เหรียญพระพุทธชินราช พระธรรมกิตติเวที (หลวงพ่อทอง) วัดเบญจมบพิตรดุสิตมหาสีมาราม ดุสิต กรุงเทพมหานคร ปี 2549 เนื้อทองแดง

เหรียญพระพุทธชินราช พระธรรมกิตติเวที (หลวงพ่อทอง) วัดเบญจมบพิตรดุสิตมหาสีมาราม ดุสิต กรุงเทพมหานคร ปี 2549 เนื้อทองแดง
เหรียญพระพุทธชินราช พระธรรมกิตติเวที (หลวงพ่อทอง) วัดเบญจมบพิตรดุสิตมหาสีมาราม ดุสิต กรุงเทพมหานคร ปี 2549 เนื้อทองแดงเหรียญพระพุทธชินราช พระธรรมกิตติเวที (หลวงพ่อทอง) วัดเบญจมบพิตรดุสิตมหาสีมาราม ดุสิต กรุงเทพมหานคร ปี 2549 เนื้อทองแดง
รหัสสินค้า BEJR4903
หมวดหมู่ พระพุทธชินราช ทุกวัด ทุกจังหวัด
ราคา 950.00 บาท
สถานะสินค้า พร้อมส่ง
ลงสินค้า 12 ก.ค. 2563
อัพเดทล่าสุด 27 พ.ย. 2568
จำนวน
เหรียญ
บัตรประชาชน
บุ๊คแบ๊งค์
คุ้มครองโดย LnwPay
วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนารามราชวรวิหาร เดิมเป็นวัดราษฎรวัดแหลม หลังจากปราบกบฏเจ้าอนุวงศ์แล้ว พระองค์เจ้าพนมวัน พร้อมพระอนุชาและพระขนิษฐาร่วมเจ้าจอมมารดาเดียวกันอีก 4 พระองค์ คือ

พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระพิทักษเทเวศร์ (ต้นราชสกุลกุญชร)
พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงภูวเนตรนรินทรฤทธิ์ (ต้นราชสกุลทินกร)
พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอินทนิล
พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวงศ์
มีพระประสงค์ที่จะร่วมกันปฏิสังขรณ์วัดแหลม พร้อมทั้งทรงสร้างพระเจดีย์เรียงรายไว้หน้าวัด 5 องค์ ต่อมาพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ พระราชทานนามใหม่ว่า วัดเบญจบพิตร หมายความว่า วัดของเจ้านาย 5 พระองค์

ในปี พ.ศ. 2441 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ซื้อที่ดินระหว่างคลองผดุงกรุงเกษมจนถึงคลองสามเสนเพื่อสร้างที่ประทับพักผ่อนพระอิริยาบถส่วนพระองค์ โดยพระราชทานนามว่า "สวนดุสิต" (พระราชวังดุสิต ในปัจจุบัน) ซึ่งบริเวณที่ดินที่ทรงซื้อนั้นมีวัดโบราณ 2 แห่ง คือ วัดดุสิตซึ่งอยู่ในสภาพทรุดโทรมโดยถูกใช้เป็นที่สร้างพลับพลา และวัดร้างอีกแห่งซึ่งจำเป็นต้องใช้ที่ดินของวัดสำหรับตัดเป็นถนน พระองค์จึงทรงกระทำผาติกรรม สร้างวัดแห่งใหม่เพื่อเป็นการทดแทนตามประเพณี โดยทรงเลือกวัดเบญจมบพิตรเป็นวัดที่ทรงสถาปนาตามพระราชดำริว่า การสร้างวัดใหม่หลายวัดยากต่อการบำรุงรักษา ถ้ารวมเงินสร้างวัดเดียวให้เป็นวัดใหญ่ และทำโดยฝีมือประณีตจะดีกว่า จึงโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ เป็นผู้ทรงออกแบบก่อสร้างพระอุโบสถและถาวรวัตถุอื่น ๆ และมีพระยาราชสงคราม (กร หงสกุล) เป็นนายช่างก่อสร้าง ติดกับโรงเรียนมัธยมวัดเบญจมบพิตร

