เหรียญรูปพระกริ่งสมเด็จ (พระพุทธมงคล พระประธานในโบสถ์น้อย) วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร กรุงเทพมหานคร ปี ๒๕๐๘ หลังพระปรางค์วัดอรุณ เนื้ออัลปาก้า

เหรียญรูปพระกริ่งสมเด็จ (พระพุทธมงคล พระประธานในโบสถ์น้อย) วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร กรุงเทพมหานคร ปี ๒๕๐๘ หลังพระปรางค์วัดอรุณ เนื้ออัลปาก้า
เหรียญรูปพระกริ่งสมเด็จ (พระพุทธมงคล พระประธานในโบสถ์น้อย) วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร กรุงเทพมหานคร ปี ๒๕๐๘ หลังพระปรางค์วัดอรุณ เนื้ออัลปาก้าเหรียญรูปพระกริ่งสมเด็จ (พระพุทธมงคล พระประธานในโบสถ์น้อย) วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร กรุงเทพมหานคร ปี ๒๕๐๘ หลังพระปรางค์วัดอรุณ เนื้ออัลปาก้า
รหัสสินค้า REARO0803
หมวดหมู่ พระเครื่อง จังหวัด กรุงเทพมหานคร
ราคา 2,450.00 บาท
สถานะสินค้า พร้อมส่ง
ลงสินค้า 7 พ.ค. 2565
อัพเดทล่าสุด 11 ส.ค. 2568
จำนวน
เหรียญ
หยิบลงตะกร้า
บัตรประชาชน
บุ๊คแบ๊งค์
คุ้มครองโดย LnwPay
วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร หรือเรียกสั้น ๆ ว่า วัดอรุณ หรือ วัดแจ้ง เป็นพุทธศาสนสถานในประเทศไทย มีสถานะเป็นพระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดราชวรมหาวิหาร ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพมหานคร มีประวัติยาวนานตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา เดิมชื่อ วัดบางมะกอก ต่อมาในสมัยสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชแห่งกรุงธนบุรี ได้เปลี่ยนชื่อเป็นวัดแจ้ง เนื่องจากการยกทัพผ่านมาหน้าวัดในยามรุ่งอรุณ และเมื่อพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยทรงบูรณปฏิสังขรณ์วัดใหม่ จึงทรงพระราชทานนามวัดว่า "วัดอรุณราชวราราม" เพื่อเป็นวัดประจำรัชกาลอีกด้วย

พระปรางค์วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหารเป็นสถาปัตยกรรมไทยที่โดดเด่นที่สุดของวัด ประกอบด้วยพระปรางค์ประธานสูง 67 เมตร และพระปรางค์รองขนาดเล็ก 4 องค์ตั้งอยู่รอบทิศทั้งสี่ โดยพระปรางค์องค์เดิมสร้างขึ้นในสมัยกรุงศรีอยุธยา และได้รับการสร้างต่อเติมให้สูงขึ้นโดยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยและพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว โดยมีการประดับด้วยกระเบื้องเคลือบและชามเบญจรงค์ที่งดงาม พระปรางค์นี้มีสัญลักษณ์ที่เกี่ยวข้องกับคติไตรภูมิ และถือเป็นภาพจำลองของเขาพระสุเมรุตามความเชื่อทางพระพุทธศาสนา

วัดอรุณราชวรารามถือเป็นศูนย์กลางแห่งศรัทธาและสัญลักษณ์สำคัญของกรุงธนบุรีและกรุงรัตนโกสินทร์ มีพระอุโบสถประดิษฐานพระปางมารวิชัย พร้อมด้วยพระวิหารและพระเจดีย์ต่าง ๆ มีซุ้มประตูที่ประดับด้วยยักษ์วัดแจ้ง สีขาวและเขียว เป็นเทพพิทักษ์ซึ่งแสดงถึงความเชื่อและความงดงามทางศิลปะของวัด นอกจากนี้ยังเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวที่มาเยี่ยมชมความงามและศึกษาประวัติศาสตร์

สมัยอยุธยา
วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหารมีชื่อเดิมว่า วัดบางมะกอก สร้างในสมัยกรุงศรีอยุธยาก่อนรัชกาลสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ปรากฏหลักฐานในแผนที่ของชาวฝรั่งเศส มีพระอุโบสถ และพระวิหารของเก่าอยู่บริเวณหน้าพระปรางค์เป็นฝีมือช่างสมัยอยุธยา

