ประวัติและวัตถุมงคลหลวงพ่อเนื่อง วัดจุฬามณี สมุทรสงคราม พระเกจิผู้มีตาทิพย์
หลวงพ่อเนื่อง โกวิโท (พระครูโกวิทสมุทรคุณ) วัดจุฬามณี ตำบลบางช้าง อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม เป็นพระเกจิอาจารย์ที่โด่งดังมาก เมื่อกว่า ๔๐ ปีก่อน ท่านเป็นศิษย์เอกของหลวงพ่อคง วัดบางกะพ้อม หลวงพ่อแช่ม วัดจุฬามณี หลวงปู่ใจ วัดเสด็จ ฯลฯ วิชาความรู้ทางคาถาอาคมจึงย่อมไม่ธรรมดา
หลวงพ่อเนื่อง ท่านมีนามเดิมว่า เนื่อง เถาสุวรรณ เกิดเมื่อวันที่ ๑๔ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๕๒ ปีระกา โยมบิดาชื่อนายถมยา เถาสุวรรณ โยมมารดาชื่อนางตาบ เถาสุวรรณ เกิดที่บ้านคลองใหญ่ หมู่ที่ ๔ ตำบลแพรกหนามแดง อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม จบการศึกษาชั้นประถม ๔ จากโรงเรียนวัดบางกะพ้อม เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๖๓
หลวงพ่อเนื่อง เข้ารับการอุปสมบทเป็นพระภิกษุ เมื่อวันที่ ๒๙ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๗๕ ณ พัทธสีมาวัดบางกะพ้อม ตำบลอัมพวา อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม ได้รับฉายาว่า "โกวิโท" โดยมี
หลวงพ่อคง ธมฺมโชโต เจ้าอาวาสวัดบางกะพ้อม เป็นพระอุปัชฌาย์
หลวงพ่อแช่ม โสฬส เจ้าอาวาสวัดจุฬามณี เป็นพระกรรมวาจาจารย์
พระอาจารย์ปล้อง วัดบางกะพ้อม เป็นพระอนุสาวนาจารย์
หลังจากที่อุปสมบถท่านได้จำพรรษาอยู่ที่วัดบางกะพ้อม เรื่อยมาเพื่อศึกษาวิชาต่างๆ และท่านสามารถสอบได้นักธรรมชั้นเอก สำนักเรียนวัดจุฬามณี เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๗๙ ขณะเดียวกันท่านก็มีความเชี่ยวชาญในทางวิปัสสนา และพุทธาคมเป็นอย่างมาก เนื่องด้วยท่านได้อาจารย์ดีเป็นเบื้องต้น ตั้งแต่อุปสมบท
ประกอบกับความตั้งใจมั่นในการศึกษา และปฏิบัติอย่างเคร่งครัด โดยได้ศึกษาจากหลวงพ่อคง วัดบางกะพ้อม พระเกจิอาจารย์ผู้โด่งดังของ จังหวัดสมุทรสงคราม
นอกจากนี้หลวงพ่อเนื่อง ท่านยังได้เรียนวิชาอาคมต่างๆ จากหลวงพ่อแช่ม เจ้าอาวาสวัดจุฬามณี และ หลวงปู่ใจ วัดเสด็จ ผู้สร้างตำนาน ตะกรุดลูกอม อันลือลั่น
ไล่เรียงรายนามอาจารย์ของหลวงพ่อเนื่องแล้ว จึงไม่ต้องแปลกใจในความรู้ความสามารถ และความเข้มขลังในสายพุทธาคม ที่หลวงพ่อเนื่องท่านได้สืบทอดมาจากพระเกจิอาจารย์ผู้แก่กล้าสามารถหลายท่าน
หลวงพ่อเนื่อง เป็นพระบริสุทธิสงฆ์ที่ชาวสมุทรสงคราม และจังหวัดใกล้เคียง มีความศรัทธาเลื่อมใสเป็นอันมาก รวมทั้งงานความสามารถในด้านงานพัฒนาสร้างสรรค์ความเจริญรุ่งเรืองมาสู่วัดจุฬามณี และชุมชนท้องถิ่นมาโดยตลอด
ปี พ.ศ. ๒๔๘๙ พระอธิการแช่ม โสฬส เจ้าอาวาสวัดจุฬามณี ได้ถึงแก่มรณภาพลงด้วยโรคชรา ทำให้ตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดเว้นว่างลง ชาวบ้านจึงพร้อมใจกันนิมนต์หลวงพ่อเนื่อง รักษาการเจ้าอาวาสสืบแทน