เมื่อวันที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2441 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินมายังวัด ในการนี้มีพระบรมราชโองการประกาศพระบรมราชูทิศถวายที่ดินให้เป็นเขตวิสุงคามสีมาของวัด พร้อมทั้งพระราชทานนามวัดใหม่ว่า วัดเบญจมบพิตร อันหมายถึง วัดของพระเจ้าแผ่นดินรัชกาลที่ 5 และเพื่อแสดงลำดับรัชกาลในพระบรมราชจักรีวงศ์ ต่อมา พระองค์ได้ถวายที่ดินซึ่งพระองค์ขนานนามว่า ดุสิตวนาราม ให้เป็นที่วิสุงคามสีมาเพิ่มเติมแก่วัดเบญจมบพิตร และโปรดฯ ให้เรียกนามรวมกันว่า วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม

เมื่อมีการจัดระเบียบพระอารามหลวงในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวในปี พ.ศ. 2458 วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนารามจัดเป็นพระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดราชวรวิหาร ดังนั้น ชื่อวัดจึงมีสร้อยนามต่อท้ายด้วย "ราชวรวิหาร" ดังเช่นในปัจจุบัน

พระอุโบสถ
พระอุโบสถออกแบบโดยสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์และควบคุมการก่อสร้างโดยพระองค์เอง เป็นแบบจตุรมุข มุขด้านตะวันออกขยายยาว ด้านเหนือและใต้มีมุขกระสันต่อกับพระระเบียง มีแนวคิดการออกแบบผสมผสานระหว่างศิลปะตะวันตกและศิลปะไทยประเพณีผสมผสานศิลปะขอม โดยรูปแบบของศิลปะไทยประเพณีคือการทำหลังคาซ้อนชั้นประดับเครื่องลำยองประกอบด้วย ช่อฟ้า ใบระกา หางหงส์ นาคสะดุ้ง มีหลังคาซ้อนชั้น 4 ซ้อน ด้านมุขกระสันทิศเหนือและทิศใต้ 5 ซ้อน หน้าบันพระอุโบสถเป็นงานไม้แกะสลักลงรักปิดทอง โดยหน้าบันในแต่ละทิศจะมีลวดลายที่แตกต่างกัน โดยหน้าบันทางทิศตะวันออกแกะสลักเป็นรูปพระนารายณ์ทรงครุฑท่ามกลางเทพบริวาร หน้าบันทางทิศตะวันตกเป็นรูป อุณาโลม อยู่ในบุษบก ซึ่งเป็นตราพระราชลัญจกรในรัชกาลที่ 1 หน้าบันทิศเหนือเป็นรูปพระอินทร์ทรงช้างเอราวัณ หน้าบันทิศใต้เป็นรูปสีมาธรรมจักร ในส่วนแรงบันดาลใจจากศิลปะขอมคือมีระเบียงคดโอบรอบด้านหลังพระอุโบสถ มีการทำช่องหน้าต่างหลอกภายนอกเป็นลักษณะซี่กรง ด้านหน้าพระอุโบสถมีกำแพงแก้ว บนมุมกำแพงแก้วซ้าย-ขวา มีเสาคอนกรีตหัวเสาเป็นศิลาสลักรูปดอกบัวตูม คือเครื่องหมาย "สีมา" สำหรับด้านหน้า ส่วนสีมาด้านหลังพระอุโบสถ สลักรูปเสมาธรรมจักรที่แผ่นหินแกรนิตปูพื้นภายในกำแพงแก้ว ปูหินแกรนิตสีชมพูอ่อนและสีเทา ส่วนที่เป็นอิทธิพลจากศิลปะตะวันตกคือ การใช้วัสดุหินอ่อนจากประเทศอิตาลีในการตกแต่ง มีการประดับกระจกสีเหนือกรอบหน้าต่างเพื่อให้แสงเข้ามาในพระอุโบสถแบบเดียวกับโบสถ์ในคริสตศาสนา

