พระพุทธเจ้า หลวงปู่สุภัทธ์ ปุญฺญาคโม วัดสุขโขวนาราม ขอนแก่น เนื้อผงฝังพระธาตุ ยันต์ดวงตรัสรู้

พระพุทธเจ้า หลวงปู่สุภัทธ์ ปุญฺญาคโม วัดสุขโขวนาราม ขอนแก่น เนื้อผงฝังพระธาตุ ยันต์ดวงตรัสรู้
พระพุทธเจ้า หลวงปู่สุภัทธ์ ปุญฺญาคโม วัดสุขโขวนาราม ขอนแก่น เนื้อผงฝังพระธาตุ ยันต์ดวงตรัสรู้พระพุทธเจ้า หลวงปู่สุภัทธ์ ปุญฺญาคโม วัดสุขโขวนาราม ขอนแก่น เนื้อผงฝังพระธาตุ ยันต์ดวงตรัสรู้
รหัสสินค้า SKVNR01
หมวดหมู่ 49. พระเครื่อง จังหวัด ขอนแก่น
ราคา 200.00 บาท
สถานะสินค้า พร้อมส่ง
ลงสินค้า 2 มี.ค. 2567
อัพเดทล่าสุด 24 พ.ค. 2568
จำนวน
องค์
หยิบลงตะกร้า
บัตรประชาชน
บุ๊คแบ๊งค์
คุ้มครองโดย LnwPay
ประวัติและปฏิปทา
หลวงปู่สุภัทธ์ ปุญฺญาคโม
วัดสุขโขวนาราม
อ.ชนบท จ.ขอนแก่น
หลวงปู่สุภัทธ์ ปุญฺญาคโม ท่านมีนามเดิมว่า “สุภัทธ” นามสกุล “มารุวรรณ์” ท่านเกิดเมื่อวันพฤหัสบดีที่ ๑๕ มีนาคม พ.ศ.๒๔๗๑ ที่บ้านเลขที่ ๑๘ หมู่ที่ ๓ บ้านกุดน้ำใส ต.กุดน้ำใส อ.จตุรภักษ์พิมาน จ.ร้อยเอ็ด โยมบิดาชื่อว่านายมา มารุวรรณ์ โยมมารดาชื่อว่านางลุน มารุวรรณ์ โยมบิดาโยมมารดาของหลวงปู่ มีอาชีพทำนาและปลูกพืชไร่ หลวงปู่สุภัทธ ท่านเป็นบุตรคนที่ ๓ ในจำนวนพี่น้องทั้งหมด ๘ คน เป็นชาย ๓ คน และหญิง ๕ คน

หลวงปู่สุภัทธ์ ท่านได้ให้ความเมตตาเล่าให้ฟังว่าในวัยเด็กนั้นหลวงปู่มักจะติดตามโยมมารดาไปยังที่ต่างๆ เสมอ จากการที่ติดตามโยมมารดานี้เอง ทำให้หลวงปู่ได้นิสัยใฝ่ธรรมมาตั้งแต่เด็กๆ กล่าวคือโยมมารดาของท่านชอบทำบุญ และไปวัดอยู่จำศีลภาวนาเสมอๆ โดยเฉพาะวันโกนวันพระ ๘ ค่ำ ๑๔ ค่ำ ๑๕ ค่ำ เด็กชายสุภัทธ มารุวรรณ์ จึงมีโอกาสไปวัดและคุ้นเคยกับวัดคุ้นเคยกับพระสงฆ์องค์เจ้ามาตั้งแต่เยาว์วัย

หลวงปู่สุภัทธ์ ปุญฺญาคโม ท่านมีความศรัทธาต่อการบวชได้รับการโน้มน้าวจิตใจ คิดอยากจะบวชเรียนอย่างพระเณรในวัดตามที่ท่านได้พบเห็นมา โดยปกติในชีวิตชาวชนบททั่วไป ประชาชนจะมีความสามัคคีพร้อมเพรียงกัน ในเรื่องวัดวาเรื่องพระศาสนาเป็นอย่างยิ่งในวันพระชาวบ้านจะช่วยกันปัดกวาดเช็ดถูทำความสะอาดบริเวณวัด ศาลาการเปรียญ หอฉันตลอดจนห้องพระและพระอุโบสถร่วมกัน นับเป็นความร่วมมือร่วมใจที่ดีงามอย่างยิ่ง