ตามข้อสันนิษฐานของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพเข้าใจว่าคงจะเรียกชื่อวัดคล้อยตามชื่อตำบลที่ตั้งตามคติการเรียกชื่อวัดไทยสมัยโบราณ ซึ่งแต่เดิมวัดอรุณตั้งอยู่ ณ ตำบลบางมะกอก ตั้งแต่สมัยอยุธยา ภายหลังเสียงหดลงคงเรียกสั้น ๆ ว่า วัดมะกอก และกลายเป็นวัดมะกอกนอกในเวลาต่อมาเพราะได้มีการสร้างวัดขึ้นอีกวัดหนึ่งในตำบลเดียวกันแต่อยู่ในคลองบางกอกใหญ่ ชาวบ้านเรียกวัดที่สร้างใหม่ว่า วัดมะกอกใน (วัดนวลนรดิศ) แล้วจึงเรียกวัดมะกอกซึ่งอยู่ปากคลองบางกอกใหญ่ว่า วัดมะกอกนอก

สมัยกรุงธนบุรี
มูลเหตุการเปลี่ยนชื่อวัดมะกอกนอกเป็นชื่อวัดแจ้งนั้นมีเรื่องเล่าว่า หลังจากสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีทรงกอบกู้กรุงศรีอยุธยาหลังการเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่สอง เมื่อ พ.ศ. 2310 แล้ว มีพระราชประสงค์โปรด ฯ ให้ย้ายราชธานีมาตั้งอยู่ ณ กรุงธนบุรี จึงเสด็จกรีฑาทัพโดยกระบวนเรือพยุหยาตราทางชลมารค ครั้นมาถึงหน้าวัดมะกอกนอกก็เป็นเวลาอรุณรุ่งแจ้งพอดี พระองค์ทรงมีพระราชดำริเห็นเป็นอุดมมหามงคลฤกษ์ จึงโปรด ฯ ให้เทียบเรือพระที่นั่ง ณ ท่าน้ำ วัดมะกอกนอก แล้วเสด็จพระราชดำเนินไปสักการบูชาพระปรางค์พระมหาธาตุ สูงราว 8 วา (16 เมตร) ซึ่งประดิษฐานอยู่ริมฝั่งแม่น้ำหน้าวัดสร้างแต่ครั้งสมัยกรุงศรีอยุธยา จากนั้นจึงเสด็จประทับแรม ณ ศาลาการเปรียญใกล้ร่มโพธิ์ ต่อมาจึงโปรด ฯ ให้บูรณะปฏิสังขรณ์วัดมะกอกนอกแล้วโปรด ฯ ให้เปลี่ยนชื่อใหม่ว่า วัดแจ้ง

เมื่อสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีโปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระราชวังที่ประทับนั้นทรงเอาป้อมวิไชยประสิทธิ์ข้างฝั่งตะวันตกเป็นที่ตั้งตัวพระราชวัง แล้วขยายเขตพระราชฐานจนวัดแจ้งเป็นวัดภายในพระราชวัง เช่นเดียวกับวัดพระศรีสรรเพชญ์สมัยอยุธยา และเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากรที่อัญเชิญมาจากเวียงจันทน์ใน พ.ศ. 2322 ก่อนที่จะย้ายมาประดิษฐานที่วัดพระศรีรัตนศาสดารามในปี พ.ศ. 2327

กลุ่มเจดีย์ประธาน
ผังของวัดอรุณราชวรารามเป็นแผนผังที่ไม่ได้เป็นไปตามแบบแผนประเพณี คือ การสร้างเจดีย์ประธาน พระอุโบสถ และพระวิหารแยกออกจากกัน โดยมีกลุ่มสิ่งก่อสร้างหลักคือเจดีย์ประธานทรงปรางค์และเจดีย์บริวารเป็นประธานของวัด โดยไม่ได้อยู่ในจุดศูนย์กลางหรือในแกนเดียวกับอาคารอื่นของวัด
เจดีย์ประธานทรงปรางค์

เจดีย์ประธาน

พระมหามงกุฎบนยอดเจดีย์ประธาน
เจดีย์ประธานของวัดอรุณราชวรารามเป็นเจดีย์ทรงปรางค์ โดยทั่วไปมักเรียกว่า พระปรางค์ โดยพระปรางค์วัดอรุณฯ นั้น ถือเป็นวิวัฒนาการครั้งสำคัญของเจดีย์ทรงปรางค์ คือเป็นการสร้างเจดีย์ทรงปรางค์ที่ใหญ่และสูงที่สุดในประเทศไทย รวมทั้งได้มีการเปลี่ยนคติในการสร้างเจดีย์ทรงปรางค์ที่มีมาแต่เดิม โดยการสอดแทรกแนวคิดใหม่เข้าไป ทั้งในส่วนรายละเอียดของงานประติมากรรมประดับ และการประดับกระเบื้องสีทั้งองค์

