สมเด็จพระพุฒาจารย์ (สนิท ชวนปญฺโญ) มีนามเดิมว่า สนิท นามสกุล วงษา เกิดเมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2485 ณ บ้านเลขที่ 28 หมู่ที่ 6 ตำบลดงน้อย อำเภอราชสาส์น จังหวัดฉะเชิงเทรา อุปสมบทเมื่อวันที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2506 ณ วัดเกาะแก้วเวฬุวัน อำเภอราชสาส์น จังหวัดฉะเชิงเทรา โดยมีพระอดุลสารมุนี วัดท่าเกวียน อำเภอพนมสารคาม จังหวัดฉะเชิงเทรา เป็นพระอุปัชฌาย์
สมณศักดิ์
5 ธันวาคม พ.ศ. 2520 รับพระราชทานตั้งสมณศักดิ์ขึ้น เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญเปรียญ มีนามว่าพระศรีวีราภรณ์, (สป.)
5 ธันวาคม พ.ศ. 2528 รับพระราชทานตั้งสมณศักดิ์ขึ้น เป็นพระราชาคณะชั้นราช มีนามว่า พระราชวีราภรณ์ ตรีปิฎกบัณฑิต มหาคณิสสร บวรสังฆาราม คามวาสี
5 ธันวาคม พ.ศ. 2534 รับพระราชทานตั้งสมณศักดิ์ขึ้น เป็นพระราชาคณะชั้นเทพ มีนามว่า พระเทพปัญญาเมธี ศีลาจารวิจิตร ตรีปิฎกบัณฑิต มหาคณิสสร บวรสังฆาราม คามวาสี
5 ธันวาคม พ.ศ. 2539 รับพระราชทานตั้งสมณศักดิ์ขึ้น เป็นพระราชาคณะชั้นธรรม มีนามว่าพระธรรมปริยัติโสภณ วิมลศีลาจารวินิฐ พิพิธกิจจานุกิจ ตรีปิฎกบัณฑิต มหาคณิสสร บวรสังฆาราม คามวาสี
5 ธันวาคม พ.ศ. 2544 รับพระราชทานสถาปนาสมณศักดิ์ขึ้น เป็นพระราชาคณะเจ้าคณะรองชั้นหิรัญบัฏ ในราชทินนามที่ พระพรหมเวที ศรีสังฆโสภณ วิมลศีลาจาร สุวิธานปริยัติกิจ ตรีปิฎกบัณฑิต มหาคณิสสร บวรสังฆาราม คามวาสี
5 ธันวาคม พ.ศ. 2557 ได้รับพระราชทานสถาปนาสมณศักดิ์ขึ้น เป็นสมเด็จพระราชาคณะชั้นสุพรรณบัฏ ในราชทินนามที่ สมเด็จพระพุฒาจารย์ พุทธสุวรรณมหาวิหารวรากร สุนทรอรัญญิกมหาปริณายก ดิลกกิจจานุกิจโกศล วิมลศีลาจารนิวิฐ ตรีปิฎกบัณฑิต มหาคณิสสร บวรสังฆาราม คามวาสี อรัญวาสี
วัดไตรมิตรวิทยาราม เป็นวัดโบราณในที่ลุ่มพระอารามเป็นเรือนไม้ ตั้งอยู่ที่ถนนตรีมิตร แขวงตลาดน้อย เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพมหานคร
วัดไตรมิตรวิทยารามมีชื่อเดิมว่า "วัดสามจีน" เข้าใจกันว่า ชาวจีน 3 คนร่วมกันสร้างพระอารามเพื่อเป็นวิหารทานการบุญ ต่อมาในปี พ.ศ. 2477 พระมหากิ๊ม สุวรรณชาต ผู้รักษาการในหน้าที่เจ้าอาวาสเป็นผู้ริเริ่มปรับปรุงวัด ต่อมาในปี พ.ศ. 2480 ได้รับอนุมัติจากมหาเถรสมาคมให้ปรับปรุงสภาพวัดให้ดีขึ้น ปี พ.ศ. 2482 พ่อค้าประชาชน คณะครูและนักเรียน ได้ร่วมกันปฏิสังขรณ์และเปลี่ยนนามใหม่ เป็นชื่อ "วัดไตรมิตรวิทยาราม" ซึ่งมีความหมายว่า เพื่อน 3 คนร่วมกันสร้างวัดนี้ ประกอบกับวัดเป็นที่ตั้งโรงเรียนปริยัติธรรมและโรงเรียนไตรมิตรวิทยาลัยของรัฐบาลอยู่ภายในบริเวณวัด
