หลวงปู่พัก วัดบึงทองหลาง หรือ "พระครูธรรมสมาจารย์" (หลวงปู่พัก ธมฺมทตฺโต) หลวงปู่ท่านเกิดเมื่อเดือนมิถุนายน ปี พ.ศ. ๒๔๑๙ มีนามเดิมว่า "พัก แย้มพิทักษ์" พื้นเพเดิมท่านเป็นชาวอำเภอสวรรคโลก จังหวัดสุโขทัย
โดยเหตุที่ท่านมีชื่อ "พัก" นั้น เล่ากันว่า โยมมารดาได้เดินทางกลับไปเยี่ยมบ้านเดิมเพื่อที่จะฝากครรภ์ ไว้ที่บ้านตา ขณะที่หยุดพักใต้ร่มไม้ใหญ่ชายป่า เกิดเจ็บท้องกะทันหัน และได้คลอดบุตรชายออกมา จึงได้ตั้งชื่อว่า "เด็กชายพัก"
ปี พ.ศ. ๒๔๒๗ ท่านมีอายุได้ ๘ ขวบ โยมบิดาได้พาเข้ากรุงเทพฯ เพื่อมาฝากให้เป็นศิษย์ (วัดสุทัศนเทพวราราม) คอยปรนนิบัติรับใช้สมเด็จพระวันรัต (แดง) วัดสุทัศน์ฯ และเพื่อให้ได้รับการศึกษาเล่าเรียน
เมื่อท่านมีความคุ้นเคยกับวัดดีแล้ว ท่านสมเด็จพระวันรัตได้เมตตา บรรพชาให้เป็นสามเณร ศึกษาเล่าเรียนพระธรรมวินัย พระปริยัติธรรม รวมทั้งเรียนพุทธเทวมหามนต์ วิชาความรู้ทางช่าง บูรณะวัดและวิชาความรู้ต่างๆ ที่มีครูผู้สอน มีตำรับตำราตกทอดกันมา
นอกจากนี้ยังศึกษาตำราการสร้างพระที่มีตกทอดสืบกันมา รวมถึงได้มีโอกาสได้เรียนวิปัสสนากรรมฐานจากสำนักของ "สมเด็จพระสังฆราช" (สา) วัดราชประดิษฐาราม อีกด้วย
ปี พ.ศ. ๒๔๓๙ หลวงปู่พัก ท่านมีอายุครบบวช จึงได้อุปสมบท ณ พระพัทธสีมาวัดสุทัศนเทพวราราม ได้รับฉายาว่า "ธมฺมทตฺโต" โดยมี
สมเด็จพระวันรัต (แดง สีลวฑฺฒนมหาเถร) เป็นพระอุปัชฌาย์
พระศรีสมโพธิ (แพ ติสสเทวมหาเถร) เป็นพระกรรมวาจาจารย์
เมื่ออุปสมบทแล้ว ท่านได้อยู่จำพรรษาที่วัดสุทัศน์เรื่อยมา โดยหลวงปู่พัก ถือเป็นพระภิกษุที่ขยันหมั่นเพียร หมั่นฝึกฝนตนเอง ศึกษาเล่าเรียนพระธรรมวินัยจนแตกฉาน ท่องบทพุทธเวทมหามนต์ชั้นสูงของสำนัก (วัดสุทัศน์) ตลอดจนมีความสามารถในการเจริญจิตภาวนา วิปัสสนากรรมฐาน มีความสามารถเชี่ยวชาญจนกระทั่งนำไปถ่ายทอดสอนให้แก่ผู้อื่น
ปี พ.ศ. ๒๔๔๔ เมื่อหลวงปู่พักท่านบวชได้ ๕ พรรษา ทางวัดบึงทองหลาง ซึ่งมีพระอธิการสิน เป็นเจ้าอาวาส ได้มีหนังสือมายัง สมเด็จพระวันรัต (แดง) ขอให้ส่งพระที่มีความรู้ มาช่วยดูแลวัดด้วยเพราะตัวท่านชราภาพมากแล้ว
หลวงปู่พัก จึงได้รับคัดเลือกให้มาทำความเจริญรุ่งเรืองแก่วัดบึงทองหลางตั้งแต่บัดนั้น ในฐานะผู้ช่วยเจ้าอาวาส