พระอุโบสถ
ตามประวัติการบูรณะวัด พระอุโบสถหลังปัจจุบันสร้างขึ้นพร้อมกับการบูรณะปฏิสังขรณ์ครั้งใหญ่ในสมัยรัชกาลที่ 3 เนื่องด้วยพระอุโบสถหลังเดิมถูกไฟไหม้ พระองค์จึงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระอุโบสถหลังใหม่และต่อเติมพระปรางค์ต่อจนแล้วเสร็จใน พ.ศ.2385 แต่ต่อมาพระอุโบสถได้เกิดเพลิงไหม้หลังคาในสมัยรัชกาลที่ 5 จึงได้มีการบูรณะใหม่อีกครั้ง รวมทั้งเขียนงานจิตรกรรมภายในพระอุโบสถขึ้นใหม่

พระพุทธธรรมมิศราชโลกธาตุดิลก
ภายในพระอุโบสถประดิษฐานพระประธานนามว่า พระพุทธธรรมมิศราชโลกธาตุดิลก เป็นพระพุทธรูปหล่อจากสำริด รัชกาลที่ 2 โปรดเกล้าฯ ให้หล่อขึ้นโดยพระองค์ทรงปั้นพระพักตร์ และรัชกาลที่ 3 เมื่อครั้งดำรงพระอิสริยยศพระเจ้าลูกยาเธอ กรมหมื่นเจษฎาบดินทร์ ทรงปั้นพระวรกาย และทรงโปรดเกล้าฯ ให้หล่อพัดยศตั้งถวายไว้กึ่งกลางพระอัครสาวกด้วย ในหมายรับสั่งรัชกาลที่ 3 พ.ศ.2327 กล่าวว่า พระองค์เสด็จพระราชดำเนินมาบรรจุพระบรมธาตุที่อัญเชิญมาจากพระบรมมหาราชวังไว้ที่พระเกตุของพระพุทธรูปด้วย ลักษณะของพระพุทธธรรมมิศราชโลกธาตุดิลกเป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย พระพักตร์กลมรี ขมวดพระเกศาเล็ก พระรัศมีเป็นเปลวสูง สังฆาฏิเป็นแผ่นใหญ่ยาวจรดพระนาภี ปลายสังฆาฏิแยกออกเป็น 2 ฉาก นิ้วพระหัตถ์ยามเสมอกัน พระเนตรเหลือบลงต่ำเล็กน้อยแสดงความสงบ ทรงแย้มพระโอษฐ์เล็กน้อย ดังที่กล่าวว่าพระพักตร์อย่างหุ่นหรือแสดงความเยาว์วัย ซึ่งจะเป็นต้นแบบให้กับพระพุทธรูปที่เป็นลักษณะเฉพาะของพระพุทธรูปสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้นโดยเฉพาะในสมัยรัชกาลที่ 3

พระพุทธนฤมิตร
บริเวณมุขหน้าพระอุโบสถด้านทิศตะวันออก มีการสร้างบุษบกยอกปรางค์ขึ้นในลักษณะเป็นจรนำ ระหว่างซุ้มประตูทางเข้าพระอุโบสถ ภายในซุ้มประดิษฐานพระพุทธรูปปางห้ามสมุทร ทรงเครื่องต้นอย่างพระมหาจักรพรรดิ มีพระนามว่า พระพุทธนฤมิตร สร้างขึ้นโดยพระราชประสงค์ของรัชกาลที่ 4 เพื่อการพระราชกุศลถวายแด่พระบรมชนกนาถ แต่การสร้างพระพุทธรูปยังไม่แล้วเสร็จทรงสวรรคตเสียก่อน โดยมาแล้วเสร็จในสมัยรัชกาลที่ 5 โดยถ่ายแบบมาจากพระพุทธนฤมิตรพระพุทธรูปที่สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 2 ซึ่งประดิษฐานในหอพระสุราลัยพิมาน ในพระบรมมหาราชวัง ลักษณะของพระพุทธนฤมิตร เป็นพระพุทธรูปทรงเครื่องต้นอย่างพระมหาจักรพรรดิ ปางห้ามสมุทร สูง 4 ศอก 2 นิ้ว ฐานสูงศอกคืบ 10 นิ้ว ทรงเครื่องต้นที่ประกอบไปด้วยพระมหามงกุฎ กรรเจียกจร กรองศอ สร้อยสังวาล ทับทรวง พาหุรัด ทองพระกร รัดพระองค์ ปั้นเหน่ง สุวรรณกระถอบ ภูษาจีบหน้านาง ชายไหวชายแครง ทองพระบาท และฉลองพระบาท รูปแบบการหล่อเป็นแบบอย่างในสมัยรัชกาลที่ 5 คือ มีการสร้าง 2 ส่วน ส่วนแรกเป็นลวดลายที่หล่อพร้อมกับพระพุทธรูป เช่น ลายจีวร ส่วนที่ 2 คือการหล่อชิ้นส่วนเครื่องทรงจากแม่พิมพ์หินสบู่โดยใช้โลหะผสม และประดับอัญมณีตามลวดลายที่สำคัญ

