สมเด็จพระมหามุนีวงศ์ (สนั่น จนฺทปชฺโชโต ป.ธ.๙)
เกิด ๘ กันยายน พ.ศ. ๒๔๕๑
อายุ ๙๐ ปี
อุปสมบท พ.ศ. ๒๔๗๑
มรณภาพ ๒ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๑
วัด วัดนรนาถสุนทริการาม
ท้องที่ กรุงเทพมหานคร
สังกัด ธรรมยุติกนิกาย
วุฒิการศึกษา น.ธ.เอก, ป.ธ.๙
สถานะเดิม
สมเด็จพระมหามุนีวงศ์ มีนามเดิมว่า สนั่น สรรพสาร เกิดเมื่อวันอังคารที่ ๘ กันยายน พ.ศ. ๒๔๕๑ ตรงกับวันขึ้น ๑๓ ค่ำ เดือน ๑๐ ปีวอก ภูมิลำเนาอยู่บ้านหนองบ่อ ตำบลหนองบ่อ อำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี โยมบิดาเป็นกำนันตำบลหนองบ่อชื่อนายคำพ่วย โยมมารดาชื่อนางแอ้ม ตอนที่ท่านคลอด เกิดเหตุลมกรรโชกแรง และมีฟ้าแลบฟ้าร้องดังสนั่น กำนันคำพ่วยจึงตั้งชื่อบุตรคนที่ ๖ นี้ว่าสนั่น ต่อมานางแก้ว พี่สาวของโยมมารดาได้รับท่านไปเลี้ยงดูเป็นบุตรบุญธรรมเพราะตนกับนายเคน สามีไม่มีบุตร ท่านจึงเรียกลุงกับป้าว่าพ่อแม่
บรรพชาอุปสมบท
ปี พ.ศ. ๒๔๖๐ ป้าแก้วได้ถึงแก่กรรมลง เด็กชายสนั่นจึงบวชเณรหน้าไฟอุทิศให้ป้า ณ วัดบูรพาพิสัย จังหวัดอุบลราชธานี โดยมี พระอธิการเคน คมฺภีรปญฺโญ เป็นพระอุปัชฌาย์ เมื่อบวชแล้วท่านพอใจในสมณเพศมาก มากจึงดำรงสมณเพศต่อมาโดยไม่ลาสิกขาบท เมื่ออยู่วัดบูรพาพิสัยได้ ๔ ปี พระศาสนดิลก (เสน ชิตเสโน) ได้พาท่านมาอยู่วัดศรีทอง (ปัจจุบันคือวัดศรีอุบลรัตนาราม) และได้เรียนภาษาไทยและภาษาบาลีกับพระศรีธรรมวงศาจารย์ (ทองจันทร์ เกสโล)
พระศาสนดิลก (เสน ชิตเสโน) เห็นว่าสามเณรสนั่นมีความประพฤติดี มีความเพียร ความอดทน และใฝ่เรียนจึงได้ได้พาท่านมาฝากกับพระอุบาลีคุณูปมาจารย์ (จันทร์ สิริจนฺโท) วัดบรมนิวาสราชวรวิหาร ในปี พ.ศ. ๒๔๖๘ เพื่อเล่าเรียนพระปริยัติธรรม ถึง พ.ศ. ๒๔๗๑ ท่านจึงได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุ ณ พระอุโบสถวัดบรมนิวาส โดยมี พระครูศีลวรคุณ (อ่ำ ภทฺราวุโธ) เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอมราภิรักขิต (ชัย ชิตมาโร) เป็นพระกรรมวาจาจารย์ ได้นามฉายาว่า จนฺทปชฺโชโต
การศึกษา
พ.ศ. ๒๔๖๙ สอบได้ นักธรรมชั้นตรี
พ.ศ. ๒๔๗๐ สอบได้ นักธรรมชั้นโท
พ.ศ. ๒๔๗๑ สอบได้ เปรียญธรรม ๓ ประโยค
พ.ศ. ๒๔๗๒ สอบได้ เปรียญธรรม ๔ ประโยค
พ.ศ. ๒๔๗๓ สอบได้ เปรียญธรรม ๕ ประโยค
พ.ศ. ๒๔๗๔ สอบได้ เปรียญธรรม ๖ ประโยค
พ.ศ. ๒๔๗๕ สอบได้ นักธรรมชั้นเอก
พ.ศ. ๒๔๘๐ สอบได้ เปรียญธรรม ๗ ประโยค