ปี พ.ศ. ๒๔๙๐ หลวงพ่อเนื่อง ท่านได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาสวัดจุฬามณี ทดแทนตำแหน่งที่ว่างลง
วัดจุฬามณี เป็นวัดราษฎร์ สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย ในหมู่ที่ ๙ บ้านคลองวัดจุฬามณี ตำบลบางช้าง อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม เดิมมีชื่อเรียกว่า วัดแม่เจ้าทิพย์ สร้างมาแต่รัชสมัยสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นระหว่างปี พ.ศ. ๒๑๗๒ - ๒๑๙๐
ตามประวัติว่าท่านท้าวแก้วผลึก (น้อย) ธิดาคนหนึ่งของท่านพลายซึ่งเป็นนายตลาดบางช้าง มีหน้าที่เก็บภาษีอากรขนอนตลาด ต้นวงศ์ราชนิกูลบางช้าง เป็นผู้สร้าง
ในช่วงสงครามกรุงศรีอยุธยากับพม่า ท่านนาค (ต่อมาได้รับสถาปนาเป็นสมเด็จพระอมรินทราบรมราชินี) พระอัครชายาเดิมในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ขณะทรงครรภ์แก่ ได้หลบซ่อนพม่าอยู่ในป่าทึบหลังวัดจุฬามณี
ต่อมาได้มีประสูติการท่านฉิม (พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย) คาดว่าสถานที่ประสูติน่าจะใกล้ต้นจันทน์อันเป็นนิวาสถานหลังเก่าของท่านเศรษฐีทอง
อีกทั้งสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากรมพระศรีสุดารักษ์ (แก้ว) พระพี่นางองค์ที่ ๒ ของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ก็ได้หลบภัยพม่ามาอาศัยอยู่กับพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชด้วย กำลังอยู่ในระหว่างทรงพระครรภ์แก่และได้มีพระประสูติการพระธิดาในป่าหลังวัดจุฬามณีด้วยเช่นกัน คือสมเด็จพระศรีสุริเยนทราบรมราชินี
วัดจุฬามณี เคยรุ่งเรืองในสมัยท่านพระอธิการเนียมเป็นเจ้าอาวาสองค์ที่ ๒ ท่านตั้งโรงเรียนสอนหนังสือไทยและหนังสือขอมขึ้นในวัดจุฬามณี
เมื่อสิ้นท่านไปเสียแล้วในราวปี พ.ศ. ๒๔๕๙ วัดอยู่ในสภาพเกือบเป็นวัดร้าง มีพระจำพรรษาอยู่เพียงไม่กี่รูป จนวัดเสื่อมสภาพทรุดโทรมปรักหักพังเสียเป็นส่วนใหญ่ กำนันตำบลปากง่าม (ปัจจุบันคือตำบลบางช้าง) ขออาราธนาพระอาจารย์แช่ม โสฬส ซึ่งเป็นพระลูกวัดจำพรรษาอยู่ในวัดบางกะพ้อม มาปกครองวัดให้เจริญรุ่งเรือง
ในสมัยหลวงพ่อแช่ม ท่านได้ริเริ่มปลูกสร้างเสนาสนะสงฆ์และสร้างศาลาการเปรียญจนกระทั่งเสร็จเรียบร้อยเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๖๓ วัดจุฬามณี มีเจ้าอาวาสปกครองเท่าที่สืบได้ดังนี้
๑. พระอธิการยืน
๒. พระอธิการเนียม
๓. พระอาจารย์แป๊ะ
๔. พระอาจารย์ปาน
๕. หลวงพ่ออ่วม
๖. พระอาจารย์นุ่ม
๗. หลวงพ่อแช่ม
๘. หลวงพ่อเนื่อง โกวิโท
๙. พระครูโสภิตวิริยาภรณ์ (พระอาจารย์ อิฏฐ์ ภทฺทจาโร) เจ้าอาวาสรูปปัจจุบัน
หลังจากที่หลวงพ่อเนื่อง ได้ขึ้นดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัด ท่านได้พัฒนาวัดอย่างสุดความสามารถทั้งการสร้างเสนาสนะต่างๆ จนวัดเจริญร่งเรืองขึ้นเป็นอันมาก ทั้งการสร้างศาลาการเปรียญ และกุฏิสงฆ์ ที่ทรุดโทรมให้คงทนถาวรขึ้น