พระวิหาร
พระวิหารเป็นสถาปัตยกรรมแบบไทยประเพณี มีมุขโถงด้านหล้า-หลัง ไม่มีระเบียงรอบอาคาร ส่วนฐานเป็นฐานสิงห์มีลักษณะแอ่นโค้งเป็นท้องสำเภา อาจเป็นวิหารเดิมที่มีมาตั้งแต่สมัยอยุธยาตอนปลายหรือสมัยกรุงธนบุรี แต่เสารับน้ำหนักมุขโถงด้านหน้า-หลัง ใช้เป็นเสาที่เหลี่ยมทึบขนาดใหญ่ ไม่มีบัวหัวเสา ซึ่งอาจได้รับการต่อเติมในสมัยรัชกาลที่ 3 แต่ยังคงมีการประดับคันทวยรับน้ำหนักหลังคา ผนังภายนอกอาคารประดับกระเบื้องเคลือบแบบเบญจรงค์ทั้งหมดยกเว้นที่เสารับน้ำหนักหลังคามุข โดยกระเบื้องเบญจรงค์นี้รัชกาลที่ 3 ทรงสั่งทำจากประเทศจีน เดิมจะนำไปประดับผนังพระอุโบสถ แต่ลวดลายไม่งามดังพระราชหฤทัย จึงทรงให้นำมาประดับที่พระวิหารแทน ซุ้มประตูและหน้าต่างเป็นทรงบรรพแถลง ผนังภายในเดิมสันนิษฐานว่าเคยมีจิตรกรรมฝาผนังที่เขียนเป็นเรื่องราวแต่ลบเลือบไปแล้ว ในคราวบูรณะสมัยรัชกาลที่ 3 จึงประดับตกแต่งด้วยลายดอกไม้ร่วง เสาประดับลายแผง ซึ่งเป็นแบบอย่างงานในพระราชนิยมในรัชกาลที่ 3 เช่นกัน

พระพุทธชัมพูนุช มหาบุรุษลักขณาอสีตยานุบพิตร
ภายในพระวิหารประดิษฐานพระประธานนามว่า พระพุทธชัมพูนุช มหาบุรุษลักขณาอสีตยานุบพิตร ตามประวัดิกล่าวว่า รัชกาลที่ 3 โปรดให้หล่อขึ้นในคราวเดียวกับพระพุทธตรีโลกเชษฐ์ พระประธานในพระอุโบสถวัดสุทัศนเทพวรารามราชวรมหาวิหาร พระเสฏฐตมมุนี พระประธานในพระอุโบสถวัดราชนัดดารามวรวิหาร และพระพุทธมหาโลกาภินันทปฏิมา พระประธานในพระอุโบสถวัดเฉลิมพระเกียรติวรวิหาร โดยหล่อจากทองแดงที่ขุดได้จำนวนมากจากอำเภอจันทึก จังหวัดนครราชสีมา แล้วลงรักปิดทอง ลักษณะโดยรวมเป็นรูปแบบของพระพุทธรูปที่สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 3 คือ พระวรกายเพรียวบาง สังฆาฏิเป็นแผ่นใหญ่จรดพระนาภี พระพักตร์ค่อนข้างกลมกึ่งไข่ ขมวดพระเกษาเล็ก มีพระรัสมีเป็นเปลว พระขนงโก่ง พระเนตรเปิดและมองตรง พระนาสิกค่อนข้างเล็กและโด่ง พระโอษฐ์เล็กแย้มพระโอษฐ์เล็กน้อย เส้นพระโอษฐ์โค้งเล็กน้อยเกือบเป็นเส้นตรง เรียกว่า "พระพักตร์อย่างหุ่น" กลางพระนลาฏทำเป็นลายอุณาโลมประดับกระจก

