โพสพ บ้างเรียก โพสี ภาษาถิ่นพายัพและอีสานว่า โคสก หรือ เสื้อนา เสื้อไร่ ภาษาไทลื้อว่า ย่าขวัญข้าว ภาษากะเหรี่ยงว่า ภี่บือโหย่ หรือ ผีบือโย ภาษามลายูปัตตานีว่า มะฮียัง (Mak Hiang) เป็นเทพเจ้าแห่งข้าวตามคติความเชื่อของไทย โพสพตามความเชื่อแต่เดิมเป็นเทวสตรี แต่ภายหลังได้มีคติปรากฏเป็นบุรุษเพศคู่กัน มีปลาเป็นพาหนะ
นอกจากนี้ยังปรากฏใน โคลงทวาทศมาส ออกนามว่า "พระไพศภ" "พระไพศพ" หรือ "พระไพสพ" และปรากฏอยู่ในพระอัยการเบ็ดเสร็จ ในกฎหมายตราสามดวง ในช่วงต้นกรุงรัตนโกสินทร์ ที่พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชโปรดเกล้าให้ชำระ
โพสพ เป็นเทวดาตามความเชื่อดั้งเดิมของกลุ่มชาติพันธุ์ในตระกูลภาษาไท ตามคติการนับถือผีผู้หญิง ความเชื่อเรื่องขวัญ และเกิดจากรากฐานสังคมเกษตรกรรมที่มีมาช้านาน มีพิธีกรรมบูชาแม่โพสพ โดยทำ เฉลว ในหน้านา ด้วยมีความเชื่อว่าแม่โพสพจะบันดาลให้วิถีชีวิตของพวกเขาพออยู่พอกิน เป็นมิ่งขวัญของชาวนาในยุ้งฉาง ข้าวออกรวงงามสมบูรณ์ ไม่มีโรคภัยมาเบียดเบียนหรือเฉาตายไปเสีย อันเกิดจากความไม่แน่นอนของสภาพแวดล้อมที่ชาวนาต้องเผชิญ พวกเขาต้องพึ่งพาฝนฟ้าอากาศที่เอื้อต่อการเพาะปลูก
สุจิตต์ วงษ์เทศ นักประวัติศาสตร์อธิบายว่า นางโพสพ มีชื่อดั้งเดิมว่า แม่ข้าว เป็นผีบรรพชนข้าวในศาสนาผี อันเป็นศาสนาพื้นเมืองดั้งเดิมของคนไทย และการเปลี่ยนชื่อเกิดขึ้นจากการรับภาษาและศาสนาจากอินเดีย แม้พระแม่โพสพจะมีมาเนิ่นนานก่อนการรับศาสนาพราหมณ์และศาสนาพุทธ ในยุคหลังมีความเชื่อถือว่านางโพสพเป็นพระภาคหนึ่งของพระลักษมี บ้างก็ว่าเดิมเป็นชายาองค์หนึ่งของพระอินทร์ ชื่อ พระสวเทวี (เพื่อโยงชื่อโพสพเข้ากับชื่อชายาพระอินทร์ นั่นคือให้ 'สพ' แผลงมาจาก 'สว' ส่วน โพอาจจะมาจากชื่อ ไพสพ ของเทวดารักษาทิศอีสาน) บ้างก็ว่าคือท้าวกุเวร หรือท้าวเวสสุวรรณ เทพเจ้าประจำทิศเหนือ ซึ่งเป็นคติที่รับมาจากอินเดีย โดยท้าวกุเวรนั้นเป็นบุรุษรูปร่างอ้วนท้วน พุงพลุ้ย ในพระหัตถ์ถือถุงเงิน ด้วยเป็นเทพเจ้าแห่งทรัพย์สิน แต่ไทยปรับเปลี่ยนมาเป็นเทวสตรี และกลายเป็นเทพเจ้าแห่งข้าว
ครั้นเมื่อชาวไทยเลือกที่จะนับถือศาสนาพุทธเป็นหลักแล้ว แต่ยังไม่ละทิ้งความเชื่อดั้งเดิมไปด้วย ทำให้เกิดการผสานความเชื่อ ดังจะพบว่ามีการนำข้าวมาทำบุญถวายพระสงฆ์ในศาสนาพุทธ ใช้อุทิศแก่บรรพบุรุษ และใช้ไหว้เจ้าที่หรือนางโพสพเพื่อแสดงความกตัญญู ถือเป็นการนำแนวคิดแบบพุทธมาปรับใช้กับพิธีกรรมพื้นเมือง