ปี พ.ศ. ๒๔๙๖ ท่านได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ เป็นพระครูสัญญาบัตรที่ "พระครูโกวิทสมุทรคุณ"
ปี พ.ศ. ๒๔๙๗ ท่านได้รับการแต่งตั้งให้เป็นครูสอนพระปริยัติธรรม ประจำสำนักเรียนวัดบางกะพ้อม
ปี พ.ศ. ๒๔๙๘ ท่านได้รับการแต่งตั้งให้เป็นพระอุปัชฌาย์
ปี พ.ศ. ๒๕๑๐ หลวงพ่อเนื่อง ท่านได้เริ่มก่อสร้างพระอุโบสถจตุรมุข หินอ่อน ๓ ชั้น กว้าง ๔๐ เมตร ยาว ๘๐ เมตร สูง ๑๐ เมตร ทดแทนหลังเก่าที่เสื่อมโทรม เริ่มก่อสร้างเมื่อวันที่ ๒๓ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๑๐
โดยพระอุโบสถหลังใหม่นั้นมีมูลค่าการก่อสร้างนับสิบล้านบาท และได้ประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์เมื่อวันที่ ๑๕ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๑๑ โดยสมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปรินายก (จวน อุฏฐายี) (แล้วเสร็จในสมัยของพระอาจารย์อิฏฐ์ ภทฺทจาโร)
ปี พ.ศ. ๒๕๑๗ ท่านได้เลื่อนเป็นพระครูสัญญาบัตร เจ้าอาวาสชั้นโท ฝ่ายวิปัสสนาคันธุระ ในราชทินนามเดิม
หลวงพ่อเนื่อง ท่านเป็นพระที่ค่อนข้างแปลกจากพระรูปอื่นทั่วไปคือท่านเป็นคนที่ ชอบผื่นดิน ชอบป่า เคร่งในศาสนา หลายครั้งที่ท่าน ธุดงเข้าป่าตามลำพัง เพื่อที่จะวิปัสนากรรมฐาน ตามกิจของสงค์ที่พึงมีตั้งแต่อดีตกาล
หลวงพ่อเนื่อง ท่านมีวัตรปฏิบัติที่แปลกและน่าอัศจรรย์อยู่อย่างหนึ่งคือทั้งปีท่านจะสรงน้ำเพียง ๑ วันเท่านั้นคือในวันสงกรานต์
ซึ่งน่าประหลาดที่ร่างกายของท่านกลับไม่มีกลิ่น และเหงื่อไคลแต่อย่างใดเลย ดังนั้น ศิษยานุศิษย์ที่เคารพนับถือในตัวหลวงพ่อ จึงแห่แหนกันมาในวันสงกรานต์อย่างเนืองแน่น เพื่อร่วมสรงน้ำท่านกันทุกปี
ในด้านวิชาอาคมของหลวงพ่อนั้น เล่ากันต่อมาว่าลูกศิษย์ลูกหาของท่านมักจะมาขอความเมตตา ขอใบมะนาวเสกจากหลวงพ่อเนื่อง ซึ่งใบมะนาวเสกถือเป็นของขลังที่หลวงพ่อมักจะหยิบยื่นให้ผู้ที่ไปกราบไหว้
โดยใบมะนาวเสกนี้เมื่ออธิษฐานจิตขอในสิ่งที่ปรารถนา เช่น บางคนอยู่เป็นคู่สามีภรรยากันมานานนับสิบๆ ปี ก็ไม่มีลูกสักที แต่เมื่อไปอธิษฐานขอกับหลวงพ่อเนื่องแล้ว ท่านให้ใบมะนาวเสกติดกลับบ้าน ชั่วเวลาไม่นานก็ท้องสมใจ
หรือบางกรณีมีผู้ไปขอโชคลาภ หรือที่เรียกกันว่าขอหวย ซึ่งทุกคนที่ไปขอก็ได้ไปด้วยความสุขใจ และมีชีวิตที่ดีขึ้น ด้วยบารมีแห่งความเป็นผู้หยั่งรู้ จนชื่อเสียงด้านการให้หวยแม่นอย่างกับตาเห็นของท่านเป็นที่โด่งดัง เป็นผลให้ลูกศิษย์ลูกหาและผู้สนใจในการเสี่ยงโชค ต่างมุ่งหน้าสู่ วัดจุฬามณีเนืองแน่น
จนครั้งหนึ่งท่านถูกตั้งกรรมการสอบ ด้วยข้อกล่าวหาประพฤติตนไม่เหมาะสมแก่สมณวิสัย โดยการ อวดอุตริมนุษย์ธรรม หรือ การอวดอ้างคุณวิเศษอันไม่มีในตน เนื่องด้วยข่าวทราบถึง ท่านเจ้าคุณพระธรรมปิฎก (สนิท เขมจารี) ต่อมาเลื่อนเป็น สมเด็จพระธีรญาณมุนี วัดปทุมคงคา