เมื่อถึงวันพระชาวบ้านจะนำอาหารคาวหวานใส่เป็นสำรับ หรือปิ่นโต นำมาทำบุญที่วัดกัน ส่วนวันธรรมดาก็จะพากันตักบาตรพระเป็นประจำทุกเช้า ซึ่งพระสงฆ์จะเดินเรียงแถวมารับบิณฑบาตในหมู่บ้านและชาวบ้านจะพร้อมเพรียงกันออกมาตักบาตรเป็นภาพที่ประทับใจอย่างยิ่ง ในวันพระหลังจากพระฉันเสร็จแล้ว ญาติโยมรับอนุโมทนาแล้วถือศีลอุโบสถตามความสมัครใจแล้ว ก็อยู่ปฏิบัติภาวนาไปตลอดคืน จนถึงรุ่งเช้าของวันใหม่

ส่วนชาวบ้านอีกส่วนหนึ่งที่ไม่ได้รับศีลอุโบสถก็จะร่วมใจกันถากถางหญ้าป่าพงบริเวณวัด ปัดกวาดบริเวณวัดจนสะอาดบางคนก็เข้าไปขัดทำความสะอาดห้องน้ำ มองดูเจริญตาเจริญใจเสร็จแล้วก็พากันกลับบ้านเพื่อประกอบภาระกิจของตนต่อไป

หลวงปู่สุภัทธ์ ปุญฺญาคโม ท่านคุ้นภาพที่ดีงามเหล่านี้ตั้งแต่สมัยยังเป็นเด็กชายสุภัทธ มารุวรรณ์ ตัวเล็ก ๆ ภาพแห่งการเป็นพระที่ดี ฝังจิตใจของท่านมาตั้งแต่สมัยนั้นในช่วงเยาว์วัย ที่หลวงปู่ใช้ชีวิตอยู่กับบิดามารดาท่านก็ได้ช่วยเหลือกิจการต่าง ๆ ภายในบ้าน เช่น ทำนา ทำสวนและช่วยงานในบ้านเยี่ยงเด็กผู้ชายในชนบททั่วไป

ภายในจิตใจของหลวงปู่ท่านใฝ่ฝันที่จะบวชเป็นเณรเป็นพระอยู่ตลอดเวลา ด้วยเพราะถูกอัธยาศัยและเห็นการปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบของพระสงฆ์ในวัดที่หมู่บ้าน ท่านจึงขออนุญาตบิดามารดาไปบวช หลังจากหลวงปู่ได้เรียนจบการศึกษาชั้นประถมปีที่ ๔ ซึ่งเป็นการเรียนที่สูงสุดแล้วในสมัยนั้น
หลังจากหลวงปู่ได้บวชเณรที่วัดในหมู่บ้านแล้วนั้น

หลวงปู่ท่านก็ได้ศึกษาธรรมและแล้ววันหนึ่งหลวงปู่ท่านก็ได้พบและได้เห็นการปฏิบัติดีปฏิบัติชอบของพระกรรมฐานสายพระป่า ที่มีหลวงปู่เสาร์ กันตสีโล พระอาจารย์ใหญ่แห่งสายพระป่าที่ท่านได้พาพระเณรธุดงค์ผ่านมา และเณรน้อยสุภัทธได้เกิดความเลื่อมใสศรัทธาต่อท่านหลวงปู่เสาร์ จึงขออนุญาตบิดามารดา ขอติดตามหลวงปู่เสาร์ กันตสีโล เพื่อไปศึกษาธรรมกับพระอาจารย์ หลวงปู่เสาร์ก็ได้พาเณรน้อยสุภัทธ เดินฝ่าป่าฝ่าดงไปถึงเมืองอุบลฯ เณรน้อยสุภัทธก็ได้อยู่ปฏิบัติธรรมและคอยอุปัฏฐากพระอาจารย์เป็นเวลา ๓ เดือน