ปี พ.ศ. ๒๔๔๙ พระอธิการสิน ท่านได้มรณภาพลง หลวงปู่พัก ได้จัดงานศพให้อย่างสมเกียรติ หลังจากนั้นจึงได้รับตราตั้งให้ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสสืบแทน
ปี พ.ศ. ๒๔๕๑ หลวงปู่พัก ครองตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดบึงทองหลางได้ ๒ ปี ท่านก็ได้รับตราตั้งให้เป็นพระอุปัชฌาย์
ในช่วงเวลานั้น "หลวงปู่พัก ธมฺมทตฺโต" ท่านได้ยินกิตติศัพท์ของหลวงปู่ทอง วัดราชโยธา พระโขนง ซึ่งอยู่ในละแวกเดียวกันว่า ท่านเป็นพระแท้มีอาคมขลังเป็นที่นับถือของคนทั่วไปในย่านนั้น ท่านจึงพายเรือไปกราบนมัสการในฐานะพระผู้น้อยเคารพพระผู้ใหญ่
และได้เห็นวัตรปฏิปทาของหลวงปู่ทอง ที่เพียบพร้อมน่าศรัทธา จึงบังเกิดความเลื่อมใส ขอฝากตัวเป็นศิษย์ ขอศึกษาเล่าเรียนวิชาต่างๆ ตลอดจนวิชาการสร้างวัตถุมงคลให้ขลัง เรียนวิชาทำผงพุทธคุณ เรียนทำผงตรีนิสิงเห เรียนสูตรเขียนยันต์จนชำนาญ สำเร็จยันต์ถึงขั้นเคาะผงทะลุกระดานได้ หลวงปู่พัก ชอบยันต์นี้มาก และใช้ยันต์เป็นประจำต่อมา
เมื่อท่านเขียนยันต์ตรีนิสิงเห ลงในตระกรุดผ้าประเจียด ผ้ายันต์ แจกจ่ายแก่ลูกศิษย์ลูกหาญาติโยม ปรากฏว่า มีความศักดิ์สิทธิ์ในด้านคงกระพันชาตรี ป้องกันเขี้ยวงา จนเป็นที่เลื่องลือ
ซึ่งนอกจากหลวงปู่พักแลัวยังมีลูกศิษย์ฝ่ายสงฆ์ที่ไปขอเรียนวิชากับหลวงปู่ทอง วัดราชโยธา อีกได้แก่ หลวงพ่อปั้น วัดสะพานสูง บางซื่อ หลวงพ่อเผือก วัดลาดพร้าว บางกะปิ และหลวงพ่อเผือก วัดกิ่งแก้ว บางพลี
ซึ่งคณาจารย์ที่กล่าวมาล้วนแต่เป็นผู้ที่มีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวาง โดยคณาจารย์ล้วนแต่พายเรือลัดเลาะมาตามคลองเพื่อหาความรู้และหาครูบาอาจารย์ โดยมาขึ้นที่ท่าเทียบเรือวัดราชโยธา เพื่อฝากตัวเป็นศิษย์และศึกษาทางด้านเวทยาคมจากหลวงปู่ทองทั้งสิ้น
หลวงปู่พัก ท่านเป็นพระที่สมถะ ไม่จับปัจจัย แต่ญาติโยมจะนำเงินมาวางอยู่ใครอยากได้เท่าไหร่ก็หยิบไป ทำนองว่าศิษย์หลวงปู่ไม่มีโกง เพราะเป็นผู้มีความเคารพซื่อตรงต่อหลวงปู่ หลวงปู่ยังนุ่งเจียม ห่มเจียม ประหยัด เคร่งในพระธรรมวินัย
