จุนที (สันสกฤต: चुन्दी, สัทอักษรสากล: [t͜ɕʊndiː]; จีนตัวเต็ม: 準提菩薩; จีนตัวย่อ: 准提菩萨; พินอิน: Zhǔntí Púsà; ทิเบต: ལྷ་མོ་སྐུལ་བྱེད་མ།, ไวลี: lha mo skul byed ma, THL: lha-mo kül-jé-ma) หรือ จุณฑา (चुन्दा, สัทอักษรสากล: [t͜ɕʊndaː]) หรือที่รู้จักในพระนาม สัปตโกฏิพุทธมาตร (सप्तकोटिबुद्धमत्ड़्, "เทวีแห่งเจ็ดสิบล้าน (สัปตโกฏิ) [พระพุทธรูป]"; จีน: 七俱胝佛母; พินอิน: Qījùzhī Fómǔ) เป็นพระโพธิสัตว์องค์หนึ่งในศาสนาพุทธมหายาน เช่นเดียวกับพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ แต่มีคนรู้จักน้อยกว่า เชื่อกันว่าพระองค์เป็นพระพุทธมารดาภาคสัมโภคกาย (กายทิพย์) ของพระเจ้าห้าพระองค์ในภัทรกัปปัจจุบัน มักจะเข้าใจกันผิดว่าเป็นพระแม่กวนอิม เพราะเกิดจากความเชื่อในพุทธศาสนาของนิกายฉาน ที่กล่าวว่าพระจุนทีนั้นเป็นภาคหนึ่งของพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ แล้วนำไปจัดรวมไว้ในรูปเคารพของกวนอิม 6 ปางใหญ่ ซึงในขณะที่นิกายอื่น ๆ ของทางมหายานเนั้นจะถือว่าพระจุนทีกับพระกวนอิม นั้นเป็นคนละองค์กัน หลายที่ก็ยังไปจำสับสนด้วยรูปลักษณะของพระมารีจี ซึ่งเป็นมารดาของเทวดานพเคราะห์ทางลัทธิเต๋า บ้างก็ไปจำสับสนกับพระมหามายูรีที่ทรงนกยูงเป็นพาหนะ โดยพระโพธิสัตว์พระองค์นี้จะมีกล่าวถึง แต่ไม่ค่อยมีบทบาทเท่าไรในพระพุทธศาสนาของจีน แต่จะมีบทบาทในญี่ปุ่นมากกว่า
รูปลักษณ์ของท่านอยู่ในท่านั่งหรือยืน จะทรงมีสิบแปดพระกร มีพระเนตร 3 พระเนตร ลักษณะที่สังเกตได้ง่าย คือ หนึ่งในพระกรทั้งสิบแปดพระกรนั้นจะทรงร่มไว้คันหนึ่งเสมอ
พระจุนทีโพธิสัตว์ (准提菩薩) ในภาษาจีนกลางจะเรียกว่า “จุ่นถีผูซา” และในภาษาจีนแต้จิ๋วจะเรียกว่า “จุ้งที้พู้สัก” โดยทรงมีนามอย่างเต็ม ๆ ว่า “พระจุนทีสัปตโกฏิพุทธภควตี” ทางมหายานถือว่าพระองค์เป็นพระพุทธมารดาในรูปสัมโภคกายแห่งพระพุทธเจ้าในตรีกาลของภัทรกัปนี้ (อดีต ปัจจุบัน และอนาคต) ที่ทรงมีบุญญาบารมี และอิทธิฤทธิ์มากมาย สามารถบันดาลให้ผู้ที่เคารพศรัทธาสามารถสมปรารถนาได้ทุกประการ
วัดทิพยวารีวิหาร หรือ วัดกัมโล่วยี่ ตั้งอยู่ในซอยทิพยวารี ถนนตรีเพชร เขตพระนคร (บ้านหม้อ) กรุงเทพฯ สร้างขึ้นสมัยกรุงธนบุรีในปี พ.ศ. 2319 ในรัชสมัยของสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี และได้ถูกทิ้งร้างมาหลายสิบปี จนประมาณปี พ.ศ. 2439 พระอาจารย์ไหซัน พระภิกษุชาวจีนจากมณฑลหูหนาน ได้จาริกมาจำพรรษาที่วัดทิพยวารีวิหารแห่งนี้ และได้ทำการบูรณปฏิสังขรณ์วัดขึ้นมาใหม่โดยได้ความร่วมแรงร่วมใจจากชาวไทยและชาวจีนที่อาศัยอยู่ในละแวกนั้น จนวัดอยู่ในสภาพสมบูรณ์สวยงาม ในปีพ.ศ. 2452 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ทรงพระราชทานสมณศักดิ์ให้อาจารย์ไหซันเป็นหลวงจีนธรรมรสจีนศาสน์ ปลัดซ้ายจีนนิกาย ดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าอาวาสวัด และทรงพระราชทานนามวัดภาษาไทยว่า "วัดทิพยวารีวิหาร" โดยตั้งตาม "บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์" หรือ "บ่อน้ำทิพย์" ภายในวัดที่มีอายุกว่าสองร้อยปีนั่นเอง
ภายในวัดเป็นที่ตั้งของศาลเจ้าเทพมังกรเขียวที่ชาวจีนแต้จิ๋วนับถือกันมาอย่างช้านาน เชื่อกันว่ามีความศักดิ์สิทธิ์เป็นอย่างมากและจะประทานพรให้ผู้ที่มาขอพรสมความปรารถนา และยังช่วยคุ้มครองดวงชะตา เสริมพลังบารมี และโชคลาภอีกด้วย นอกจากนี้ ภายในวัดทิพยวารีวิหารยังมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์อื่นๆ ที่ผู้คนนิยมมากราบไหว้ เช่น องค์พระประธานทั้งสาม เจ้าแม่กวนอิมพันกร เจ้าแม่ทับทิม เทพเจ้ากวนอู องค์พระกษิติครรภโพธิสัตว์ พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร หมออูโต๋ว เทพปรองดอง เทพขุนพลเอี่ยยิ่ม และองค์ซำกวงหรือเทพสามตา
ข้อมูลวิกิพีเดีย