เศรษฐีทั้ง 9
เดิมในสมัยพุทธกาล เศรษฐีเป็นตำแหน่งที่ราชาเจ้าแคว้น พระราชทานให้แก่ผู้มีทรัพย์ เป็นพ่อค้าวานิชที่มีผลต่อเศรษฐกิจและความมั่งคั่งของท้องพระคลัง แต่ในพระคาถามุ่งหวังเพียงอ้างความดีของท่านผู้ใจบุญกลุ่มหนึ่ง ที่ปรากฏนามในพระชาดก ซึ่งบริจาคทานอย่างมโหฬาร หรือมีบารมีมาก สามารถบันดาลฝนโบกขรพรรษ สงเคราะห์แก่บริวารได้ เพื่อหวังอ้างบารมีของท่านเหล่านั้น ให้ส่งผลต่อผู้บูชา บุคคลเหล่านั้นทั้งที่อยู่ร่วมสมัยพุทธกาล และสมัยของอดีตพุทธะ มีชื่อว่า
ธนัญชัย
ยะสะ
สุมนะ
ชฏิละ
อนาถปิณฑิกะ
เมณฑกะ
โชติกะ
สุมังคละ
มัณฑาตุ
เวสสันตร
รวมเป็น 10 ท่าน ในบางฉบับ มี 11 ท่าน และในบทคาถานี้ ไม่มีนางวิสาขา มหาอุบาสิกา (ไม่มีชื่อในคาถานี้) ทำให้มีการคัดลอกผิด ๆ มาตลอดหลายปี
ผู้รู้ได้ถือเอาคตินี้มาสร้างเป็นพระนวเศรษฐี ให้มีพระพักตร์ทั้งหมด 9 พระพักตร์ แทนคุณของผู้บำเพ็ญทานในอดีต โดยรับอิทธิพลรูปแบบของพุทธมหายาน ทำให้มีหลายพระพักตร์
ประวัติ
เป็นคติของชาวล้านช้างที่ใช้พระคาถานี้ บูชาพระในวันทางจันทรคติที่กำหนดไว้ในตำรา เชื่อว่าผู้ใดได้บูชาพระด้วยคาถานี้แล้ว จะมีสิริมงคล ทำมาค้าขึ้น ประสพโชคลาภ อยู่เย็นเป็นสุข ด้วยอานิสงส์ ในบทความที่แพร่หลายกัน อ้างว่ามีตำนาน สมัยหนึ่งเกิดทุกข์เข็ญ ทุพภิกขภัยข้าวยากหมากแพง ประชาชนเดือดร้อน บังเกิดความอดอยากขึ้น มีพระภิกษุรูปหนึ่ง ได้แนะนำให้สร้างพระเศรษฐีนวโกฏิขึ้น เพื่อทำการสักการบูชาแก้เคล็ดในความทุกข์ยากทั้งหลาย และเมื่อสร้างและทำการฉลองสำเร็จ ก็ปรากฏมีเหตุการณ์เป็นอัศจรรย์คือ ความทุกข์ยากอดอยากทั้งหลาย ได้บรรเทาลงและสงบระงับในที่สุด ซึ่งอ้างอิงยุคสมัยไม่ได้
ข้อมูลวิกิพีเดีย