พระมเหศวร
พระมเหศวร เป็นพระเครื่องเนื้อชินชั้นนำที่สุดของจังหวัดสุพรรณบุรี มีเฉพาะที่กรุวัดพระศรีรัตนมหาธาตุแห่งเดียว พุทธลักษณะของพระมเหศวรเป็นพระปางสะดุ้งมารจะมี ๒ หน้า แต่ละหน้าของเศียรองค์พระจะสวนกัน จึงทำให้คนสมัยก่อนเรียกว่า “พระสวน” แต่ต่อมาจึงเรียกเพี้ยนกันว่า “มเหศวร”มิใช่นำชื่อของจอมโจรชื่อดังในสมัยก่อนมาเป็นชื่อพระ เพราะคำว่า “มเหศวร” มีมาก่อนจอมโจรชื่อดังคนนี้ เข้าใจว่าจอมโจรชื่อดังจะเอาชื่อ “พระมเหศวร”มาเป็นชื่อของตัวเองมากกว่า พระมเหศวร ที่พบมีประมาณ ๒๔ แบบ แต่ที่แบ่งแยกออกมาเป็นพิมพ์จะได้ ๕ พิมพ์ คือ ๑. พระมเหศวรพิมพ์ใหญ่ ๒. พระมเหศวรพิมพ์กลาง ๓. พระมเหศวรพิมพ์เล็ก ๔.พระสวนเดี่ยว ๕.พระสวนตรง พระมเหศวรที่พบส่วนใหญ่ จะเป็นเนื้อชินเงินเกือบทั้งหมด ที่เป็นชินเขียวก็มี แต่เข้าใจว่าเป็นยุคหลังสร้างล้อของเก่าที่เป็นเนื้อชินเงิน พระมเหศวร ควรจัดเป็นพระชั้นนำของกรุวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ ได้ถูกสร้างพร้อมกับพระผงสุพรรณที่เลื่องลือโดย “ฤๅษีพิมพ์พิลาไลย” เพราะฉะนั้น พุทธคุณจึงยอดเยี่ยมเหมือนพระผงสุพรรณเลยทีเดียว คือ มี เมตตามหานิยม แคล้วคลาดมหาอุดโดยเฉพาะด้านคงกระพันชาตรี ถือว่าสุดยอดที่สุด พระมเหศวร เป็นพระศิลปะแบบ “อู่ทอง” ผู้ที่มีไว้ในครอบครองถือว่านอกจากจะได้พระที่เปี่ยมไปด้วยพุทธคุณแล้ว ยังได้พระที่มีศิลปะล้ำค่าไว้ในครอบครองอีกด้วย ปัจจุบันจัดเป็นพระที่มีราคาสูง และจัดอยู่ ๑ ใน ๕ ยอดขุนพลประเภทเนื้อชินของประเทศไทย
ประวัติ
วัดพระศรีรัตนมหาธาตุตั้งอยู่ในย่านเมืองสุพรรณุบรีเก่า ได้รับการสถาปนาขึ้นแต่เมื่อใดไม่ปรากฏหลักฐานระบุให้ทราบ จนเมื่อ พ.ศ. 2456 ได้พบลานทองจารึกภาษามคธด้วยอักษรขอม (จารึกหลักที่ 47) จากองค์พระปรางค์ พรรณาถึงปฏิสังขรณ์พระปรางค์ซึ่งชำรุดให้คืนดีและจากจารึกพวัดส่องคบ จังหวัดชัยนาท (จารึกหลักที่ 58) พรรณาถึงเจ้าเมืองขุนเพชรสารว่า ได้เคยทำบุญอุทิศบ้านเรือนถวายวัดพระศรีรัตนมหาธาตุเมืองสุพรรณบุรี จารึกหลักนี้บอกศักราชเป็น 770 เทียบตรงกับ พ.ศ. 1951 ย่อมเป็นหลักฐานได้ว่า วัดพระศรีรัตนมหาธาตุได้รับการสถาปนาก่อนปีดังกล่าว
โบราณสถาน
พระปรางค์ประธาน สันนิษฐานว่าเป็นปรางค์สมัยอยุธยาตอนต้น[1] จากจารึกหลักที่ 47 อาจสันนิษฐานว่า พระจักรพรรดิ กษัตริย์พระองค์หนึ่งแห่งโยชฌา (อโยธยาหรือกรุงศรีอยุธยา) ทรงสร้างไว้ แล้วพระราชาธิราช ซึ่งเป็นโอรสทรงสร้างซ่อมให้สูงกว่าเดิม สันนิษฐานว่าพระเจ้าจักรพรรดิ ในจารึกหลักที่ 47 คือพระราชบิดาของสมเด็จพระนครอินทราธิราช ขณะที่วินัย พงศ์ศรีเพียร เชื่อว่าปรางค์องค์นี้มีมาก่อนสร้างกรุงศรีอยุธยา และเห็นว่ากษัตริย์สองพระองค์นี้คือพระเจ้าอยู่หัวทองเดิม (พระสัสสุระของพระเจ้าอู่ทองรามาธิบดีที่ 1) กับขุนหลวงพะงั่ว ส่วนหม่อมเจ้าสุภัทรดิศ ดิศกุล เห็นว่าปรางค์ประธานนี้มีรูปแบบหลายประการที่สอดคล้องกับแบบแผนของปรางค์ประธานวัดราชบูรณะ ซึ่งสร้างขึ้นในปี พ.ศ. 1967 จึงเชื่อว่าปรางค์ประธานวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ สุพรรณบุรี คงสร้างขึ้นราวครึ่งหลังของพุทธศตวรรษเดียวกัน[2]
พระปรางค์ก่อด้วยอิฐสอดินทั้งองค์ ผิวนอกตั้งแต่ฐานล่างขึ้นไปจนถึงชั้นรับนภศูลฉาบปูนเกลี้ยง เหนือฐานเชิงบาตรก่อเป็นครรภคฤหะทรงสี่เหลี่ยม ภายในห้องสี่เหลี่ยมเปิดเป็นคูหาทางเข้าด้านหน้าพระปรางค์ ภายนอกครรภคฤหะอีก 3 ทิศทำเป็นคูหาก่อพื้นในช่องตัน เหนือซุ้มคูหาเป็นชั้นครุฑอัษฏางค์ สำหรับอายุการสร้างพระปรางค์องค์นี้
เจดีย์สมัยอู่ทอง 2 องค์ ด้านหน้าพระปรางค์ อยู่ในสภาพทรุดโทรม ลักษณะเช่นเดียวกันกับเจดีย์สมัยอู่ทองวัดพระรูป เป็นเจดีย์ไม่มีบัลลังก์แต่ทำเป็นลูกแก้วกลีบมะเฟืองขึ้นไป ทรงระฆังเป็นเส้นตั้ง พระพุทธรูปหินทราย มีจำนวนมากกว่า 100 องค์ อยู่ในสภาพชำรุดไม่เป็นรูปทับถมจมดินอยู่ในซอกวิหารหน้าองค์พระปรางค์ราวกับเป็น สุสานพระหินทราย วิหารเก่าและวิหารแกลบ อยู่ด้านหลังองค์พระปรางค์ มีวิหารเก่าอยู่ 2 หลัง พระประธานหันพระพักตร์ไปทางทิศตะวันตกตามคติของมอญ ด้านหลังพระประธานมีวิหารแกลบอยู่ 4 หลัง เป็นวิหารที่บูรณะขึ้นใหม่ในราว พ.ศ. 2469 ภายในวิหารแกลบบางหลังประดิษฐานพระพุทธรูปสกุลช่างอู่ทอง