พ.ศ. ๒๔๘๔ สอบได้ เปรียญธรรม ๘ ประโยค
พ.ศ. ๒๔๘๖ สอบได้ เปรียญธรรม ๙ ประโยค
ตำแหน่ง
ฝ่ายปกครอง
พ.ศ. ๒๔๘๖ เป็น สมาชิกสังฆสภา
พ.ศ. ๒๕๐๑ - ๒๕๔๑ เป็น เจ้าอาวาสวัดนรนาถสุนทริการาม พระอารามหลวง
พ.ศ. ๒๕๑๐ เป็น เจ้าคณะภาค ๘ และ ๑๐ (ธ)
พ.ศ. ๒๕๑๒ เป็น กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าคณะภาค ๘ (ธ)
มรณกาล
สมเด็จพระมหามุนีวงศ์ อาพาธด้วยโรคไตและโรคปอด ต่อมามีอาการรุนแรงขึ้น และมีโรคเบาหวานและหอบเกิดขึ้นแทรกซ้อนและถึงแก่มรณภาพด้วยโรคชรา ณ โรงพยาบาลวิชัยยุทธ เมื่อวันจันทร์ที่ ๒ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๑ เวลา ๑๓.๔๐ น. ตั้งศพบำเพ็ญกุศล ณ ตึกสามัคคีเนรมิตร วัดนรนาถสุนทริการาม ได้รับพระราชทานโกศไม้สิบสองบรรจุศพ รับศพไว้ในพระบรมราชานุเคราะห์โดยตลอด และมีพระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรมเวลากลางคืนกำหนด ๗ คืน
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์ไปพระราชทานเพลิงศพ ณ เมรุหลวงหน้าพลับพลาอิศริยาภรณ์ วัดเทพศิรินทราวาส เมื่อวันจันทร์ที่ ๗ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๔๒ เวลา ๑๗.๓๐ น.
สมณศักดิ์
๑ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๘๙ เป็น พระราชาคณะชั้นสามัญ ที่ พระอมรเวที
พ.ศ. ๒๔๙๘ เป็น พระราชาคณะชั้นราช ในราชทินนามเดิม
๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๐๑ เป็น พระราชาคณะชั้นเทพ ที่ พระเทพวราภรณ์ ธรรมนีติปกรณ์โกศล วิมลญาณนายก ตรีปิฎกคุณาลังการ ศาสนภารธุราทร ยติคณิสสร บวรสังฆาราม คามวาสี [1]
๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๐๖ เป็น พระราชาคณะชั้นธรรม ที่ พระธรรมวราภรณ์ สุนทรอรรถสาทิส วิจิตรธรรมภาณี ตรีปิฎกคุณาลังการ ศาสนภารธุราทร ยติคณิสสร บวรสังฆาราม คามวาสี [2]
๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๑๙ เป็น รองสมเด็จพระราชาคณะ มีราชทินนามตามที่จารึกในหิรัญบัฏว่า พระพรหมมุนี ศรีวิสุทธิญาณนายก ตรีปิฎกคุณาลงกรณ์ ธรรมยุตติกคณิสสร บวรสังฆาราม คามวาสี
๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๓๒ เป็น สมเด็จพระราชาคณะ ที่ สมเด็จพระมหามุนีวงศ์ พิพัฒนพงศ์วิสุต พุทธพจนานุสิฐ วิจิตรธรรมานุศาสน์ปสาทกร สุนทรพิพิธธรรมจารี ตรีปิฎกบัณฑิต ธรรมยุติกคณิสสร บวรสังฆาราม คามวาสี อรัณยวาสี
ข้อมูลsangkhatikan