วัดมหาพุทธาราม หรือวัดพระโต เป็นวัดสำคัญเก่าแก่คู่บ้าน คู่เมืองจังหวัดศรีสะเกษมาแต่โบราณ
เดิมมีชื่อว่าวัดพระโต มีประวัติเล่าว่า เมื่อพ.ศ. ๒๓๒๒ พระยาวิเศษภักดี คนที่ ๒ ได้ย้ายเมืองจากที่ดั้งเดิมที่บ้านโนนสามขาสระกำแพง มาตั้งยังสถานที่ปัจจุบัน
ในขณะที่สร้างเมืองนั้นมีผู้พบหลวงพ่อโต ถูกทิ้งร้างอยู่ในใจกลางป่าแดง จึงได้สร้างวัดขึ้นที่บริเวณนี้ให้ชื่อว่า วัดพระโต หรือ วัดป่าแดง
ต่อมาคณะกรรมการสงฆ์จังหวัดได้เปลี่ยนชื่อเป็น วัดมหาพุทธาราม
สิ่งสำคัญในวัดนี้คือ หลวงพ่อโต ที่ค้นพบเมื่อสร้างเมือง ประดิษฐานในวิหารเป็นพระพุทธรูปองค์ใหญ่ปางมารวิชัย มีความสูงจากฐานถึงยอดพระเกศ ๖.๘๕ เมตร หน้าตักกว้าง ๓.๕๐ เมตร
วัดมหาพุทธาราม (วัดหลวงพ่อโต) อำเภอเมือง จังหวัดศรีสะเกษ
วัดมหาพุทธาราม เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดสามัญ สังกัดคณะสงฆ์ฝ่ายมหานิกาย ตั้งอยู่ถนนขุขันธ์ ตำบลเมืองเหนือ อำเภอเมืองศรีสะเกษ จังหวัดศรีสะเกษ
หลวงพ่อโต หรือ “พระพุทธมหามุนี”
พระประธานในพระวิหารหลวงพ่อโต วัดมหาพุทธาราม (วัดพระโต)
พระอารามหลวง บ้านเมืองเหนือ ต.เมืองเหนือ อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ
หลวงพ่อโต หรือ “พระพุทธมหามุนี” ปัจจุบันได้ประดิษฐานเป็นพระประธานอยู่ในพระวิหารหลวงพ่อโต วัดมหาพุทธาราม (วัดพระโต) พระอารามหลวง บ้านเมืองเหนือ ต.เมืองเหนือ อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ ในตำนานเมืองศรีสะเกษเล่าว่า มีการค้นพบหลวงพ่อโตในสมัยสร้างเมืองใหม่ที่ “ดงไฮสามขา” หลวงพ่อโตที่พบมีสภาพเป็นตุ๊กตาหิน ขนาดเท่าแทน แต่พอไปวัดโดยการโอบด้วยแขนกลับขยายใหญ่ขึ้นจนโอบไม่หุ้ม ดังตำนานเล่าว่า ที่ตั้งวัดพระโต มีป่าเครือมะยางร่มครื้มหนาแน่น ในขณะที่ถางป่านั้นได้พบตุ๊กตาหินรูปหนึ่ง มีลักษณะคล้ายพระพุทธรูป เล่ากันว่า ตุ๊กตาหินองค์นี้มีอภินิหารเป็นพิเศษ คือเมื่อมองดูจะเห็นเป็นรูปเล็กๆ เท่าแขนคนธรรมดา แต่พอเข้าไปกอดเข้ากลับโอบไม่รอบ พวกราษฎรพากันฉงนยิ่งนัก จึงพากันไปบอกอาจารย์ศรีธรรมา ผู้เป็นใหญ่ เมื่อรู้ว่าเป็นจริงก็เลยทำพิธีสมโภชกันขนานใหญ่ และขนานนามตุ๊กตาหินองค์นี้ว่า “พระโต” ซึ่งต่อมาได้นำอิฐหรือปูนสร้างเสริมให้ใหญ่จริงๆ ดังที่เห็นกันในปัจจุบัน (จากวัฒนธรรมพัฒนาการทางประวัติศาสตร์ เอกลักษณ์และภูมิปัญญา จังหวัดศรีสะเกษ หน้า ๑๕๖)
แต่ตำนานที่ค่อนข้างสอดคล้องกับประวัติศาสตร์เมืองศรีสะเกษ จนเป็นที่ยอมรับกันอย่างกว้างขวางเล่ากันว่า หลวงพ่อโตองค์จริงนั้น ถูกหุ้มอยู่ข้างใน เป็นพระพุทธรูปหินดำเกลี้ยง (บางแห่งว่าหินเขียว บางแห่งว่าหินแดง) ปางมารวิชัย (ปางสะดุ้งมาร) เดิมมีหน้าตักกว้างยาว ๒.๕๐ เมตร ต่อมากลัวว่าพวกมิจฉาชีพจะทำให้เสียหาย จึงมีผู้ศรัทธาหุ้มเสริมองค์จริงเข้าไปหลายครั้ง จนถึงปัจจุบันนี้ มีขนาดหน้าตัก ๓.๕๐ เมตร ความสูงตั้งแต่พระเกศาลงมา ๖.๘๕ เมตร เมื่อปีพุทธศักราช ๒๕๐๙ ได้มีการสร้างวิหารใหญ่ครอบซึ่งมีความกว้าง ๑๔.๐๐ เมตร ยาว ๔๐ เมตร ดังที่เห็นอยู่ในปัจจุบัน
สรุปได้ว่า มีการค้นพบหลวงพ่อโต เมื่อพระยาวิเศษภักดี (ชม) ย้ายเมืองมาตั้งใหม่ในสถานที่ที่เป็นจังหวัดศรีสะเกษ ในปัจจุบัน และได้สร้างวัดมหาพุทธาราม (วัดพระโต) เป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองศรีสะเกษขึ้นในปี พ.ศ.๒๓๒๘ และนับถึงปัจจุบันนี้ (พ.ศ.๒๕๕๖) วัดมหาพุทธาราม (วัดพระโต) มีอายุ ๒๒๖ ปี