แต่ด้วยอายุยังน้อยและความห่วงหาอาทรของแม่ที่ลูกชายต้องจากอกแม่ไปไกล ๆ และเมื่อสมัยก่อนนั้น แม่ได้ข่าวว่ามีพระเณรที่ไปธุดงค์นั้นเสียชีวิตก็นึกว่าลูกชายและด้วยความเป็นห่วงลูกชายจึงได้ติดตามไปหาที่เมืองอุบลและไปขอร้องให้เณรน้อยสุภัทธกลับบ้านเกิดเมืองนอน เณรน้อยสุภัทธก็ได้บอกกับโยมแม่ว่า จะขอปฏิบัติกับพระอาจารย์อยู่ที่นี้ แต่แม่ก็ได้อ้อนวอนขอร้องให้เณรน้อยกลับไปปฏิบัติใกล้บ้าน เณรน้อยสุภัทธก็เลยจำใจ จึงได้ไปกราบลาพระอาจารย์เสาร์ กลับมาปฏิบัติธรรมอยู่ใกล้บ้านและได้ไปไปศึกษาธรรมกับหลวงลุง หลวงลุงของท่านก็คือหลวงปู่มหาทองมา แห่งเมืองร้อยเอ็ด และได้ติดตามหลวงลุงไปในสถานที่ต่าง ๆ หลวงลุงของท่านก็จะคอยสอนการปฏิบัติธรรมให้เณรน้อยสุภัทธอยู่เสมอ ในการปฏิบัติธรรมและสอนมูลกัจจารย์ให้ท่านซึ่งสมัยก่อนนั้นพระเณรจะนิยมเรียนกันมากเพราะถือว่าของสำคัญเรียกว่าธรรมะชั้นสูง ถ้าใครเรียนสำเร็จจะมีความรู้แตกฉานมากเพราะเป็นการเรียนภาษาบาลีล้วน ๆ

หลังจากนั้นเณรน้อยสุภัทธก็ได้เข้ามาศึกษาเรียนปริยัติธรรมที่เมืองบางกอกมาพำนักอยู่ที่วัดจักรวรรดิ์และได้ไปเรียนนักธรรมโทนักธรรมเอกจนจบ ที่วัดระฆังโฆษิตตารามและเรียนด้านวิปัสสนากรรมฐานที่วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฏิ์ราชวรมหาวิหารกับสมเด็จพระพุฒาจารย์(อาจ อาสโภ) เป็นเวลา ๑ ปี ๖ เดือน

หลังจากนั้นหลวงปู่สุภัทธ ปุญญาคโม ก็มุ่งแสวงหาความสงบโดยการออกเดินธุดงค์จากเมืองบางกอกผ่านป่าเขาลำเนาไพรเพียงองค์เดียว และแวะกราบไหว้นมัสการพระพุทธบาทที่สระบุรี แล้วไปปฏิบัติธรรมตามถ้ำตามเขาในพื้นที่ทั้งจังหวัดสระบุรี จังหวัดลพบุรีและจังหวัดเพชรบูรณ์แล้วเดินธุดงค์ต่อไปผ่านเทือกเขาเมืองเพชรบูรณ์ หล่มสัก เข้าเขตจังหวัดเลย สถานที่นี้แหละที่ท่านได้พบกับหลวงปู่ชอบ ฐานสโมและได้เข้าไปกราบขอเป็นศิษย์หลวงปู่ชอบ ฐานสโมและติดตามหลวงปู่ชอบไปปฏิบัติตามสถานที่ต่าง ๆ
ในขณะนั้นหลวงปู่สุภัทธ์ ท่านเป็นพระหนุ่มกว่าเพื่อนที่ออกเดินธุดงค์ติดตามหลวงปู่ชอบ เพราะมีพรรษาน้อยกว่าเพื่อนมีพรรษาเพียง ๖ พรรษา ๗ พรรษา ส่วนพระรูปอื่นมีพรรษาที่เยอะกว่าคือ ๑๐ กว่าพรรษา


ส่วนหลวงปู่ชอบ พระอาจารย์ของท่านแล้ว ๒๐ กว่าพรรษา พระที่ติดตามที่ธุดงค์ไปด้วยกันก็มีหลวงปู่รอด หลวงปู่สรรค์ หลวงปู่บุญตัน ที่ไหนป่าช้าผีดุหรือมีสัตว์ป่าเช่น เสือ ช้างป่า หลวงปู่ชอบจะพาไปปฏิบัติธรรมกรรมฐาน

