พระอาจารย์สิงห์ขันตยาคโม เกิดที่บ้านหนองขอน ต.หัวทะเล อ.อำนาจเจริญ จ.อุบลราชธานี เมื่อวันที่ 27 มกราคม 2432 นามเดิมว่า สิงห์ บุญโท บิดาชื่อเพีย อัครวงศ์(อ้วน) มารดาชื่อหล้า บุญโท สมัยเป็นฆราวาส ท่านได้ศึกษาจนเป็นครูสอนวิชาสามัญได้ดีผู้หนึ่ง
พระอาจารย์สิงห์ ได้บรรพชาเป็นสามเณรเมื่อ 2466 ในสำนักพระอุปัชฌาย์ ป้อง ณ วัดบ้านหนองขอน ต.หัวทะเล อ.อำนาจเจริญ จ.อุบลราชธานี เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน ปี 2452 โดยมีสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (อ้วน ติสโส) สมัยเมื่อดำรงสมณศักดิ์เป็นพระศาสนดิลก เจ้าคณะมณฑลอีสาน
พระอาจารย์สิงห์ ได้เข้าถวายตัวเป็นศิษย์ หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต และได้ฝึกอบรมสมาธิภาวนากรรมฐานอยู่กับหลวงปู่มั่น จนมีกำลังอันแก่กล้าแล้ว จึงได้แยกย้ายอบรมสั่งสอนแก่บรรดาลูกศิษย์ ท่านจะแนะนำอุบายให้พิจารณาจนกระจ่างแจ่มใสเลยทีเดียว
พระอาจารย์สิงหื ท่านได้มีโอกาสพบกับพระผู้สหาย ซึ่งต่อมาเป็นพระเถรผู้ใหญ่แห่งจังหวัดสุรินทร์ นั่นคือ หลวงปู่ดุลย์ อตุโล สมัยนั้นหลวงปู่ดุลย์ยังอยู่ในฝ่ายมหานิกายยังไม่ได้ญัตติเป็นธรรมยุติกนิกาย ดังนั้นพระอาจารย์สิงห์หลวงปู่ดุลย์แล้ว ได้เห็นปฏิปทาในการศึกษา ประพฤติปฏิบัติในพระศาสนาอย่างจริงจัง ท่านจึงได้ญัติเป็นพระธรรมยุติกนิกายแก่หลวงปู่ดุลย์สำเร็จเมื่อ ปี 2461
พระอาจารย์สิงห์ ท่านมีน้องชายที่สนใจทางด้านปริยัติธรรมจนสามารถสอบได้เป็นมหา นั่นคือ พระอาจารย์มหาปิ่น ปัญญาพโล แต่ท่าพระอาจารย์สิงห์ มีความประสงค์ให้พระผู้น้องได้ประพฤติในทางปฏิบัติธรรม ท่านจึงได้ปรารถเรื่องนี้กับ หลวงปุ่ดุลย์ และได้เชิญหลวงปู่ดุลย์ให้ช่วยทรมานและชักนำพระมหาปิ่นให้มาสนใจทางธุดงคกรรมฐาน การทรมานมิได้ใช้วิธีรุนแรง แต่เป็นการทรมานให้เห็นความสำคัญและปฏิปทาในการปฏิบัติ ในที่สุดท่านทั้งสองก็สามารถโน้มน้าวจนพระอาจารย์มหาปิ่นเลื่อมใสในกิจธุดงค์ได้
ปี 2463 พระอาจารย์สิงห์ ท่านได้เดินธุดงค์ผ่านมาพักจำพรรษาอยู่ที่วัดบ้านนาสีดา อำเภอบ้านผือ จังหวัดอุดรธานี ท่านได้พบกันเด็กหนุ่มรุ่นคนหนึ่งมีความเคารพนับถือพระอาจารย์สิงห์มาก เข้ามารับใช้อุปัฏฐากทุกสิ่งอย่าง เด็จหนุ่มคนนั้นคือเทสก์ เรี่ยวแรง ซึ่งก็คือ หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี นั่นเอง
พระอาจารย์สิงห์ ได้รับพระราชสมณศักดิ์ขึ้นเป็น พระราชาคณะชั้นสามัญฝ่ายวิปัสสนาธุระมีนามว่า พระญาณวิศิษฏ์สมิทธิวีราจารย์ เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2500
แต่เมือวันที่ 8 กันยายน 2507 เวลา 10.20 น. ท่านได้จากไปเพราะอาพาธด้วยโรคมะเร็งเรื้อรังในกระเพาะอาหาร ณ วัดป่าสาลวัน จ.นครราชสีมา รวมสิริอายุได้ 73 พรรษา
โอวาทธรรม พระอาจารย์สิงห์ และ พระมหาปิ่น ปญฺญาพโล
ได้เรียบเรียงแบบถึงพระไตรสรณคมแบบวิธีนั่งสมาธิภาวนา ตามที่คุณหา บุญมาไชย์ ปลัดขวาอำเภอพระลับ จังหวัดขอนแก่นอารธนาให้เรียบเรียงไว้เมื่อปี 2474
วัดบวรนิเวชธาราม ตั้งอยู่บ้านนาสมบูรณ์ หมู่ที่ ๑ ตำบลหนองไฮ อำเภอเมืองอุดรธานี จังหวัดอุดรธานี
สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย ที่ดินตั้งวัดมีเนื้อที่ ๑๓ ไร่ อาณาเขต " ทิศเหนือ "จดโรงเรียน ทิศใต้ จดบ้านราษฎร ทิศตะวันออก
ติดทุ่งนา ทิศตะวันตก จดทางสาธารณะ อาคารเสนาสนะประกอบด้วย ศาลาการเปรียญ เป็นอาคารไม้ และกุฎิสงฆ์
ประวัติความเป็นมา วัดบวรนิเวชธาราม เริ่มสร้างเมื่อประมาณ ปี พ.ศ. ๒๔๗๘ โดยมี นายชัย แก้วอิน บริจาคที่ดิน
และสร้างวัดขึ้น ตั้งชื่อว่า " วัดบ้านหนองไฮ " ต่อมาได้ตั้งวัดขึ้นมาใหม่เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๘๓ ในชื่อว่า " วัดบวรนิเวชธาราม " ซึ่งใช้มาจนถึงปัจจุบัน
การบริหารและการปกครอง มีเจ้าอาวาสเท่าที่ทราบรายนามคือ
รูปที่๑ พระอุ่น พ.ศ. ๒๔๗๘ - ๒๔๘๐
รูปที่๒ พระผาย พ.ศ. ๒๔๘๐ - ๒๔๘๔
รูปที่๓ พระไมล์ พ.ศ. ๒๔๘๔ - ๒๔๘๗
รูปที่๔ พระโฮม พ.ศ. ๒๔๘๘ - ๒๔๙๔
รูปที่๕ พระบัว พ.ศ. ๒๔๙๕ - ๒๕๒๐
รูปที่๖ พระตา พ.ศ. ๒๕๒๑ - ๒๕๒๖
รูปที่๗ พระสีนวล พ.ศ ๒๕๒๗ - ๒๕๒๘
รูปที่๘ พระน้อย กตฺปุญโญ พ.ศ. ๒๕๒๙ - จนถึงปัจจุบัน
ปัจจุบันดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดบวรนิเวชธาราม