พระประธาน วัดพระไกรสีห์(น้อย) กรุงเทพมหานคร หลัง พลเรือเอกพระเจ้าบรมวงเธอกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ เนื้อผง

พระประธาน วัดพระไกรสีห์(น้อย) กรุงเทพมหานคร หลัง พลเรือเอกพระเจ้าบรมวงเธอกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ เนื้อผง
พระประธาน วัดพระไกรสีห์(น้อย) กรุงเทพมหานคร หลัง พลเรือเอกพระเจ้าบรมวงเธอกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ เนื้อผงพระประธาน วัดพระไกรสีห์(น้อย) กรุงเทพมหานคร หลัง พลเรือเอกพระเจ้าบรมวงเธอกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ เนื้อผง
รหัสสินค้า POGSGL01
หมวดหมู่ พระเครื่อง จังหวัด กรุงเทพมหานคร
ราคา 250.00 บาท
สถานะสินค้า พร้อมส่ง
ลงสินค้า 2 ก.พ. 2567
อัพเดทล่าสุด 24 ก.ค. 2568
จำนวน
องค์
หยิบลงตะกร้า
บัตรประชาชน
บุ๊คแบ๊งค์
คุ้มครองโดย LnwPay
ประวัติวัดพระไกรสีห์ ( น้อย )

วัดพระไกรสีห์ ตั้ง อยู่ริมคลองแสนแสบ ถนนคลองตัน-บางกะปิ ตำบลหัวหมาก อำเภอบางกะปิ จังหวัดกรุงเทพมหานคร คลองแสนแสบนี้รัชกาลที่ ๓ โปรดเกล้าให้ขุดขึ้นเพื่อใช้เส้นทางยุทธศาสตร์ในการทำสงครามระหว่างไทยกับเขมรและญวน
ในปีพุทธศักราช ๒๓๘๑ เนื่องจากการขนส่งเสบียงอาหาร และการไปมาระหว่าง กรุงเทพฯกับเขมรและญวนนั้นลำบากและเสียเวลามาก ดังนั้นในปีพุทธศักราช ๒๓๘๑ เดือนยี่ ขึ้น ๔ ค่ำ ปีระกา นพศก จึงโปรดเกล้าให้พระยาศรีพิพัฒน์รัตนโกษา
เป็นแม่กองจ้างจีนขุดลอกคลองตั้งแต่หัวหมากไปจยถึงบางขนาก เป็นระยะทาง ๑,๓๓๗ เส้น ๑๙ วา ๒ ศอก กว้าง ๖ วา ลึก ๔ ศอก ราคาเส้นละ ๗๐ บาท รวมเป็นเงินประมาณ ๙๖,๐๐๐.- บาท ขุดเสร็จในปีพุทธศักราช ๒๓๙๓ ปีชวด โทศก
ตอนต้นคลองเรียกว่า คลองแสนแสบ ตอนปลายคลองเรียกว่า คลองขนาก คลองนี้เป็นคลองที่เชื่อมแม่น้ำเจ้าพระยากับแม่น้ำบางปะกงซึ่งช่วยย่นระยะทางไปมาระหว่างเมืองปาจิน(ปราจีนบุรี) แปดริ้ว(ฉะเชิงเทรา) กับกรุงเทพฯ