และพระลูกวัดทุกรูปต้องอยู่ในวินัยสงฆ์เช่นกัน ท่านไม่เคยขาดลงโบสถ์ ทำวัตรเช้าเย็น นอนแต่หัวค่ำ ตื่นแต่เช้า บางครั้งในยามดึกท่านจะตื่นขึ้นมาตรวจกุฏิสงฆ์ ท่านจะห้อยพวงกุญแจไว้ที่รัดประคต จะได้ยินเสียงลูกกุญแจกระทบกันดังมาก่อนตัว
เมื่อท่านพบพระภิกษุรูปใดทำผิด ๓ ครั้ง หลังจากตักเตือนแล้ว ท่านจะแนะนำให้สึกหาลาเพศ จนเป็นที่ยำเกรงของหมู่สงฆ์ หรือในอีกภาพลักษณ์หลวงปู่จะเป็นพระที่ดุ หมายถึงให้ศิษย์หรือพระที่บวชเข้ามาเคร่งครัดในวัตรปฏิบัติตามพระธรรมวินัยของพระสงฆ์
หลวงปู่พัก เมื่อได้มาครองวัดบึงทองหลางในตำแหน่งเจ้าอาวาส ตั้งแต่ พ.ศ.๒๔๕๑ ก็ได้พัฒนาวัดบึงทองหลางให้เจริญก้าวหน้า อย่างที่ปรากฏเป็นที่ทราบของชาววัดบึงทองหลาง จนได้รับการยกย่องจากคณะสงฆ์ชั้นปกครองให้
ปี พ.ศ. ๒๔๗๕ ท่านได้รับการแต่งตั้งให้เป็นพระครูชั้นประทวน ขณะที่มีอายุ ๕๖ ปี ที่พระครูธรรมทัตฺโต
ปี พ.ศ. ๒๔๙๕ ท่านได้รับตำแหน่งเป็น พระครูสัญญาบัตร ขณะที่ท่านมีอายุ ๗๖ ปี ที่พระครูธรรมสมาจารย์
นอกจากนี้ หลวงปู่พักยังได้ดำรงตำแหน่งพระอุปัชฌาย์ที่จะให้การบวชแก่กุลบุตรที่ประสงค์จะบวชในพระพุทธศาสนาที่มีท่านเพียงรูปเดียวในเขตบางกะปิ (ที่ครอบคลุมพื้นที่เขตบางกะปิ เขตบึงกุ่ม เขตวังทองหลาง เขตวัดลาดพร้าว เป็นต้น)
จึงทำให้ท่านมีลูกศิษย์ที่บวชกับท่านเป็นจำนวนมากไม่ว่าจะเป็นวัดบางชัน วัดบางกะปิ วัดสามง่าม(บางเขน) วัดลาดพร้าว วัดศรีบุญเรือง วัดพิชัย วัดกลาง วัดบางเตย วัดเทพลีลา และวัดพระไกรศรี(น้อย) เป็นต้น
นอกเหนือจากเป็นพระเกจิคณาจารย์และอุปัชฌาย์แล้วหลวงปู่ยังได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าคณะแขวงบางกะปิอีกตำแหน่งหนึ่งด้วย
หลวงปู่พัก ปกครองวัดเรื่อยมาจนถึงแก่มรณะภาพลงด้วยโรคชราเมื่อเดือนสิงหาคม ปี พ.ศ. ๒๕๐๑ นับรวมสิริอายุได้ ๘๒ ปี ๖๒ พรรษา.
วัตถุมงคลของหลวงพ่อพัก วัดบึงทองหลาง
วัตถุมงคลในยุคแรกของท่าน ท่านจะสร้างเป็น ตะกรุด และผ้ายันต์ สำหรับพระเครื่องยุคแรกเป็นพระชินราชเนื้อผง พระปิดตาเนื้อผง แต่มีจำนวนน้อยมาก จึงไม่ค่อยพบเห็นเป็นที่รู้จักแพร่หลายมากนัก วัตถุมงคลประเภทพระหล่อโบราณ ประกอบไปด้วย พระปิดตา พระนางพญา พระนาคปรก
ข้อมูลpra-gejisiam