ลิ้มกอเหนี่ยว (จีน: 林姑娘; แปลตรงตัว: "พรหมจารีหลิน") หรือ ลิ้มโกวเนี้ย ตามสำเนียงแต้จิ๋ว เป็นเทพที่ชาวจีนในภาคใต้ของประเทศไทยสักการะ กล่าวกันว่า เธอเป็นน้องสาวของลิ้มโต๊ะเคี่ยม โดยเธอฆ่าตัวตายหลังไม่สามารถเกลี้ยกล่อมให้พี่ชายกลับบ้านได้ และต่อมาถูกบูชาเป็นเทพีของชุมชนจีนในภาคใต้ของประเทศไทย เพื่อแสดงถึงความกตัญญูและความรู้สึกรักชาติต่อประเทศจีน ในจังหวัดปัตตานีมีศาลเจ้าเล่งจูเกียงและพิพิธภัณฑ์ที่อุทิศแด่ตัวเธอ
กล่าวกันว่า ลิ้มกอเหนี่ยวเป็นน้องสาวของลิ้มโต๊ะเคี่ยม ผู้เป็นโจรสลัดในจีนราชวงศ์หมิงที่ตั้งถิ่นฐานในอาณาจักรปาตานีในคริสต์ศตวรรษที่ 16 ไม่มีใครรู้ว่าเธอมีตัวตนจริงหรือไม่ และชื่อเธอก็ไม่กระจ่างพอ (กอเหนี่ยว แปลว่า "พรหมจารี" หรือ "หญิงสาว") ข้อมูลบางส่วนอ้างว่า เธอมีชื่อว่าสี่เจิน (慈貞) แต่อีกเรื่องหนึ่งที่ลิ้มโต๊ะเคี่ยมออกจากไต้หวันบันทึกชื่อเธอเป็นจินเหลี่ยน (金蓮) ตามตำนาน เมื่อแม่เธอป่วย ลิ้มกอเหนี่ยวจึงตามหาลิ้มโต๊ะเคี่ยม โดยสาบานว่าจะไม่กลับมาจนกว่าจะนำเขากลับมา เธอพบลิ้มโต๊ะเคี่ยมที่ปาตานี โดยเขาแต่งงานกับพระราชธิดาของสุลต่าน เข้ารับอิสลาม และกำลังสร้างมัสยิดให้ราชินี แต่เขาไม่ยอมกลับบ้าน นั่นทำให้เธอฆ่าตัวตายโดยการแขวนคอบนต้นมะม่วงหิมพานต์ ก่อนที่เธอจะเสียชีวิต เธอสาปให้มัสยิดที่พี่สร้าง (เชื่อว่าเป็นมัสยิดกรือเซะ) ไม่มีวันเสร็จ ด้วยความอาลัย ชาวจีนท้องถิ่นยุคหลังได้สร้างรูปสลักจากต้นไม้ที่เธอแขวนคอ สร้างศาลเจ้าขนาดเล็ก และสักการะเธอเพื่อแสดงถึงความกตัญญูและความรู้สึกรักชาติต่อประเทศจีน
กล่าวกันว่า พี่ชายของเธอสร้างสุสานใกล้กับมัสยิดกรือเซะใน ค.ศ. 1574 แต่จริง ๆ มันอาจถูกสร้างในช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 20 เชื่อกันว่า ที่ฝังศพของเธอจริง ๆ อยู่ริมท่าเรือ ซึ่งถูกน้ำทะเลท่วมแล้ว ทำให้ต้องย้ายสุสานไปตั้งข้างมัสยิดกรือเซะในช่วง ค.ศ. 1919
เดิมทีภาพเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยวตั้งอยู่ในศาลเจ้าขนาดเล็กใกล้มัสยิดกรือเซะ แล้วค่อยย้ายภาพไปที่ศาลเจ้าเล่งจูเกียง (靈慈宮) ซึ่งศาลเจ้านี้เคยมีชื่อว่าศาลเจ้าจ้อซูก้ง (祖師公祠) ที่อุทิศแด่เฉ่งจุ้ยจ้อซู มีบันทึกในศาลเจ้าว่า มีศาลเจ้านี้ในกัวลาเบอกะฮ์แห่งปาตานีใน ค.ศ. 1547 ด้วย โดยเป็นศาลเจ้าเก่าแก่ที่สุดที่อุทิศให้กับปรมาจารย์เฉ่งจุ้ยเท่าที่รู้จักในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าวกันว่า ผู้นำจีนชื่อว่า หลวงจีนคณานุรักษ์ ตกแต่งศาลเจ้าใหม่และย้ายภาพสลักของลิ้มกอเหนี่ยวมาที่นี่ใน ค.ศ. 1879 หลังย้ายภาพมาแล้ว ศาลเจ้านี้ถูกเปลี่ยนชื่อเป็นเล่งจูเกียง แต่คนทั่วไปเรียกว่าศาลเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว ในศาลเจ้านี้ยังมีเทพเจ้าองค์อื่นที่ได้รับสักการะด้วย เช่นม่าจ้อโป๋และฝูเต๋อเจิ้งเชิน ต่อมามีการปรับปรุงศาลเจ้านี้บางส่วนใน ค.ศ. 1912 และ ค.ศ. 1969