พระประธานในอุโบสถซึ่งเป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย แบบสุโขทัยสมัยกลางระหว่างพุทธศตวรรษที่ ๑๙-๒๐ ฐานหน้ากระดานแบบเว้า สังฆาฏิเขี้ยวตะขาบพาดยาวเกือบจรดพระนาภี พระพักตร์หน้านาง พระาาสิกโค้งงุ้ม พระเกศาเปลว สันนิษฐานว่าเป็นของเก่าแก่มาก่อน เพราะใสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้นนั้น เป็นประเพณีนิยมสำหรับผู้ที่สร้างวัดมักจะไปนำพระพุทธรูปจากกรุงเก่ามา ประดิษฐานตามพระราชนิยม ซึ่งสืบทอดมาจากรัชกาลที่ ๑ เมื่อคราวแรกสร้างวัดพระเชนตุพนฯ จากข้อความที่จารึกไว้ในแผ่นหินอ่อนหน้าพระอุโบสถ และจากคำบอกเล่าสืบปากกันมาของท่านผู้เฒ่าที่มีพื้นเพแถบนี้ วัดพระไกรสีห์ นั้นเดิมชื่อ "วัดกลิ่นวิไลยธาราม" สันนิษฐานว่า สร้างขึ้นในสมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์ ต่อมาเมื่อในสมัยรัชกาลที่ ๓ ในการไปทำสงครามกับญวนโดยการนำของท่านเจ้าพระยาบดินทร์เดชา(สิงห์ สิงหเสนี) ได้ถือโอกาสให้ทหารในกองทัพร่วมกันสร้างวัดเทพลีลา(ตึก) เพื่อเป็นที่ยึดเหนี่ยวและปลุกกำลังใจ โดยเหตุที่อยู่บริเวณใกล้เคียงกันและการก่อสร้างมีถาวรวัตถุใหญ่โตและมั่นคงกว่า จึงเป็นสาเหตุให้ชาวบ้านแถบนั้นเรียกวัดกลิ่นวิไลยธารามว่า "วัดน้อย" ครั้นเมื่อศก ๑๓๑ ตรงกับปีชวด พุทธศักราช ๒๔๕๖ พระมงคลทิพย์มุนี(มา) วัดจักรวรรดิ์(สามปลื้ม)ซึ่งต่อมาได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็น"สมเด็จพระพุฒาจารย์"ในปีเดียวกันได้มาทำการบูรณะพระอุโบสถ ดังมีรายชื่อผู้บริจาคทรัพย์และที่ดิน ปรากฎในแผ่นหินอ่อน ดังนี้
๑.พระครูสุนทราจารย์ (จุ้ย) ๔๐.-บาท
๒.พระปลัดสอน นา ๑ ไร่ ๑๔.-บาท
๓.พ่อท้วม แม่แดง นา ๑ ไร่ ๑๔.-บาท
๔.แม่เทียม แม่เปรี่ยน นา ๑ ไร่ ๑๔.-บาท
๕.แม่ปุก นา ๑ ไร่ ๑๔.-บาท
๖.แม่ทรัพย์ หลวงสุดใจ นา ๑ ไร่ ๑๔.-บาท
๗.แม่แส นา ๑ ไร่ ๑๔.-บาท
๘.แม่หยัด นา ๑ ไร่ ๑๔.-บาท
๙.แม่ย้อย นา ๑ ไร่ ๑๔.-บาท
๑๐.แม่เปรื้อง นา ๑ ไร่ ๑๔.-บาท
๑๑.แม่ตาด นา ๓ ไร่ ๓๐.-บาท
๑๒.แม่ทองคำ นา ๑ ไร่ ๑๔.-บาท
๑๓.แม่ผัน นา ๑ ไร่ ๑๔.-บาท
๑๔.พ่อวอน นายร้อยตรีสุ่ม นา ๑ ไร่ ๑๔.-บาท
๑๕.แม่ทิม นา ๑ ไร่ ๑๔.-บาท
๑๖.แม่ทองคำ นา ๑ ไร่ ๑๔.-บาท
๑๗.แม่ปาน นา ๑ ไร่ ๑๔.-บาท
๑๘.เจ้ากรมเป๋อ แม่เหมือน นา ๑ ไร่ ๑๔.-บาท
๑๙.แม่อยู่ นา ๒ งาน ๗.-บาท
๒๐.แม่ทรัพย์ ๒๐.-บาท
การบริจาคทรัพย์และที่ดินในคราวนี้มีมีแม่พันเป็นหัวหน้ารวมที่นาได้ทั้งหมด ๑๘ ไร่ ๒ งาน เก็บเงินได้ทั้งสิ้น ๓๑๒.-บาทพระอุโบสถหลังนี้เป็นแบบ "มหาอุต" มีทางเข้าข้างหน้าเพียงหน้าเดียว หันหน้าเข้าหาคลองแสนแสบ เมื่อทำการบูรณะพระอุโบสถเสร็จเรียบร้อยจึงได้ทำการเพิ่มนามต่อท้ายจากชื่อที่ชาวบ้านเรียกว่า วัดน้อย มาเป็น "วัดน้อยพระไกรษี"