รูปลักษณ์ของนางโพสพยุคแรก ๆ เป็นรูปสตรียืนถือพันธุ์พืช ดังพบเจว็ดศิลาชิ้นหนึ่งเป็นรูปเทวสตรียืนถือช่อพันธุ์พฤกษา ศิลปะอยุธยา และเจว็ดดินเผาพบในพระราชวังโบราณ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นรูปเทวสตรียืนอยู่บนเต่า ยกแขนข้างหนึ่งแต่ชำรุดไปเสียจึงไม่ทราบว่ายกอะไร คาดว่าน่าจะเป็นรูปเคารพของนางโพสพ ปัจจุบันเจว็ดทั้งสองจัดแสดงในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ จันทรเกษม ต่อมาในยุคกรุงรัตนโกสินทร์ มีจิตรกรรมนางโพสพในพระที่นั่งไพศาลทักษิณ ในพระบรมมหาราชวัง เป็นภาพนางโพสพยืนถือรวงข้าวในมือ ปรากฏตัวพร้อมกับเทพองค์ต่าง ๆ สื่อถึงความเป็นสิริมงคลและความสมบูรณ์พูนสุขของแผ่นดิน ทว่าในยุคหลังมานี้การสร้างรูปลักษณ์อิงจากนางกวักซึ่งเป็นเทพพื้นเมืองเช่นกัน ทำให้โพสพมีลักษณะ "...เป็นหญิงสาวท่าทางอ่อนช้อยสวยงาม ภาพของนางที่สร้างขึ้นเพื่อเคารพบูชาเป็นท่านั่งพับเพียบ มือขวาถือรวงข้าวมือซ้ายถือถุงข้าว แต่งกายนุ่งผ้าถุงห่มผ้าสไบเฉียงแบบหญิงในวังสมัยก่อน" การสร้างรูปนางโพสพมีการพัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยแต่งกายอย่างตัวละครในวรรณคดีไทย คือสวมสไบเฉียง สวมกรอบหน้า จอนหู สวมเครื่องถนิมพิมพาภรณ์ต่าง ๆ นั่งพับเพียบอย่างนางกวัก บ้างก็เป็นรูปนางโพสพขี่ปลาก็มี
โคลงทวาทศมาส ซึ่งเป็นวรรณกรรมของอาณาจักรอยุธยามีการกล่าวถึง "พระไพสพ" ว่าเป็นเทพเจ้าแห่งข้าว นิพัทธ์พร เพ็งแก้ว อธิบายว่า "ไพสพ" เป็นคำเดียวกับ "โพสพ" ที่พัฒนามาจาก "ไวศรวณะ" (สันสกฤต: वैश्रवण Vaiśravaṇa) คือพระไพศรพณ์ หมายถึงท้าวกุเวร หรือท้าวเวสวัณ เทพแห่งความมั่งคั่งและเจ้าแห่งทรัพย์ และเปลื้อง ณ นคร อธิบายเพิ่มเติมว่า "โพสพ" พัฒนามาจาก "ไพศรพณ์" เพราะสมัยนั้นถือว่าข้าวเป็นทรัพย์อย่างหนึ่ง ในยุครัตนโกสินทร์ มีเอกสารทางศาสนาคือ ตำราภาพเทวรูป และ นารายณ์ยี่สิบปาง มีพระมหาไชไพรสภ เป็นเทพเจ้าแห่งข้าว แต่ต่างกับนางโพสพคือเพศสภาพตามคติชายเป็นใหญ่
ในราชสำนักกัมพูชาก็รับความเชื่อเรื่องนางโพสพของไทยไปด้วย แต่นับถือในฐานะบุรุษเพศตามอย่างช่วงต้นกรุงรัตนโกสินทร์คือนับถือพระไพสพ ในรัชกาลสมเด็จพระหริรักษ์รามาอิศราธิบดีจัดให้มีพระราชพิธีบูชาพระไพสพ ด้วยการบูชาภูเขาข้าวเปลือกตั้งแต่ พ.ศ. 2398 เป็นต้นมา ปัจจุบันการบูชาแม่โพสพได้สร่างซาลงไป โดยเฉพาะชาวไทยเชื้อสายมลายูที่เลิกการบูชาโพสพเพราะขัดกับหลักศาสนาอิสลาม ต่อมาสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวงทรงอุปถัมภ์พิธีกรรมโบราณนี้เมื่อเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2551 บางหมู่บ้านก็มีสตรีแต่งกายเป็นพระแม่โพสพช่วงเทศกาลหรืองานเฉลิมฉลองในท้องถิ่น
ข้อมูล วิกิพีเดีย