ในประวัติเล่ากันว่า ในสมัยราชวงศ์ซ้อง ได้เกิด บุคคลสำคัญขึ้นท่านหนึ่ง
แซ่ลิ้ม เป็นชาวมณฑลฮกเกี้ยนและมี สติปัญญาปราดเปรื่องสามารถสอบไล่ ได้ตำแหน่ง " จิ้นสือ " และ เข้า รับราชการในตำแหน่ง นายอำเภอ มณฑลเจียะเจียง ท่านปฏิบัติหน้าที่ ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต สามารถ ปกครองราษฎรให้ อยู่อย่างร่มเย็น เป็นสุขต่อมาท่านเกิดความเบื่อหน่าย
ในชีวิตราชการ ท่านจึงได้สละลาภยศ อันสูงเกียรติ ออกอุปสมบทเป็น พระภิกษุในบวรพุทธศาสนานิกาย
มหายาน ณ วัดแห่งหนึ่งใน มณฑลฮกเกี้ยนได้รับฉายาว่า " ไต้ฮง " เมื่อได้อุปสมบทแล้วท่านก็ได้หมั่น บำเพ็ญ ศาสนกิจ ศึกษา พระไตรปิฎก จนแตกฉาน ปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน จน บรรลุธรรมอันวิเศษ ท่านไต้ฮง พำนักอยู่ที่วัดดังกล่าวเป็นเวลาหลายปี
ด้วยจิตที่เปี่ยมไปด้วยความเมตตา กรุณาต้องการออกโปรดสัตว์ ท่านจึงได้ ออกธุดงควัตร จากเมืองฮกเกี้ยน ไปตาม เมืองต่างๆตลอดเส้นทางที่ท่าน ธุดงค์ผ่านไปนั้น เมืองใดที่ประสบ ภัยพิบัติต่างๆท่านก็ จะช่วยขจัดปัดเป่า บรรเทาทุกข์ให้เมืองใดที่ทำการสร้าง ถนนหรือสะพาน ท่านก็จะช่วยเหลือ จนกระทั่งเสร็จเรียบร้อยในบางแห่ง ที่มีโรคระบาดมีคนเจ็บและล้มตาย ท่านก็จะช่วยนำยารักษาโรค ออก แจกจ่ายแก่ผู้เจ็บป่วยและออก บิณฑบาตไม้ มาทำโลงศพและนำศพ ไปบรรจุฝังตาม ธรรมเนียมพระภิกษุ ไต้ฮง ออกธุดงค์โปรดสัตว์ อยู่หลายปี จนกระทั่งผ่านมายัง เมืองแต้จิ๋ว
ก็มีพุทธศาสนิกชนนิมนต์ท่านไปจำพรรษาอยู่ที่วัดเก่าแก่แห่งหนึ่งบน
ภูเขาปักซัว อำเภอเตี่ยนเอี้ย ซึ่ง ตลอดเวลาที่ท่านได้พำนักอยู่ที่วัด แห่งนี้ท่านได้บำเพ็ญศาสนกิจ อย่าง
เคร่งครัด ด้วยความมี เมตตาธรรมจน
เป็นที่เลื่องลือไปทั่วทำให้บรรดาสาธุชน ที่มีความศรัทธาเข้าอุปสมบท เป็น พระภิกษุในบวรพุทธ ศาสนา เป็น จำนวนมาก นอกจากนี้ ท่านยัง
ได้ทำการบูรณปฏิสังขรณ์วัดดังกล่าว จนกลาย เป็นพระอารามใหญ่
เจริญรุ่งเรืองมาจนทุกวันนี้ในบั้นปลาย ชีวิตของท่านได้ออก ธุดงค์ไปอยู่ จำพรรษาที่ วัดเมี่ยงอัง ตำบลฮั่วเพ้ง ห่างจากอำเภอเตี่ยนเอี้ยไป ประมาณ 15 กิโลเมตรที่หมู่บ้านนี้มีแม่น้ำ เหลียงเจียง ไหลผ่านแบ่งเป็นฝั่ง ตะวันออก และ ตะวันตก