พระพุทธชินราช (จำลอง)
การสร้างพระพุทธชินราชจำลองเกิดจาการที่รัชกาลที่ 5 โปรดเกล้าฯ ให้หาพระพุทธรูปที่มีพุทธลักษณะอันงดงามเพื่อมาประดิษฐานเป็นพระประธานในพระอุโบสถ อีกทั้งพระองค์พอพระทัยในพระพุทธชินราช วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ จังหวัดพิษณุโลก เป็นอย่างมาก เนื่องจากเมื่อคราวที่พระองค์ทรงผนวชเป็นสามเณรเมื่อ พ.ศ.2409 และได้ตามเสด็จพระราชบิดาคือ รัชกาลที่ 4 ไปนมัสการพระพุทธชินราชและทรงมีพระราชดำริว่า "พระพุทธชินราชองค์นั้นงดงามหาพระพุทธรูปใดเปรียบไม่มี" จึงทรงโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ เป็นประธานจัดการหล่อพระพุทธชินราชจำลองขึ้น โปรดเกล้าฯ ให้พระประสิทธิ์ปฏิมาเป็นช่างผู้สร้าง โดยขึ้นไปสร้างจำลองที่เมืองพิษณุโลก โดยใช้ปืนใหญ่ทองเหลืองที่ไม่ได้ใช้งานแล้วมาหลอมและนำมาหล่อเป็นพระพุทธรูป เริ่มพิธีในวันที่ 20 ตุลาคม 2444 เมื่อหล่อเสร็จแล้วจึงอัญเชิญมาประดิษฐานที่วัดเบญจมบพิตรฯ เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2444 มีการทำพิธีเบิกพระเนตรและจัดงานสมโภช พุทธลักษณะของพระพุทธชินราชจำลองมีรูปแบบและสัดส่วนที่เหมือนกับพระพุทธชินราชทุกประการ จัดอยู่ในศิลปะสุโขทัย หมวดพระพุทธชินราช เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย ขัดสมาธิราบ พระพักตร์ทรงไข่ค่อนข้างกลม ขมวดพระเกษาเล็ก พระรัศมีเป็นเปลว พระอังสาใหญ่ บั้นพระองค์เล็ก สังฆาฏิเป็นเส้นเล็กยาวจรดพระนาภีปลายแยกออกเป็นสองชายและม้วนเข้าหากันคล้ายเขี้ยวตะขาบ นิ้วพระหัตถ์ยาวเสมอกัน

ลำดับเจ้าอาวาส
1    สมเด็จพระวันรัต (จ่าย ปุณฺณทตฺโต)    พ.ศ. 2443    พ.ศ. 2471
2    สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ (ปลด กิตฺติโสภโณ)    พ.ศ. 2471    พ.ศ. 2505
3    สมเด็จพระพุทธชินวงศ์ (สุวรรณ สุวณฺณโชโต)    พ.ศ. 2505    พ.ศ. 2537
4    พระพรหมจริยาจารย์ (สมุท รชตวณฺโณ)    พ.ศ. 2537    พ.ศ. 2549
รักษาการ    พระธรรมวโรดม (บุญมา คุณสมฺปนฺโน)    พ.ศ. 2549    พ.ศ. 2550
5    พระพุทธวรญาณ (ทอง สุวณฺณสาโร)    พ.ศ. 2550    พ.ศ. 2557
6    พระธรรมวชิราธิบดี (ฉ่ำ ปุญฺญชโย)    พ.ศ. 2557    ปัจจุบัน

วิธีการชำระเงิน

ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) สาขาปตท.ถนนกาญจนาภิเษก 2 ออมทรัพย์

JEWELRY-ANTIQUE-AMULET

ระบบสมาชิก

สถิติร้านค้า

หน้าที่เข้าชม4,686,267 ครั้ง
ผู้ชมทั้งหมด3,622,565 ครั้ง
เปิดร้าน4 ก.พ. 2558
ร้านค้าอัพเดท14 ธ.ค. 2568

ติดต่อเรา

ติดตามสินค้า

พูดคุย-สอบถาม