โบสถ์น้อย
โบสถ์น้อยเป็นพระอุโบสถเดิมของวัดในสมัยกรุงศรีอยุธยา  มีลักษณะเป็นอาคารทรงเตี้ย  มีมุขทั้งด้านหน้าและด้านหลัง  หน้าบันเป็นลายกนกปิดทองประดับกระจก ไม่มีกำแพงแก้ว มุขหลังประดิษฐานพระกัจจายนะหน้าตักกว้าง 2 ศอก ลงรักปิดทอง บานประตูด้านนอกเป็นลายรดน้ำรูปทหาร  มีรูปดอกไม้ประดับด้านในเป็นภาพเขียนสีรูปเทวดาแบบทวารบาล หน้าต่างด้านนอกเป็นลายรดน้ำรูปดอกไม้ด้านในเป็นภาพสีรูปฉัตรเบญจาและดอกไม้ร่วงเหมือนกันทุกบาน  พระประธานเป็นปูนปั้นปางมารวิชัยลงรักปิดทองมีพระนามว่า พระพุทธมงคล หน้าฐานชุกชีทำเป็นลับแลก่ออิฐถือปูน มีพระแท่นของสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี ต่อมาทางวัดได้สร้างพระบรมรูปหล่อพร้อมฐานสถิตย์ดวงพระวิญญาณของพระองค์

นับแต่สถาปนากรุงรัตนโกสินทร์ วัดอรุณราชวรารามมีเจ้าอาวาสสืบลำดับมา ดังนี้
1    พระโพธิวงศาจารย์ (ไม่ปรากฏนามเดิม)[8]:97    พ.ศ. 2326    ?
2    พระธรรมไตรโลกาจารย์ (ไม่ปรากฏนามเดิม)[8]:97    ?    ?
3    พระพุทธโฆษาจารย์ (คง)    พ.ศ. 2362    ?
4    สมเด็จพระวันรัต (เซ่ง)    ?    พ.ศ. 2419
5    พระธรรมไตรโลกาจารย์ (ทอง)    พ.ศ. 2419    พ.ศ. 2424
6    พระเทพโมลี (ฑิต อุทโย)    พ.ศ. 2424    พ.ศ. 2431
7    พระราชมุนี (ปุ่น ปุณฺณโก)    พ.ศ. 2438    พ.ศ. 2441
8    สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ฤทธิ์ ธมฺมสิริ)    พ.ศ. 2444    พ.ศ. 2456
9    พระธรรมเจดีย์ (อุ่ม ธมฺมธโร)    พ.ศ. 2456    พ.ศ. 2467
10    พระพิมลธรรม (นาค สุมนนาโค)    พ.ศ. 2468    พ.ศ. 2488
11    สมเด็จพระพุฒาจารย์ (วน ฐิติญาโณ)    พ.ศ. 2489    พ.ศ. 2520
12    พระธรรมคุณาภรณ์ (เจียร ปภสฺสโร)    พ.ศ. 2520    พ.ศ. 2524
13    พระธรรมสิริชัย (บุญเลิศ โฆสโก)    พ.ศ. 2525    พ.ศ. 2551
14    พระธรรมมงคลเจดีย์ (เฉลียว ฐิตปุญฺโญ)    พ.ศ. 2552    31 กรกฎาคม พ.ศ. 2560
15    พระพรหมวัชรเมธี (สมเกียรติ โกวิโท)    20 มิถุนายน พ.ศ. 2561    ปัจจุบัน
ข้อมูลวิกิพีเดีย

วิธีการชำระเงิน

ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) สาขาปตท.ถนนกาญจนาภิเษก 2 ออมทรัพย์

JEWELRY-ANTIQUE-AMULET

ระบบสมาชิก

สถิติร้านค้า

หน้าที่เข้าชม4,444,927 ครั้ง
ผู้ชมทั้งหมด3,381,225 ครั้ง
เปิดร้าน4 ก.พ. 2558
ร้านค้าอัพเดท6 ก.ย. 2568

ติดต่อเรา

ติดตามสินค้า

พูดคุย-สอบถาม