ครั้น ต่อมาพระครูวิริยกิจจาทร เจ้าอาวาสองค์ก่อนได้พิจารณาเห็นว่าพระอุโบสถเดิมชำรุดมากเนื่องจากก่อสร้าง มานานและได้ทำการบูรณะมาแล้วครั้งหนึ่ง ประกอบกับเล็งเห็นความเจริญที่กำลังขยายตัวออกมา จึงได้ร่วมกับผู้มีจิตศรัทธาทำการก่อสร้างพระอุโบสถหลังใหม่ขึ้น ซึ่งทำการวางศิลาฤกษ์โดยพระอมรเมธาจารย์ วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฏิ์เมื่อวันพฤหัสบดีที่ ๔ เดือนพฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๑๕ แรม ๗ ค่ำ เดือน ๖ ปีชวดจ.ศ.๑๓๓๔ เวลา ๑๗.๕๔-๑๘.๑๒ น. และเมื่อวันอาทิตย์ที่ ๘ เดือนกุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๑๙ ขึ้น ๘ ค่ำ เดือน ๒ ปีมะโรง จ.ศ.๑๓๓๘ เวลา ๑๕.๕๒-๑๖.๑๙ น.จึงได้ทำการยกช่อฟ้าพระอุโบสถ โดยพระวิสุทธิวงศาจารย์ วัดสุทัศน์เทพวรารามปัจจุบันได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็น"สมเด็จพระพุฒาจารย์"

พระอุโบสถหลังใหม่ทำการก่อสร้างแบบ ก. ของกรมศิลปากร เป็นทรงไทยสมัยกรุงเทพมหานคร มีเสาวิหาร ซุ้มประตูหน้าต่างแบบบุษบก ตั้งอยู่หลังของพระอุโบสถเดิม หันหน้าไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ และได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาเมื่อวันที่ ๒๕ เดือนตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๑๖ เป็นเนื้อที่กว้าง ๓๒ เมตร ยาว ๔๙ เมตร และเปลี่ยนชื่อเรียกเป็นทางการว่า"วัดพระไกรสีห์"(น้อย) ตั้งแต่นั้นตลอดม

ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาได้มีพระภิกษุผลัดเปลี่ยนกันจำพรรษาอยู่มิได้ขาด เนื่องจากเป็นวัดที่มีความเหมาะสมแก่การบำเพ็ญสมณธรรม ปรากฎรายชื่อเจ้าอาวาสเดิมตามที่สืบได้ ดังนี้

๑.พระอธิการมั่น (พ.ศ.๒๔๕๐-พ.ศ.๒๔๖๐)
๒.พระอธิการจัน (พ.ศ.๒๔๖๐-พ.ศ.๒๔๖๔)
๓.พระจือ (พ.ศ.๒๔๖๔-พ.ศ.๒๔๖๙)
๔.พระอธิการแก้ว (พ.ศ.๒๔๖๙-พ.ศ.๒๔๗๕)
๕.พระครูเพิ่ม (พ.ศ.๒๔๗๕-พ.ศ.๒๔๙๑)
๖.พระอธิการถวัลย์ (พ.ศ.๒๔๙๑-พ.ศ.๒๕๓๓)
๗.พระครูอุดมพัฒนคุณ (พ.ศ.๒๕๓๔-ปัจจุบัน)
ข้อมูล วัดไทย

วิธีการชำระเงิน

ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) สาขาปตท.ถนนกาญจนาภิเษก 2 ออมทรัพย์

JEWELRY-ANTIQUE-AMULET

ระบบสมาชิก

สถิติร้านค้า

หน้าที่เข้าชม4,446,214 ครั้ง
ผู้ชมทั้งหมด3,382,512 ครั้ง
เปิดร้าน4 ก.พ. 2558
ร้านค้าอัพเดท6 ก.ย. 2568

ติดต่อเรา

ติดตามสินค้า

พูดคุย-สอบถาม