ซึ่งขณะนั้นเป็นเจ้าอาวาสวัดเพชรสมุทร เจ้าคณะภาค มีบัญชาให้ เจ้าคณะอำเภอ คือ พระครูปัญญาสมุทรคุณ (พจน์) เป็นประธานในการสอบ โดยในวันสอบนั้น ท่านเจ้าพระคุณพระธรรมปิฎก (สนิท เขมจารี) ได้เดินทางไปร่วมสอบด้วย
ซึ่งหลวงพ่อเนื่อง ได้ให้การแก้ต่างว่า "ไม่ได้อวดอุตริแต่อย่างใด เพียงแต่เห็นอะไร ก็บอกไปอย่างนั้น" ทำให้คณะกรรมการสอบเกิดความสงสัย ว่าจะเป็นจริงหรือไม่
จึงมีการพิสูจน์กันขึ้นโดยหลวงพ่อเนื่องเขียนล็อตเตอรี่รางวัลที่ ๑ ที่จะออกในงวดนั้น ใส่ไว้ในหีบมัดเชือกอย่างหนาแน่น แขวนไว้กลางศาลา จัดเวรยามป้องกันแน่นหนา
เมื่อถึงวันล็อตเตอรี่ออก และทราบตัวเลขที่ออกแล้ว คณะกรรมการจึงเปิดหีบดูตัวเลขในกระดาษที่เขียนอาไว้ล่วงหน้า ผลปรากฏว่าถูกต้องตามเลขรางวัลโดยไม่มีตัวสลับแม้แต่น้อย คณะกรรมการจึงสิ้นความสงสัย
แต่ได้กล่าวตักเตือนว่าการบอกเลข (หวย) ให้ชาวบ้านนั้นเป็นการประพฤติที่ไม่เหมาะสมแก่สมณวิสัย จึงขอให้ห้ามบอกอีกต่อไป ตั้งแต่นั้นมาท่านจึงยุติการบอกตัวเลข
แต่เมื่อชาวบ้านไปขอมากๆ หลวงพ่อเนื่อง ท่านก็ได้เพียงบอกใบ้ให้ชาวบ้านตีความกันเอาเอง ใครมีโชคจากการเสี่ยงดวงมักนำปัจจัยมาถวายท่าน แต่ท่านก็ไม่ได้ใส่ใจนัก เก็บไว้ในตู้ โต๊ะ โดยไม่เคยหยิบจับนับดู
กระทั่งภายหลังมรณะภาพ คณะกรรมการได้ตรวจสอบทรัพย์สินภายในกุฏิของท่าน พบธนบัตรเป็นจำนวนมากอยู่ในซองกระดาษที่ไม่ได้ถูกแกะจำนวนมาก นับแล้วเป็นเงินถึง ๒๐ ล้านบาท
ในคราวที่สมเด็จพระเทพฯ เสด็จมาบูชาหลวงพ่อเนื่อง ทรงทูลถามหลวงพ่อ ว่าได้ "ยินมาว่าหลวงพ่อ ให้หวยชาวบ้านถูกกันง่ายๆ จริงหรือไม่"
หลวงพ่อเนื่อง ท่านเลยตอบว่าจะเขียนให้สมเด็จพระเทพฯ เก็บไว้ชมสัก ๑๐ งวด แต่สมเด็จพระเทพฯ ไม่ทรงรับ แต่ขอชมบารมีแค่งวดเดียว หลวงพ่อจึงเขียนให้ไปและเลขก็ออกตามที่เขียน สมเด็จพระเทพฯ ท่านจึงได้เห็นอัศจรรย์ตามนั้น พอภายหลังมาหลวงพ่อป่วย สมเด็จพระเทพฯ จึงทรงรับเป็นอุปถัมภ์ที่โรงบาลสมิติเวชฯ
หลวงพ่อเนื่อง ปกครองวัดเรื่อยมาจนเมื่อต้นปี พ.ศ. ๒๕๓๐ ท่านเริ่มมีอาการอาพาธ ที่โรงพยาบาลสมิติเวช โดยอยู่ในพระอุปถัมภ์ของสมเด็จพระเทพฯ เรื่อยมาจนถึงแก่มรภาพลงในนวันที่ ๒๗ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๓๐ เวลา ๐๖.๒๐ น. นับสิริรวมอายุได้ ๗๘ ปี ๕๖พรรษา
ยังความโศกเศร้าเสียใจ แก่ศิษยานุศิษย์เป็นอันมาก ทิ้งไว้แต่หลักคำสอน วัตถุมงคล และผลงานการก่อสร้างวัดจุฬามณี ที่มีความสวยงามและร่มรื่นจนทุกวันนี้
และเรื่องที่น่าอัศจรรย์เป็นอย่างยิ่งก็คือ สรีระของ"หลวงพ่อเนื่อง"ท่าน กลับไม่เน่าเปื่อยแต่อย่างใด คงอยู่ในสภาพเดิมๆ ภายในหีบแก้ว บนมณฑป ที่ทางวัดและศิษยานุศิษย์ร่วมกันจัดสร้างขึ้นมาอย่างงดงามยิ่ง
ข้อมูล pra-maeklong