หลวงปู่สุภัทธ์ ปุญฺญาคโม ท่านเล่าว่า หลวงปู่ชอบไม่ให้กลัวเพราะสัตว์ที่เจอนั้นเทวดาท่านมาลองจิตมาทดสอบจิตใจว่าจะมาปฏิบัติจริงหรือไม่และมากำชับให้ปฏิบัติเจริญภาวนาไม่ให้จิตออกนอกหลู่นอกทาง หลวงปู่สุภัทธ ปุญญาคโม ท่านได้อยู่ปฏิบัติธรรมและติดตามหลวงปู่ชอบอยู่ถึง ๓ ปี หลังจากนั้นท่านก็ได้ไปอยู่ปฏิบัติธรรมและจำพรรษากับหลวงปู่รอด ณ วัดป่าภูหินกอง อ.วังสะพุง จ.เลย และท่านได้ไปศึกษาปฏิบัติธรรมกับพระอาจารย์หลายรูปไม่ว่าจะเป็นหลวงปู่พิบูลย์ วัดพระแท่น (บ้านแดง) อ.พิบูลย์รักษ์ จ.อุดรธานี , หลวงปู่ผาง จิตฺตคุตฺโต, หลวงปู่มหาทองมา ร้อยเอ็ด, หลวงปู่ซุ่น ติกขปญโญ วัดบ้านเสือโก้ก ต.เสือโก้ก อ.วาปีปทุม จ.มหาสารคาม, หลวงพ่อโต ยโสธโร วัดบ้านกล้วย อ.พิมาย จ.นครราชสีมา, หลวงพ่อฟุ้ง วัดป่าภูแฝด จ.ชัยภูมิ

ไปธุดงค์สถานปฏิบัติธรรมอยู่วัดถ้ำวัวแดง จ.ชัยภูมิ ซึ่งเป็นสถานที่ที่หลวงปู่เทพโลกอุดร ท่านไปปฏิบัติธรรมกัมมัฏฐาน ไปธุดงค์ปฏิบัติธรรมจำพรรษาที่เมืองลาวกับหลวงลุงถึง ๓ พรรษา ไปปฏิบัติธรรมกรรมฐานตามป่าตามเทือกเขาตามถ้ำแทบภูเขาควาย ประเทศลาว ไปศึกษากับคณาจารย์ที่เมืองพม่า ได้ตำราวิชาความรู้ต่างๆ ของหลวงปู่คำคะนิง แห่งวัดถ้ำคูหาสวรรค์ จ.อุบลราชธานี และอีกหลายรูป ที่หลวงปู่ท่านได้ไปปฏิบัติธรรมจำพรรษาอยู่ด้วย
หลวงปู่สุภัทธ ปุญญาคโม ท่านผ่านการธุดงค์มาอย่างโชกโชนไม่ว่าจะเป็นแถบลุ่มแม่น้ำโขง ไทย ลาว พม่า เขมร ท่านได้ผ่านอุปสรรคนานานับประการโดยที่ท่านมีเพียง “ธรรมมาวุธ” เพียงอย่างเดียว ทุกแห่งทุกหนที่ท่านธุดงค์ผ่านท่านจะอบรมสั่งสอนชาวบ้านให้ตั้งอยู่ในศีลในธรรม ยึดมั่นในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์

หลวงปู่ท่านจะเคร่งครัดมากในการปฏิบัติธรรม ท่านจะคอยสอนให้พระเณรคอยมั่นฝึกฝนการปฏิบัติภาวนาอยู่เสมอ และคอยสอนชาวบ้านให้รู้จักการรักษาศีล ๕ ว่าถ้าใครรักษาหรือปฏิบัติไม่ได้ท่านก็เปรียบให้ดูว่า อย่างนิ้วมือของคนเราแต่ละข้างมี ๕ นิ้ว ถ้าขาดหายไปนิ้วใดนิ้วหนึ่งก็ไม่ปกติจะทำอะไรก็ไม่เป็นสุข ผู้รักษาศีลให้สะอาดหมดจดดีต้องปฏิบัติธรรม ๒ ข้อเสียก่อนคือหิริและโอตตัปปะ คือเมื่อศีลเกิดขึ้นกับตัวเรา เราก็เกิดความอิ่มใจ ใจก็สงบ เมื่อใจสงบความสบายก็เกิดขึ้นที่ใจ และหลวงปู่ท่านจะคอยบอกคอยสอนอยู่เสมออย่าให้มีความโลภเกิดขึ้นในสันดานของตน เพราะความโลภที่คิดอยากได้ของผู้อื่นนั้นเป็นความคิดที่ผิดจะไม่มีมิตรคบค้าสมาคมด้วย และความโลภนี้จะนำไปสู่ความหายนะ นอกจากนี้แล้วหลวงปู่จะคอยสอนเรื่องพระคุณพ่อพระคุณแม่อยู่เสมอก็เหมือนกับหลวงปู่ได้กล่าวไว้ว่า

..อย่าตระหนี่กับคุณพ่อคุณแม่ ผู้บังเกิดเกล้าของตนเอง พ่อแม่เป็นเนื้อนาบุญของลูก ๆ ที่ลูกสามารถปลูกต้นบุญให้งอกงามได้ …พ่อแม่เป็นอรหันต์ในบ้าน
ขอให้รู้ไว้ว่าถ้าพ่อแม่ของคุณยังมีชีวิตอยู่แล้ว คุณมีโอกาสได้เลี้ยงดูปูเสื่อท่านนั้น นับว่าคุณเป็นคนโชคดีมาก ๆ เพราะนั้นเป็นโอกาสที่คุณจะได้ปลูกต้นบุญเต็มที่..

