พระรูปทรงสามเหลี่ยม พุทธศิลปะสุโขทัย ปางมารวิชัย พระหัตถ์ขวาพาดที่พระชานุ พระหัตถ์ซ้ายวางตรงพระเพลา และแบ่งแยกพิมพ์ตามเอกลักษณ์เฉพาะได้ทั้งหมด 6 พิมพ์ คือ พิมพ์เข่าโค้ง, พิมพ์เข่าตรง, พิมพ์อกนูนใหญ่, พิมพ์สังฆาฏิ, พิมพ์เทวดา และ พิมพ์อกนูนเล็ก
พระนางพญา พิมพ์เทวดา หรือที่เรียกว่า “พิมพ์อกแฟบ” เป็นพระนางพญาพิมพ์เล็ก มีขนาดใกล้เคียงกับพิมพ์อกนูนเล็ก แต่องค์พระจะดูบอบบางกว่าทุกพิมพ์ ศิลปะแม่พิมพ์จะมีส่วนคล้ายคลึงกับ ‘ พิมพ์สังฆาฏิ’ แต่อ่อนช้อยกว่า นอกจากนี้ให้สังเกตพิมพ์ด้านหน้าขององค์พระจะมีเม็ดผดค่อนข้างมาก แต่เฉพาะส่วนสูงขององค์พระจะไม่มีเม็ดผดขึ้น ต่างจากพิมพ์ด้านหลังที่ปรากฏทั่วบริเวณ ลักษณะการตัดขอบเป็นรูปสามเหลี่ยมหน้าจั่ว
วิธีการพิจารณา ‘พระนางพญา วัดนางพญา’ นั้น นอกจากหลักการพิจารณาเบื้องต้นเกี่ยวกับคุณสมบัติของเนื้อดิน ผิวขององค์พระซึ่งถูกกัดกร่อนตามกาลเวลา ความเป็น Plastic Cover กรรมวิธีการตัดขอบ และเม็ดผดซึ่งจะขึ้นอยู่ทั่วไปทั้งด้านหน้าและด้านหลังองค์พระแล้ว ยังต้องพิจารณา “ศิลปะบนพระพักตร์” ด้วย เพราะ ‘พระนางพญา วัดนางพญา’ ทุกพิมพ์นั้น ถึงจะมี พระเนตร พระนาสิก และพระโอษฐ์ แต่ศิลปะจะเป็นลักษณะให้เห็นรางๆ หรือนูนขึ้นมาบ้างเล็กน้อยเท่านั้น มิได้เป็นเส้นชัดเจนเหมือนพระนางเสน่ห์จันทร์ หรือพระในสกุลขุนแผน และเมื่อพิจารณา ‘เอกลักษณ์เฉพาะ’ ของแต่ละพิมพ์ดังที่กล่าวไปแล้วนี้ ก็ยังต้องจดจำจุดตำหนิแม่พิมพ์ของพิมพ์ต่างๆ ทั้ง 6 พิมพ์ ซึ่งจะมีความแตกต่างกันออกไปได้อย่างแม่นยำด้วย เรียกว่าต้องใช้ความชำนาญและการเรียนรู้อย่างมาก กว่าจะหา ‘พระแท้’ ที่หายากยิ่งได้สมใจสักองค์
ปฐมเหตุที่เรียกพระพิมพ์นี้ว่าพระนางพญา สืบเนื่องมาจากชื่อกรุที่ขุดพบที่วัดพระนางพญาพิษณุโลก เป็นแห่งแรก
ในตํานานกล่าวกันว่า ท่านผู้สร้างก็คือ สมเด็จพระวิสุทธิกษัตรีย์ ราชธิดาองค์ใหญ่ใน สมเด็จพระมหาจักรพรรดิ เกิดแต่สมเด็จพระสุริโยทัย วีรกษัตริย์ผู้กล้าแห่งกรุงศรี อยุธยา ได้พระราชทานเป็นพระมเหสีของ สมเด็จพระมหาธรรมราชาธิราชเจ้าขึ้นไปครองเมืองพิษณุโลก ซึ่งเป็นเมืองหน้าด่านทางด้านทิศเหนือ
พระวิสุทธิกษัตริย์พระองค์นี้คือพระราชมารดาในสมเด็จพระนเรศวรมหาราชและพระเอกาทศรถ วีรกษัตริย์แห่งกรุงศรีอยุธยา ผู้กู้ชาตินั่นเอง
พระนางพญา พิษณุโลก เป็นพระเนื้อ ดินเผา รูปทรงหน้าจั่ว มีทั้งเนื้อดินละเอียด มีเม็ดแร่กรวดทรายปะปนอยู่ด้วย ประเภท เม็ดแร่ลอยที่เรียกกันว่าพระนางพญากรุน้ํา คือพบพระอยู่ในที่ลุ่มมีน้ําขัง จึงเรียกว่า พระนางพญากรุน้ํา
พระนางพญา พิษณุโลก แบ่งออกเป็น ๒ ขนาดโดยประมาณ คือพระนางพญาพิมพ์ใหญ่ ได้แก่ พระนางพญาเข่าโค้ง พระนางพญา เข่าตรง พระนางพญาอกนูนใหญ่ ส่วนพระนางพญาพิมพ์เล็ก ได้แก่ พระนางพญาพิมพ์สังฆาฏิ พระนางพญา อกนูนเล็ก และที่นําเอาเสนอก็คือ พระนาง พญาพิมพ์ทรงเทวดา หรือพิมพ์อกแฟบ
ข้อมูล-สยามรัฐ-นิตยสารอนุรักษ์