ศาลเจ้าอื่นที่อุทิศแด่ลิ้มกอเหนี่ยวมีอยู่ในย่านจังหวัดสงขลาและจังหวัดยะลา และมีการสักการะตัวเธอในบางเมืองในภาคกลางและภาคใต้ตอนบน การสักการะลิ้มกอเหนี่ยวเริ่มเผยแผ่นอกพื้นที่ปาตานีในคริสต์ทศวรรษ 1950 และศาลเจ้าในปาตานีกลายเป็นจุดดึงดูดนักท่องเที่ยวสำหรับผู้ที่มาจากประเทศมาเลเซียและสิงคโปร์มาตั้งแต่คริสต์ทศวรรษ 1960 เป็นต้นมา
งานสมโภชเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว จัดขึ้นทุกปีที่จังหวัดปัตตานี โดยเริ่มต้นในวันปีใหม่จีนในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ของทุกปี ต่อมาในวันที่ 15 ชาวบ้านจะยกภาพไม้ของลิ้มกอเหนี่ยวกับเทวรูปอื่น ๆ 17 รูปในศาลเจ้าเป็นขบวนใหญ่ ให้ผู้คนในย่านต่าง ๆ สักการะ ภาพเหล่านี้จะถูกยกข้ามแม่น้ำปัตตานีผ่านการแช่ในน้ำ และในวันต่อมา ผู้ที่ถือก็จะเดินลุยไฟ
บ้างก็มายืมเงินเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยวไปเป็นเงินก้นถุงสำหรับทำการค้าขาย เช่นปีนี้มาขอยืมไป ๕๐ บาท ปีหน้าก็เอาเงินมาคืน ๑๐๐ บาท เป็นต้น บ้างก็นำของไปถวายเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว เช่น ส้ม องุ่น ขนมเต่า ฯลฯ บางคนก็ทำบุญโดยมาขอซื้อขนมหรือของที่มีผู้นำมาถวายเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยวไป เพื่อเป็นสิริมงคล ในการซื้อของต่างๆ เหล่านี้จะมีเจ้าหน้าที่ทอดลูกเบี้ยถามราคา เช่น ขนมเต่าตัวนี้ราคา ๑๐๐ บาท ได้ไหม หากเป็นคนจนอาจลดราคาลงเป็น ๕๐ บาท แต่ถ้าเป็นคนรวยอาจเพิ่มเป็น ๑๒๐ บาท แต่อาจมีบางคนที่มีฐานะยากจนมาช่วยเหลือและรับใช้งานเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว เมื่อขอขนมหรือผลไม้เอาไปรับประทาน เจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยวก็ให้ไปโดยไม่คิดเงิน บางคนเจ็บป่วยไม่สบายได้บนบานไว้ เมื่อหายแล้วจะแก้บนเป็นสร้อยคอ แหวน ซึ่งเป็นทองคำแท้ๆเริ่มตั้งแต่คุณพระจีนคณานุรักษ์สร้างศาลเจ้าเพื่อให้พระเซ๋าซูกง (พระหมอ) และเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยวประทับนั้น มีคนในตระกูลคณานุรักษ์เป็นผู้ดูแลจัดการศาลเจ้าแห่งนี้ตลอดมา โดยเริ่มแรกก็เป็นคุณพระจีนคณานุรักษ์เอง ต่อมามอบให้บุตรชายคนที่สาม คือ ขุนพิทักษ์รายาเป็นผู้ดูแล ภายหลังขุนพิทักษ์รายามอบให้นายดิเรก คณานุรักษ์ผู้เป็นบุตรดูแล และปัจจุบันนายสมพร วัฒนายากร ซึ่งมีมารดาเป็นเชื้อสายคณานุรักษ์ และเป็นบุตรเขยของนายดิเรก คณานุรักษ์ เป็นผู้ดูแลและจัดการ โดยแบ่งหน้าที่แก่กรรมการฝ่ายต่างๆ ช่วยจัดการอีกต่อหนึ่ง นั่นคือศาลเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยวจังหวัดปัตตานี ซึ่งต้นตระกูลคณานุรักษ์เป็นผู้สร้าง ยังคงอยู่ในความดูแลรักษาของคนในตระกูลคณานุรักษ์อยู่ และปัจจุบันได้รับการสนับสนุนเอาใจใส่จากทางราชการในจังหวัดปัตตานีเป็นอย่างดี