วัดไตรมิตรวิทยารามยังเป็นที่จำพรรษาของสมเด็จพระราชาคณะ 2 รูป และเจ้าคณะใหญ่หน 2 หน คือ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (สนิท ชวนปญฺโญ) เจ้าคณะใหญ่หนตะวันออก ซึ่งเป็นเจ้าอาวาสวัดไตรมิตรวิทยารามด้วย และ สมเด็จพระมหารัชมงคลมุนี (ธงชัย ธมฺมธโช) เจ้าคณะใหญ่หนกลาง ซึ่งเป็นผู้ช่วยเจ้าอาวาส
ลำดับเจ้าอาวาสวัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหาร 9 รูป ได้แก่
1 พระปรากรมมุนี (เปลี่ยน) พ.ศ. 2421 พ.ศ.2438
2 พระครูวิริยานุกิจจารี (กล่อม) พ.ศ. 2438 พ.ศ. 2454
3 พระครูวิริยกิจจากรี (โม) พ.ศ.2454 พ.ศ.2461
4 พระอธิการโป๊ ธมฺมสโร พ.ศ.2461 พ.ศ.2465
5 พระใบฎีกา ขำ อินฺทโชโต พ.ศ.2465 พ.ศ.2477
6 พระมหากิ๊ม สุวรรณชาติ พ.ศ.2477 พ.ศ.2479
รักษาการ พระปริยัติบัณฑิต (คำ อาภารํสิเถร) พ.ศ. 2479 พ.ศ.2481
7 พระมหาเจียม กมโล พ.ศ.2481 พ.ศ.2487
8 พระวิสุทธาธิบดี (ไสว ฐิตวีโร) พ.ศ. 2487 พ.ศ. 2531
9 สมเด็จพระพุฒาจารย์ (สนิท ชวนปญฺโญ) พ.ศ. 2532 ยังดำรงตำแหน่ง
พระสุโขทัยไตรมิตร
สิ่งสำคัญของวัด คือ พระสุโขทัยไตรมิตร เป็นพระพุทธรูปทองคำที่ใหญ่ที่สุดและได้รับการบันทึกในหนังสือบันทึกสถิติโลกกินเนสส์ พระพุทธรูปทองคำองค์นี้มีหน้าตั้งกว้าง 3.01 เมตร สูง 3.91 เมตร องค์พระสามารถถอดได้ 9 องค์ จากฐานองค์พระขึ้นไปเนื้อทองบริสุทธิ์ 40% พระพักตร์มีเนื้อทอง 80% ส่วนพระเกศมีน้ำหนัก 45 กิโลกรัม เป็นเนื้อทองบริสุทธิ์ 99.99%
สันนิษฐานว่าสร้างในสมัยสุโขทัย ปางมารวิชัย เข้าใจว่า เดิมประดิษฐานอยู่ที่วัดมหาธาตุ จังหวัดสุโขทัย ต่อมาในสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ได้โปรดเกล้าฯ ให้กรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท ไปอัญเชิญพระพุทธรูปมาจากเมืองเหนือเพื่อนำมาประดิษฐานยังวัดสำคัญ พระพุทธรูปที่เชิญมามีจำนวนมาก ทำให้ดูแลไม่ทั่วถึง ขุนนางผู้หนึ่งจึงแอบเอาปูนไล้พระพุทธรูปทองคำแล้วนำมาไว้ยังวัดที่ตนสร้าง จนได้อัญเชิญมาไว้ที่วัดพระยาไกร (วัดโชติการาม) ต่อมาบริษัท อี๊สต์เอเชียติ๊ก ได้ขอเช่าที่วัด (ซึ่งขณะนั้นเป็นวัดร้างแล้ว) เป็นโรงเลื่อยจักร จึงได้อัญเชิญไว้ที่ข้างพระเจดีย์และปลูกเพิงสังกะสีมุงเป็นหลังคากั้นไว้อย่างหยาบ ๆ หลังจากนั้นเป็นเวลาเกือบ 20 ปี เมื่อพระอุโบสถและพระวิหารหลังใหม่สร้างเสร็จจึงได้อัญเชิญขึ้นประดิษฐาน แต่ในระหว่างการเคลื่อนย้ายปูนที่หุ้มองค์พระกระเทาะออก จึงทำให้เห็นองค์พระข้างในเป็นทองคำ เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2498
ข้อมูลวิกิพีเดีย