ประวัติหลวงพ่อรวย วัดท่าเรือ (พระครูสุนทรธรรมานุศาสก์ ) จนุทสิริ
หลวงพ่อรวย นามเดิม ชื่อ รวย ประกอบเกื้อ เกิดเมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2449 ตรงกับวันอังคาร ขึ้น 6 ค่ำ เดือน 8 ปีมะเมีย ในสมัยรัชกาลที่ 5 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ (ตรงกับวันคล้ายวัดเกิดของท่าน พระสุนทรโวหาร (สุนทรภู่) อย่างที่เราท่านรู้จักกัน) ณ บ้านหนองสะพาน หมู่ 3 ตำบล ชากพง อำเภอ แกลง จังหวัด ระยอง เป็นบุตรโทนของ นาย ชั้น และนาง เอื้อม ประกอบเกื้อ ในสมัยเด็ก หลวงพ่อรวย มิได้เรียนหนังสือที่โรงเรียนหรือที่วัดเหมือนเด็กอื่นๆ แต่โยมบิดาเป็นผู้สอนให้จนอ่านออกเขียนได้ จนเมื่อเติบโตเป็นหนุ่ม ก็เป็นผู้อ่านบทละครตามที่ต่างๆ ตลอดจนเมื่ออายุได้ 21 ปีจึงทำการอุปสมบทเป็นพระภิกษุ เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน พ.ศ 2471 ตรงกับแรม 9 ค่ำ เดือน 6 ณ อุโบสถวัดเขาดิน (วัดเก่า) ซึ่งตั้งอยู่หลังวัดท่าเรือปัจจุบัน โดยมี พระครูสมุทรสมานคุณ (หลวงพ่อแอ่ว) วัดป่าประดู่ และเจ้าคณะจังหวัดเป็น พระอุปัชฌาย์ พระอธิการแห่งวัดป่าประดู่ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอธิการฟู วัดท่าเรือแกลง เป็นพระอนุสาวนาจารย์
พ.ศ 2475 วัดท่าเรือ เริ่มทำการก่อสร้างพระอุโบสถขึ้น หลวงพ่อรวย ได้รับมอบหมายจากพระอธิการฟู เจ้าอาวาส ให้เป็นผู้ควบคุมการก่อสร้างจนสำเร็จเรียบร้อยในปีต่อมา และทำการฝังลูกนิมิตในปี 2477
พ.ศ 2485-2487 พระอธิการฟูได้ลาออกจากตำแหน่งเจ้าอาวาส เนื่องจากปัญหาสุขภาพ หลวงพ่อรวย จึงได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้รักษาการแทนในตำแหน่งเจ้าอาวาส และได้ขึ้นเป็น พระอธิการรวย เจ้าอาวาสวัดท่าเรือ ในปีต่อมา
– โรงเรียนวัดท่าเรือ ซึ่งก่อตั้งขึ้น ในยุคของ พระอธิการฟู เจ้าอาวาสรุ่นก่อน มีอาคารเรียนไม่เพียงพอต่อความต้องการของชุมชนในสมัยนั้น หลวงพ่อรวย พร้อมคณะจึงร่วมกันสร้างอาคารเรียนแบบ ป.2 จำนวน 8 ห้องเรียน และทำพิธีเปิดใช้อาคารหลังนี้เป็นสถานที่เรียนเมื่อ วันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2490 โดยข้าหลวงประจำจังหวัดระยอง โดยใช้นามโรงเรียนว่า “ โรงเรียนประชาบาลตำบลแกลง 1 (ท่าเรือวิทยาคาร) ต่อมาเมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2495 กระทรวงศึกษาธิการอนุญาตให้ใช้นามว่า โรงเรียนวัดท่าเรือ (ท่าเรือวิทยาคาร) ปี พ.ศ. 2504 “พระครูสุนทรธรรมานุศาสก์” เจ้าอาวาสวัดท่าเรือ(ยศในขณะนั้น) พร้อมด้วยคณะกรรมการ และนายลำพูน สังข์สุวรรณ ครูใหญ่โรงเรียนวัดท่าเรือ ได้ร่วมกันบริจาคทรัพย์สร้างอาคารเรียนเพิ่มเติม และยังคงใช้เรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน จึงถือได้ว่า หลวงพ่อเป็นพระนักพัฒนาด้วยเช่นกัน
การเริ่มสร้างวัตถุมงคล
หลังจากโยมแม่ของหลวงพ่อถึงแก่กรรมในปี พ.ศ 2487 ท่านได้ตัดสินใจและลั่นวาจาว่าจะครองเพศบรรพชิตไปตลอดชีวิต โดยยกสมบัติทั้งหมดให้โยมผู้น้องคือนายเรียน ประกอบเกื้อ ซึ่งแสดงถึง การตัดซึ่งกิเลส ทางโลก มุ่งศึกษาพระธรรม เจริญสมาธิเจริญกรรมฐาน และออกธุดงค์ไปยังเขาต่างๆ หลายปี ซึ่งระหว่างนี้เองที่หลวงพ่อได้มีโอกาสฝากตัวเป็นศิษย์และได้สืบทอดยอดวิชาจากสุดยอดเกจิอาจารย์ทั้งสองท่านไว้นั่นคือ หลวงปู่โต วัดเขากระโดน หรือวัดเขาบ่อทอง ซึ่งมีขื่อเสียงเลื่องลือในพุทธเวทย์อย่างสูง ตลอดจน หลวงปู่หิน วัดหนองสนม หนึ่งในเกจิดังแห่งเมืองระยองที่มีชื่อเสียงเลื่องลือมาจนถึงปัจจุบัน
และฆารวาส ชื่อจันทร์เมือง สอนในเรื่องสีผึ้ง อันโด่งดัง โดยเฉพาะสีผึ้งดำซึ่งใช้ในการขึ้นโรงขึ้นศาล ชะงัดนัก ส่วนสีขาวอมเหลืองจะ ใช้เจรจาค้าขาย ปัจจุบันหายากพอๆกับ สีผึ้งหลวงพ่อทาบ เพราะสร้างน้อยมากๆ( สีผึ้งทั้งสองสีของหลวงพ่อรวย มีกฎข้อห้ามสำคัญคือห้ามนำเข้าห้องน้ำพร้อมกับปลดทุกข์ ไม่เช่นนั้นจะเสื่อมหมด )จึงไม่น่าแปลกใจที่วัตถุมงคลของหลวงพ่อรวย จะมีปาฎิหารย์เกิดขึ้นเป็นเรื่องเล่าขานกับคนในพื้นที่และผู้ที่บูชาไปอยู่เนืองๆ
ข้อมูล 5forcenews