…ลูกที่เลี้ยงดูพ่อแม่ด้วยหัวใจไม่ทอดทิ้ง
ลูกคนนั้นจะไม่มีวันตกต่ำ
ชีวิตจะงอกงามรุ่งเรือง ครอบครัวเป็นสุข
การงานเจริญก้าวหน้า ไม่มีปัญหาอุปสรรคให้หนักใจ..”
ศัตรูที่แท้จริงของคนเรา คือ โลภ โกรธ หลง
ต้องแก้ด้วยการมี ศีล สมาธิ ปัญญา
อยากรวย ให้พากันทำทาน
อยากสวย ให้พากันรักษาศีล
อยากมีปัญญาดี ให้พากันเจริญภาวนา

ฟังไว้เด้อ…
ฝึกทำใจให้เป็นบุญ….จะเช้า สาย บ่าย เย็น
ให้ภาวนาพุทโธ…สิ่งไหนบ่ดี…บ่ต้องไปใส่ใจ
ทำใจใส ๆ สบาย ๆ
บาปกรรมใหม่…ในปัจจุบัน…ก็อย่าทำให้เกิด
ชีวิตจะมีแต่ความสุข…บ่ฟุ้งซ่านขุ่นมัว

จำไว้เด้อ…
คำนินทาให้ร้าย…จะมากหรือน้อย…ขึ้นอยู่กับ…
ความอิจฉาริษยา…ในใจของคนคนนั้น…
เราอย่าเก็บมาคิดมาก…จนทำให้พลังในการทำ…
ความดีของเราลดน้อยลงไป…
ใครจะนินทา…ใครจะอิจฉาริษยา…ก็ช่างเขาปะไร
เดี๋ยวสิ่งที่เขาให้ร้าย…เราไว้….จะย้อนกลับไป…
หาเขาสักวัน…
ทั้งยามหลับและยามตื่น…

ชีวิตของคนเรานั้น…มันไม่มี…อะไรที่แน่นอน…
ตราบใด…ที่ยังมีลมหายใจ…ก็จงทำวันนี้ให้ดี…
และใช้ชีวิตให้มีความสุขในทุกทุกวัน…
ปู่ก็ขอให้ทุกคนพ้นภัย…ปลอดภัยจากโรคร้าย…
บ่เจ็บ…บ่จน…ร่ำรวยร่ำรวยเด้อ

อย่าอาย….
อย่าอาย…ที่เราใส่เสื้อผ้าบ่สวยเหมือนคนอื่นเขา…
อย่าอาย…ที่เรานั่งกินข้าวข้างทาง ราคาถูกๆ…
อย่าอาย…ที่เรายังขับรถคันเก่าๆที่ยังใช้ได้ดีอยู่…
แต่จงอายที่มีงานทำ มีรายได้ แต่บ่มีเงินเก็บ…
จงอาย…ที่เวลาไปกู้ยืมเงินคนอื่น…
แล้วไปซื้ออะไรก็บ่รู้ ที่บ่เกิดประโยชน์…
และจะอายมากที่สุด…เมื่อไปยืมเงิน…แล้วถูกเขาปฏิเสธกลับมา

หลวงปู่สุภัทธ์ ปุญฺญาคโม วัดสุขโขวนาราม อ.ชนบท จ.ขอนแก่น ละสังขารแล้ววันนี้ด้วยอาการสงบ
ตรงกับวันศุกร์ที่ ๑๘ มีนาคม พ.ศ.๒๕๖๕ ด้วยโรคหัวใจล้มเหลว สิริอายุ ๙๔ ปี ๓ วัน
ข้อมูล 108prageji

วิธีการชำระเงิน

ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) สาขาปตท.ถนนกาญจนาภิเษก 2 ออมทรัพย์

JEWELRY-ANTIQUE-AMULET

ระบบสมาชิก

สถิติร้านค้า

หน้าที่เข้าชม4,446,214 ครั้ง
ผู้ชมทั้งหมด3,382,512 ครั้ง
เปิดร้าน4 ก.พ. 2558
ร้านค้าอัพเดท6 ก.ย. 2568

ติดต่อเรา

ติดตามสินค้า

พูดคุย-สอบถาม