วัดเมี่ยงอังตั้ง อยู่ทางฝั่งตะวันตก ของแม่น้ำในสมัยนั้นแม่น้ำเหลียงเจียง เมื่อถึงฤดูน้ำหลาก น้ำในแม่น้ำไหล เชี่ยวกรากมาก อีกทั้งมีความกว้างใหญ่ และลึกประชาชนจึงใช้เรือ เป็นพาหนะ ยามเมื่อเกิดมรสุมจะเกิดเหตุเรือล่ม บ่อยๆ ทำให้มีผู้คนเสียชีวิตอยู่เป็น ประจำ ท่านไต้ฮง จึงเกิดความเวทนา สงสารประชาชนจึงดำริที่จะสร้าง สะพานข้าม แม่น้ำเหลียงเจียง
เพื่อให้ประชาชนได้สัญจรโดยสะดวก ท่านจึงได้บิณฑบาตวัสดุก่อสร้าง ต่างๆ
อยู่หลายปี จนในปีพ.ศ.1671
มีพ่อค้าใหญ่เดินทางมา นมัสการท่าน
และทราบว่าท่านจะสร้างสะพานจึงได้นำช่างก่อสร้างและวัสดุมาร่วมสร้าง สะพาน ด้วย ส่วนบริเวณที่จะสร้าง สะพานนั้นท่านได้เลือกตรงหน้า ศาลเจ้าหลักเมือง และดูฤกษ์ยาม สำหรับ การเริ่มงานในวันที่เริ่มสร้าง สะพานสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิดคือน้ำ
ในแม่น้ำเกิดลดลงไปจนเกือบแห้ง เป็นที่อัศจรรย์บรรดาประชาชน
และช่างต่างก็ก้มลงกราบท่าน
ด้วยความศรัทธา ท่านกลับ บอกว่า ให้กราบฟ้าดินเกิดการครั้งนี้น้ำทะเล ที่ปากแม่น้ำจะไม่ขึ้นลงเป็นเวลา 7 วัน
เมื่อทราบเช่นนั้นพวกช่างจึงทำการ สร้างรากฐาน สะพานและสร้าง ถ้ำสำหรับ ระบาย น้ำจำนวน 19 ถ้ำ จนแล้วเสร็จโดย ใช้เวลา 7 วันพอดี วันต่อมาน้ำในแม่น้ำเหลียงเจียงก็ขึ้นลงตามปกติการก่อสร้างสะพานจึงเป็นไป
ด้วยความราบรื่นจนกระทั่ง เสร็จจัดว่าเป็นสะพานหินที่มี
ความยาวมากและตั้งชื่อสะพานนี้ว่า
" ฮั่วเพ็ง " หลังจากที่สร้าง สะพานเสร็จท่านก็เริ่มอาพาธ
ด้วยโรคชรา และมรณภาพลง
ด้วยอาการสงบ สิริอายุได้ 85 ปี ชาวเมืองจึงได้ประกอบพิธีบำเพ็ญกุศล
และฝังร่างของท่านไว้ ณ. ภูเขาฮั่วเพ็ง และยังสร้างศาลเจ้าประดิษฐาน รูปเหมือน ไต้ฮงกงโจวซือ ไว้สักการบูชา มีนามว่า
" ศาลเจ้าป่อเต็กตึ๊ง " มาจนทุกวันนี้
วันรำลึกท่าน
วันที่ 29 เดือน 10 (จีน ) - เกิด -
วันที่ 11 เดือน 4 ( จีน) - สำเร็จธรรม-
ในประเทศไทย ประมาณปี พ.ศ. 2453 ชาวจีน โพ้นทะเลได้เข้ามาอาศัย ร่มพระบรมโพธิสมภารแห่ง องค์พระมหากษัตริย์ไทย
ด้วยความเลื่อมใสใน พระบวรพุทธศาสนา จึงร่วม
กันจัดตั้งองค์กรสงเคราะห์ สาธารณภัยเพื่อเจริญรอย ตามกุศลเจตนาของ
ท่านไต้ฮงกงโจวซือ
โดยใช้ชื่อว่า
" มูลนิธิฮั่วเคี้ยวป่อเต็กเซี่ยงตึ๊ง "
หรือที่เรารู้จักกันในนาม
" มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง "
ตั้งอยู่บนถนนพลับพลาไชย จนถึงปัจจุบันนี้