พระพุทธชินราช (จำลอง)
การสร้างพระพุทธชินราชจำลองเกิดจาการที่รัชกาลที่ 5 โปรดเกล้าฯ ให้หาพระพุทธรูปที่มีพุทธลักษณะอันงดงามเพื่อมาประดิษฐานเป็นพระประธานในพระอุโบสถ อีกทั้งพระองค์พอพระทัยในพระพุทธชินราช วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ จังหวัดพิษณุโลก เป็นอย่างมาก เนื่องจากเมื่อคราวที่พระองค์ทรงผนวชเป็นสามเณรเมื่อ พ.ศ.2409 และได้ตามเสด็จพระราชบิดาคือ รัชกาลที่ 4 ไปนมัสการพระพุทธชินราชและทรงมีพระราชดำริว่า "พระพุทธชินราชองค์นั้นงดงามหาพระพุทธรูปใดเปรียบไม่มี" จึงทรงโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ เป็นประธานจัดการหล่อพระพุทธชินราชจำลองขึ้น โปรดเกล้าฯ ให้พระประสิทธิ์ปฏิมาเป็นช่างผู้สร้าง โดยขึ้นไปสร้างจำลองที่เมืองพิษณุโลก โดยใช้ปืนใหญ่ทองเหลืองที่ไม่ได้ใช้งานแล้วมาหลอมและนำมาหล่อเป็นพระพุทธรูป เริ่มพิธีในวันที่ 20 ตุลาคม 2444 เมื่อหล่อเสร็จแล้วจึงอัญเชิญมาประดิษฐานที่วัดเบญจมบพิตรฯ เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2444 มีการทำพิธีเบิกพระเนตรและจัดงานสมโภช พุทธลักษณะของพระพุทธชินราชจำลองมีรูปแบบและสัดส่วนที่เหมือนกับพระพุทธชินราชทุกประการ จัดอยู่ในศิลปะสุโขทัย หมวดพระพุทธชินราช เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย ขัดสมาธิราบ พระพักตร์ทรงไข่ค่อนข้างกลม ขมวดพระเกษาเล็ก พระรัศมีเป็นเปลว พระอังสาใหญ่ บั้นพระองค์เล็ก สังฆาฏิเป็นเส้นเล็กยาวจรดพระนาภีปลายแยกออกเป็นสองชายและม้วนเข้าหากันคล้ายเขี้ยวตะขาบ นิ้วพระหัตถ์ยาวเสมอกัน
พระพุทธวรญาณ (ทอง สุวณฺณสาโร) (2 มกราคม พ.ศ. 2462 - 29 มกราคม พ.ศ. 2557) พระราชาคณะเจ้าคณะรอง ชั้นหิรัญบัฏ อดีตเจ้าอาวาสวัดเบญจมบพิตรดุสิตวนารามราชวรวิหาร
ชาติภูมิ
พระพุทธวรญาณ (ทอง สุวณฺณสาโร) นามเดิมว่า ทอง นาคประเสริฐ เกิดเมื่อวันพฤหัสบดี ขึ้น 11 ค่ำ เดือน 2 (เดือนยี่) ปีมะแม ตรงกับวันพฤหัสบดีที่ 2 มกราคม พ.ศ. 2462 ที่บ้านหมู่ที่ 9 ตำบลบางพระ อำเภอเมืองฉะเชิงเทรา จังหวัดฉะเชิงเทรา เป็นบุตรของนายห้อย นาคประเสริฐ และนางเสงี่ยม นาคประเสริฐ
บรรพชาและอุปสมบท
พระพุทธวรญาณ (ทอง สุวณฺณสาโร) บรรพชาเป็นสามเณร ณ พระอุโบสถ วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม เมื่อวันที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2479 โดยมีพระธรรมโกศาจารย์ (ปลด กิตฺติโสภโณ) อดีตเจ้าอาวาสวัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม เป็นพระอุปัชฌาย์ และอุปสมบทเป็นพระภิกษุ ณ พระอุโบสถ วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม เมื่อวันจันทร์ที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2483 โดยมีพระพรหมมุนี (ปลด กิตฺติโสภโณ) อดีตเจ้าอาวาสวัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม เป็นพระอุปัชฌาย์ พระมงคลวัตรกวี (ครั้งยังดำรงสมณศักดิ์ที่ พระสรภาณกวี) เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระราชเวที เป็นพระอนุสาวนาจารย์