่เข้าชม4,557,596 ครั้ง
ผู้ชมทั้งหมด3,493,894 ครั้ง
เปิดร้าน4 ก.พ. 2558
ร้านค้าอัพเดท22 ต.ค. 2568

ติดต่อเรา

ติดตามสินค้า

พูดคุย-สอบถาม